เพื่อนมาปรึกษาว่า ทำไมที่บริษัทของเขามีพนักงานระดับผู้จัดการลาออกบ่อยจัง ทำให้เขาต้องปวดหัวที่จะหาคนมาแทน
ผมเองก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไม เลยของเพื่อนดูรายละเอียดหน้าที่งานและระบบการเงิน
อาทิตย์ต่อมาเพื่อนผมนัดพบและถามผมว่ารู้มั้ยว่าทำไม
ผมบอกเพื่อนว่า ผมรู้แล้วหละว่าทำไม
เพื่อนผมรีบถามอย่างอยากรู้ ผมจึงบอกเพื่อนว่า รู้แล้วห้ามโกรธนะ
เพื่อนผมพยักหน้ารับคำ และเร่งให้ผมรีบบอกออกมา
ผมบอกเพื่อนว่า "ถ้านายอยากได้คนเก่งอย่างไทเกอร์ วูดส์ แต่จ่ายค่าแรงแบบแคดดี้ ชาตินี้นายก็คงต้องหาผู้จัดการกันแทบทุกเดือนนั่นแหละ ถูกแล้ว"
พูดจบ ผมเรียกคนมาเก็บตังค์ และบอกเพื่อนว่า มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง
บุริม โอทกานนท์
3-02-08
เข้าใจประเด็นของอาจารย์ครับ แต่อยากขอแลกเปลี่ยนด้วยว่าในบางครั้ง หรือบางทีก็หลายๆ ครั้ง เงินก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่นะครับ
กรณีนี้ อาจจะเป็นเรื่องความคาดหวังซึ่งไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงก็ได้นะครับ ถึงได้ไทเกอร์ วูดส์มา (ถ้าจ่ายเขาไหว) ก็ยังไม่แน่ว่าจะพอใจ
สวัสดีค่ะ
ดิฉันมีความเห็นจากเรื่องจริงอยู่บ้างค่ะ
เท่าที่ทำงานมานาน เห็นว่า แรงจูงใจมีด้วยกัน 3 มิติ คือ.....
เศรษฐกิจ สังคม และศีลธรรม บ่อยครั้งที่ระบบแรงจูงใจอย่างหนึ่งอาจครอบคลุมทั้ง 3 ลักษณะ ได้...
แต่บางครั้ง จ่ายดี สังคมดี แตธุรกิจที่ทำ ขัดกับอุดมคติหรือความเชื่อของคนๆนั้นอย่างแรง จ่ายดีอย่างไรก็ไม่รับค่ะ
เช่น ธุรกิจที่ มีการไซฟอนเงินกันอย่างลับๆ หรือมีการแต่งบัญชีอย่างมาก หรือ.....อะไรอีกหลายอย่าง
เรื่องนี้ คือ เรื่อง การลาออกบ่อยๆของพนักงาน สำหรับดิฉัน คิดว่า มีรายละเอียด นอกเหนือจากเรื่องเงินค่ะ