ในสมัยท่านศาสดามูอํมหมัด(ซ.ล) "ขอความสันติจงมีแด่ท่าน ครอบครัว เชื้อสายวงค์วารของท่าน เหล่าบรรดาศอฮาบะห์และผู้ที่เจริญรอยตามแบบอย่างทางนำของท่าน"มีชายยะฮูดี(ผู้ปฏิเสธ)คนหนึ่ง มีความจงเกลียดจงชังท่านนบีฯศ็อลฯอย่างลึกซึ้ง เหตุเพราะท่านนบีฯนำเอาสัจจธรรมอิสลามมาประกาศเผยแผ่ ว่งผลให้พวกพ้องของชายคนนี้จำนวนไม่น้อย พากันละทิ้งศาสนาของบรรพบุรุษ หันมาศรัทธานับถือศาสนาอิสลาม เขาจึงอาฆาตแค้นท่านนบีฯ หาโอกาสกลั่นแกล้งท่านต่างๆนานา ทุกเช้าเขาจะต้องรีบตื่นก่อนท่าน แล้วปฏิบัติการโสโครกด้วยการนำเอาอุจจาระมาป้ายทาที่ประตูบ้านของท่านนบีฯทุกเช้าเป็นประจำ ครั้นผู้สื่อของอัลลอฮเปิดประตูมาพบสิ่งปฏิกูลของยะฮูดีคนนั้นเข้า ท่านมิได้สืบสาว หาคนทำแต่ประการใดรีบหาน้ำมาชำระล้างออกด้วยตัวท่านเอง และล้างทุกเช้า เช่นกัน ทำให้ชายยะฮูดี คนนั้นย่ามใจ กระทำการกลั่นแกล้งด้วยของเหม็นเป็นประจำเรื่อยมา ซึ่งท่านนบีฯก็มิได้ปริปากต่อว่าต่อขานเขาเช่นเคย จนกระทั่งเช้าตรู่วันหนึ่ง ขณะที่ท่านเราะสูลฯนำนำและภาชนะออกมาเพื่อจะชำระล้างสิ่งปฏิกูล ท่านรุ้สึกแปลกใจที่ไม่ได้พบสิ่งปฏิกูลที่เคยส่งกลิ่นเหม็นอบอวลที่หน้าประตูบ้านท่านเหมือนเช่นเคย จึงสอบถามความว่า ยะฮูดีที่สร้างผลงานป้ายสิ่งปฏิกูลที่หน้าบ้านท่านสมำเสมอนั้น ป่วย มีอาหารค่อนข้างหนัก จนไม่อาจจะพยุงขังสารมากลั่นแกล้งท่านอย่างเคยได้ เมื่อท่านศาสดาทราบเช่นนั้น ท่านก็ออกจากบ้านเดินตรงไปเยี่ยมอาการป่วยของคนที่สร้างความเดือดร้อนให้ท่านทันที เมื่อได้ประจักษ์คุณธรรมอันสูงส่งเช่นนี้ หลังจากหายป่วย ยะฮูดีผู้นั้นก็มาขอพบท่านนบีฯอย่างยอมรับ และกล่าวปฏิญาณตนเข้ารับอิสลามด้วยความเต็มใจทันที....ท่านศาสดามูฮัมหมัดทรงมีวจนะว่า" ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดนั้น ไม่ใช่พวกนักมวยปล้ำ ที่มีร่างกายแข็งแรงแต่ประการใด แต่คนที่แข็งแรงที่สุด ที่แท้จริงนั้น คือ คนที่สามารถระงับความโกรธของเขาได้ ในขณะมีอารมณ์โกรธ"ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ ในฐานะที่เราเป็นมุสลิมเป็นบ่าวของเอกองค์อัลลอฮ(ซ.บ)จึงควรเป็นประชาชาติที่เต็มไปด้วยความโอบอ้อมอารีไม่โกรธเคืองแม้แต่จะมีเหตุทำให้เกิดอารมณโกรธ และพร้อมที่จะให้อภัย อถัยและอภัยให้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องมุสลิมร่วมศรัทธาหีอเพื่อต่างศรัทธาก็ตาม
ไม่มีความเห็น