เมื่อโอกาสไม่มาถึงสักที ก็สร้างโอกาสขึ้นเองเสียเลย


หลายคนรอคอยให้โอกาสที่ดีมาหล่นใส่เท้าตัวเอง เพื่อที่จะได้แสดงศักยภาพของตนเองออกมาอย่างเต็มที่
หลายคนพานพบกับโอกาสอย่างมากมาย เหมือนชาติที่แล้ว ทำบุญมามากมาย
ในขณะที่อีกหลายคน เพียรพยายามไขว่คว้า หาโอกาส แต่เหมือนนบุญมีแต่กรรมบังเอาไว้


หลายคนเรียกร้อง ขอโอกาส โอกาส และ โอกาสสักครั้ง
หลายครั้งหลายคราว โอกาสผ่านเข้ามาในชีวิต แต่คนเรากลับมองไม่เห็นโอกาสอันนั้น



มีหนุ่มน้อยรายหนึ่ง อยากทำงานในร้านสะดวกซื้อ ตามระดับการศึกษาของตนที่เรียนมา
เพียรพยายามไปสมัครงานเป็นลูกจ้างร้านสะดวกซื้อ ร้านโชห่วย แต่เศรษฐกิจของเมืองไทยยามนี้ ต้องคิดถึงความคุ้มทุน และอยู่รอดให้ได้
หนุ่มน้อยรายนั้น พยายามไปสมัครเป็นลูกจ้างหลายแห่ง แต่ถูกปฏิเสธหมด..


เมื่อมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งให้ข้อคิดเตือนสติว่า ทำไมต้องไปเป็นลูกจ้างเขาด้วย
.... เป็นนายของตัวเองดีกว่า อิสระดี

หนุ่มน้อยรายนั้นจึงสร้างโอกาสให้ตนเอง ไปรับจ้างเข็นผักที่ตลาดสด รับจ้างเล็กๆน้อยๆ เก็บหอมรอมริบ จนมาเปิดแผงขายลาบกับคนในครอบครัว ก่อนที่จะมีเงินทุน ซื้อของมาเปิดร้านขายของชำเล็กๆที่บ้านของตนเองในหมู่บ้าน


แม้ว่าจะมีการเปิดสาขาของร้านสะดวกซื้อ 7-11 หลายสาขา แต่กิจการของหนุ่มน้อยรายนี้ยังอยู่รอดมาได้ ด้วยอัธยาศัยไมตรีของเจ้าของร้าน และหลายสิ่งที่ร้าน 7-11 ยังไม่มี


เพราะร้านขายของชำเล็กๆ ที่ขายสินค้าหลายอย่างเหมือนที่มีใน ร้าน 7-11 ยังขายอาหารอีสาน โดยเฉพาะลาบ ส้มตำ แถมญาติพี่น้องยังเปิดบ้านข้างๆ เป็นร้านซ่อมรถยนต์ มอเตอร์ไซต์ รับปะยางตลอด 24 ชั่วโมง


มีความตั้งใจ ความคิดดีๆของหลายคนที่ไม่มีโอกาสเผยแพร่ เช่น คุณอำนาจ แสงสุข
ราวเดือน เมษายน พ.ศ. 2548 ก็รวบรวมแนวคิดและผลงาน จัดทำเป็นหนังสือ ทำมือ ก่อร่าง สร้างฝัน ที่หนองสรวงเสียเลย และ มกราคม พ.ศ.2551

นายบอนก็เสนอข้อมูลที่น่าสนใจให้กับพิธีกรรายการ Only the lonely ทางช่องทีวีผ่านดาวเทียม เชิญคุณอำนาจ ไปเล่าถึงชีวิตและผลงานที่ผ่านมา เสียเลย เป็นโอกาสได้เผยแพร่แนวคิดและผลงานออกสู่วงกว้าง


ในหลายกรณี หากนั่งรอโอกาสอยู่เฉยๆ ก็คงไม่มีใครรับรู้ มองเห็นถึงคุณค่าที่ซุกซ่อนอยู่....

โปรดอย่าลืมมองสิ่งที่ดีๆของตัวเอง เพื่อสร้างโอกาสที่ดีๆให้แก่ชีวิตตนเองบ้างนะครับ





หมายเลขบันทึก: 162385เขียนเมื่อ 30 มกราคม 2008 22:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 22:32 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
แวะเข้ามาอ่านครับ เป็นข้อคิดที่ดีมากครับ ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆครับ

เห็นด้วยกับแนวคิดในบันทึกนี้เป็นอย่างยิ่ง... เพียงเพราะมนุษย์ไม่ได้เกิดมาเพื่อพ่ายแพ้   การมีหัวใจที่เด็ดเดี่ยวและหาญกล้า   คือกุญแจสำคัญของการมีชีวิตอยู่

การดิ้นรนแสวงหาโอกาส  หรือการสร้างโอกาสในบริบทความเป็นจริงสำหรับตนเองก้เป็นทางออกที่ดีที่สุดอีกอย่างหนึ่งที่เราคงต้องตระหนักกันอย่างยกใหญ่ ....

ผมเชื่อว่า   แท้จริงแล้ว   ธรรมชาติได้สร้างเรามาเพื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่อย่างชัดเจน  ขึ้นอยู่กับว่า  เรากล้าที่จะค้นหาตัวเองหรือไม่  และมีแรงอดทนที่จะเผชิญกับการค้นหานั้นยาวนานสักแค่ไหน.... และอย่างไร

 

นายประชุม สุริยามาศ วย.๗๗๗

เรียนคุณบอนฯถ้าหนุ่มน้อยมีตัวตนจริงบอกเขาด้วยครับว่าผมเป็นกำลังใจให้เขาเต็มร้อย เพราะเขาได้เดินมาถูกทางแล้ว (ขอยืมศัพย์นักการเมืองมาใช้) นั่นก็คือ การพึ่งตนเอง ขอเพียงสู้ อดทน รอบคอบและอดออม ตามปรัชญา "เศรษฐกิจพอเพียง"ก็จะสามารถยืนอยู่บนลำแข้งของตนเองได้ และถ้ามีที่ดินทำกินมีพื้นที่น้อย พระเจ้าอยู่หัวได้ทรงค้นคิด การทำการเกษตร "ทฤษฎีใหม่"ก็จะทำให้หนุมน้อยของเรามีรายได้เพิ่มขึ้นนั่นก็คือ วัตถุดิบที่ใช้ในการปรุง ลาบ ส้มตำ ข้าวเหนียว คือปลูกทุกอย่างที่กิน และขายทุกอย่างที่กินเหลือ จากแปลงเกษตรดังกล่าว.เพราะ "ทฤษฎีใหม่" เป็นการบริหารจัดการพื้นที่ทำการเกษตรกรรม ค่าเฉลี่ย/ครัวเรือน ๒๕ ไร่ ความเป็นจริงเกษตรกรชาวนาจะมีน้อยกว่านี้ จะเป็น ๑๐ หรือ ๑๕ ไร่ก็ได้ โดยแบ่งพื้นที่ขุดสระลึก ๔ เมตร ลาดข้าง ๑.๕:๑ คิด๓๐%ของพื้นที่ ๑๕ ไร่= ๔.๕๐ ไร่ แบ่งขุดเป็น ๓ สระ ๆละ ๑.๕๐ ไร่ จะเก็บกักน้ำได้ ประมาณ ๗,๕๐๐ ลบ.ม./สระ เริ่มต้นก็ขุดสักครึ่งสระ/หรือ ๓.๗๕๐ ลบ.ม.ใช้ทุนประมาณ ๗๕,๐๐๐.-บาท เพื่อที่จะได้ใช้น้ำนี้แก้ปัญหาฝนทิ้งช่วง/หรือภัยแล้ง หลักของ "ทฤษฎีใหม่" ต้องมีข้าวกินตลอดปีก่อนอื่น คนเรากินข้าวคิดเป็นข้าวเปลือกประมาณ ๒๐๐ กก/ปี ถ้าครอบครัวมี ๗ คน(สำหรับครอบครัวคุณหนุ่ม) จะต้องทำนาให้ได้ข้าว ๑,๔๐๐ กก/ปีเป็นอย่างน้อย พื้นที่ทำนา ๓๐% = ๔.๕๐ไร่ ถ้ามีน้ำควรจะได้ผลผลิตรวม ๔.๕๐ ไร่@๖๐๐ กก = ๒,๗๐๐ กก/ปี ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น และไม้ใช้สอย ๓๐% =๔.๕๐ ไร่ๆละ ๑๐๐ ต้นรวม ๔๕๐ ต้น

สุดท้ายปลูกบ้าน คอกสัตว์ โรงเพาะเห็ด ปลูกผักสวนครัว ๑๐% = ๑.๕๐ ไร่ ถ้าขุดสระได้ครบเต็มพื้นที่/จะแยกก็ได้ตามความเหมาะสม จะสามารถเก็บกักน้ำได้รวม ๒๐,๐๐๐ ลบ.ม.เศษ ปล่อยปลานิลลงเลี้ยง ๖-๗เดือนจะได้ผลผลิต ๒,๐๐๐ กก/ปี (ปลานิลกินพืช มูงไก้มูลหมู ทนน้ำเลี้ยงง่ายและโตเร็ว ราคาดี ๒๕- ๓๕.-บาท/กก) แปลง "ทฤษฎีใหม่" ซึ่งพระเจ้าอยู่หัวทรงนำไปใช้พัฒนาพื้นที่แห้งแล้งอย่างได้ผลก็ที่ อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ครับ.หากคุณหนุ่มต้องการเสริมเมนู เป็น สะเต๊กหมู เนื้อ ไก่ ปลา ระดับอินเตอร์แต่ราคาชุมชน คือ จานละ ๓๙.-บาท(กำไรประมาณ จานละ ๒๐.-บาท) ก็ส่งที่อยู่ไปให้ผมครับ จะจัดส่งคู่มือการทำสะเต๊กอินเตอร์มาให้ และถ้าสนใจทำเกษตร "ทฤษฎีใหม่"เพื่อการดำรงค์ชีพตามแนวพระราชดำริ "เศรษฐกิจพอเพียง" ผมก็จะส่งไปให้ด้วยครับฟรีเช่นกัน.เป็นหนังสือชุดที่ผมเองคิดว่า ทรงคุณค่า แก่เกษตรกร/ชาวนาไทยเป็นอย่างยิ่งครับ.(เพราะไม่ต้องรอขอจากไคร ทำได้ด้วยตนเองครับ) หมายเหตุ หากคุณน้อยเข้ามาอ่านเจอและสนใจที่จะปรับเปลี่ยน ชีวิตของตัวเองและครอบครับผมก็ยินดีจัดส่งให้ครับ.จังหวัดกาฬสินธุ์มีเขื่อนลำปาว แต่พวกเราเข้าไม่ถึงหรอกครับ แถมยังปล่อยน้ำลงมาท่วมพี่น้องเกษตรกร/ชาวนาท้ายเขื่อนแทบทุกปี ไม่มีไคร?แก้ไขได้เลย.

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท