สมานฉันท์
มูฮัมมัด วรนันท์ รอมฎอน บุนนาค

วะกัฟ ,ที่ดินวะกัฟ การเหนียต เกี่ยวอะไรกับโครงการท่อก๊าซ จะนะ สงขลา


การบริจาคการตั้งเจตนาที่มุสลิมเรยกว่าเหนียต เพื่อการบริจาคนั้น เป็นเรื่องยิ่งใหญ่มาก ในวิถีชีวิตของผู้ที่เป็นมุสลิมแล้วการเหนียตหรือคือการเจตนามั่นที่จะกระทำสิ่งใดใดแล้วสิ่งนั้นถือเป็นเจตนาแล้ว เป็นเจตนาบริสุทธิ์ที่พระผู้เป็นเจ้าเอกองค์อัลลอฮ(ซ.บ)ทรงรับการงานของเขาแล้ว และก่อนที่เขา มุสลิมจะเหนียต ตั้งเจตนาเรื่องใดเรื่องหนึ่งในหนทางของพระผู้เป็นเจ้าเขาไตรตรองมาแล้วรอบด้าน ดังนั้นทุกงานเหนียตของเขาจะถูกรับเพราะเขาไม่ได้เหนียตเพื่อมนุษย์แต่เขาเหนียตบริจาคในหนทางของพระผู้เป็นเจ้า
        วะกัฟเป็น คำภาษาอรับ แปลว่า หยุด เลิก ไม่เป็นเจ้าของ คือมอบให้เป็นของพระผู้เป็นเจ้า(พระองค์ อัลลอฮ พระผู้ทรงบริสุทธิ์ยิ่ง ผู้ทรงกรุณาปราณี ผู้ทรงเมตตายิ่งเสมอ)ดังนั้นผู้ที่เป็นมุสลิมทุกคน (ยกเว้นแต่เด็ก และผู้วิกลจริต) มีหน้าที่ต้องดูแล ต้องไม่ทำให้สิ่งที่วะกัฟนั้นเสียหาย และที่สำคัญต้องดูแลรับผิดชอบชั่วชีวิต ที่ดินวะกัฟ ไม่สามารถชดใช้ ชดเชย หรือแลกเปลี่ยนได้ และไม่สามารถยกให้ใครได้ ในอิสลามการวะกัฟถือเป็นการมอบให้อัลลอฮ พระผู้เป็นเจ้าแล้ว มุสลิมทุกคนมีหน้าที่ดูแล ห้ามทำให้เสียหาย เรื่องของการวะกัฟจึงไม่ใช่เรื่องธรรมดา การวะกัฟแล้วเช่นวะกัฟที่ดินสร้างมัสยิด(สุเหร่า)แล้ว ลูกหลานมาทวงคืนไม่ได้ การวะกัฟอาจทำโดยมีหลักฐานตามกฎหมายหรือไม่มีหลักฐานก็ได้แต่มีสัปปุรุษมุสลิมอาวุโสรับรู้และนำไปบอกล่าวแก่ชุมชน ที่ประชุม ชาวบ้านและดำเนินการเรื่องนี้ให้เป็นศาสนสมบัติเป็นการงานที่ทำเพื่อพระผู้เป็นเจ้า ผู้วะกัฟเชื่อในผลบุญที่เขาจะได้รับจากพระผู้เป็นเจ้า ท่านเชื่อไหมว่าเมื่อวะกัฟที่ไปแล้ว จะมาพูดลำเลิกบุญคุณ เช่น ที่ดินมัสยิดนี้เป็นของพ่อผม เป็นของแม่ผม ไม่ได้เพราะนั่นเท่ากับลำเลิกสิ่งที่มอบให้พระผู้เป็นเจ้าไปแล้ว เรื่องนี้ถือว่าร้ายแรงเพราะพระผู้เป็นเจ้าจะถอดความเมตตาและพระองค์จะไม่รับการงานของผู้ลำเลิกในสิ่งที่ได้มอบหมายแล้ว มุสลิมทุกคนจึงไม่คิด ม่พูดและกระทำการลำเลิกเด็ดขาด กรณีจะวินิจฉัยที่วะกัฟทำได้ไม่ยาก เรียกประชุมชาวบ้าน กรรมการมัสยิด อิหม่าม คอเต็บ บิหลั่น หรือแม้แต่คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดรับฟังเขาว่านี่คือที่วะกัฟหรือไม่ เป็นเรื่องไม่ยาก สิ่งที่สำคัญต้องวินิจฉัยตามหลักการศาสนาอิสลามว่าด้วยการวะกัฟ ห้ามวินิจฉัยจาก 1. เกรงอิทธิพล 2.อ้างเป็นเรื่องการเมือง 3.การหาข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ดังนั้นเรื่องนี้คำตอบอยู่ที่หมู่บ้าน อยู่ที่การยืนยันของชุมชน และหากพบว่าเป็นที่วะกัฟจริง (ซึ่งเท่าที่ทราบก็เป็นที่วะกัฟจริง) บริษัทต้องหยุดการละเมิดที่ดินวะกาฟ  ส่วนกรณีที่สำนักจุฬาลงผู้แทนเข้าไปตรวจสอบ และวินิจฉัยผิดพลาดโดยกล่าวอ้างว่าเข้าไปหาข้อมูลผิดพลาดเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ไม่สมควรอย่างยิ่ง องค์กรสำนักจุฬา ถือว่าเป็นองค์กรประมุขของศาสนาอิสลาม มีคณะกรรมการกลางอยู่ด้วย จะทำอะไร จะวินิจฉัยอะไร จะส่งใครลงไปจำเป็นต้องส่งผู้ที่รอบรู้ ผู้ที่มีความชัดเจนด้านวินิจฉัยศาสนาลงไปไม่ใช่อ้างเลื่อนลอยว่าไปตรวจผิดที่ คำวินิจฉัยจาดสภาพที่ส่งบุคคลากรของสำนักฯออกไปอย่างขาดความรับผิดชอบกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องเสียหายที่สำนักฯต้องรับผิดชอบ  เมื่อรู้ว่าวินิจฉัยผิดพื้นที่ก็ต้องรีบลงไปในพื้นที่ที่เป็นปัญหา อย่าสนับสนุนบริษัท หรือเห็นแก่เงินผลประโยชน์จากบริษัทที่ละเมิดกฏของวะกัฟ (ท่านและผู้แทนต้องตระหนักว่านี่เป็นการงานของอัลลอฮผซ.บ) ที่พระองค์จะสอบสวนท่าน หากท่านมั่ว วินิจฉัยห่างออกจากบัญญัติศาสนา เช่นด้วยที่คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลาจะแสดงความไม่เห็นด้วย ไม่ไปร่วมประชุม เพื่อสั่งสอนการทำงานของสำนักและผู้แทนที่ส่งออกมาวินิจฉัยมั่ว อย่างนี้องค์กรชาวบ้าน มุสลิม จะพึ่งพาอาศัยใคร รัฐและนายทุนสมคบกันรังแกชาวบ้าน ไม่สนใจรัฐธรรมนูณ ยังมาเจอองค์กรสูงสุดของมุสลิมที่ทำงานมั่วอีก ขอพระองค์อัลลอฮ(ซ.บ)ได้ประทานความโปรดปราณให้ชาวบ้านได้รับชัยชนะด้วย   
หมายเลขบันทึก: 162893เขียนเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2008 18:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน 2012 18:49 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท