04 : เรื่อง สิ่งอันไม่มีที่สุด



เรื่อง สิ่งอันไม่มีที่สุด

สุตตะ ได้ยินมาว่า พระพุทธเจ้าจำแนกไว้ว่า สิ่งอันไม่มีที่สุด๔อย่างในโลกคือ  อากาศ๑ โลก๑ หมู่สัตว์๑ พุทธญาณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย๑

                                         1. อากาศไม่มีที่สุด
สุตตะ  ได้ยินมาว่า พระศาสดากล่าวว่า อากาศไม่มีที่สุด โดยพระองค์เปรียบว่า พรหมอกนิฏฐกา เป็นพรหมสูงสุด เป็นพระอนาคามี เป็นผู้มีความเร็วสูงสุดในหมู่สัตว์ แต่ผมจำไม่ได้ว่า พระองค์อุปมาความเร็วของพรหมนี้ไว้ว่าอย่างไร  จะทำนองว่า เหาะผ่านโลกธาตุหนึ่งๆได้ประดุจลูกธนูแล่นผ่านลำตาล หรือว่า เหาะผ่านจักรวาลหนึ่งๆได้ประดุจลูกธนูแล่นผ่านลำตาล  อันนี้ผมก็ไม่รู้ ทั้งรำลึกไม่ได้เลย  จึงเป็นสุตตะแบบเดาสุ่มมานะครับ มีแต่ความรู้สึกว่าเคยอ่านพบไม่ในพระไตรปิฎกก็ในอรรถกถา  พรหมนี้มีอายุ 16,000 กัปป์  พรหมนี้ ไม่มีกิจในการกินการดื่ม การขับถ่ายหลับนอน เหล่านี้ไม่ต้อง  : หากพรหมอกนิฏฐานี้ เหาะไปเต็มความเร็วของตนในทิศทางใดทางหนึ่ง จะเป็นเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องหน้า เบื้องหลัง หรือซ้ายขวาก็ตาม เพื่อจะค้นหาว่า ที่สุดแห่งอากาศในทิศนั้นๆอยู่ที่ใด  ไม่ทันที่พรหมนั้นจะได้พบที่สุดแห่งอากาศ ก็จะหมดอายุขัย ปรินิพพานไปเสียก่อน  ข้อนั้นเพราะเหตุใด?   เพราะอากาศไม่มีที่สุด   พระสัมพุทธเจ้าสรุปไว้อย่างนี้    (ผมเสาะแสวงหาเนื้อความมาวางอ้างอิงไม่ได้นะครับ พยายามอยุ่ แต่หาไม่พบ คล้ายเต่าตาบอดจะค้นหาห่วงยางกลางสมุทร)

ก็อากาศนี้ เป็นที่ปรากฏแก่โลก


                                   2. โลกไม่มีที่สุด
สุตตะ อันนี้ก็จำมาได้ไม่ชัดเช่นกัน เหมือนเคยอ่านพบว่า พระศาสดาตรัสว่า   อากาศแผ่ไปถึงที่ใด  โลกก็แผ่ไปถึงที่นั่น   (เพราะความที่จำมาไม่ดี อาจผิดพลาดได้  แต่ก็ไม่อาจหาที่อ้างมาอิงได้ว่า ผมไม่ได้กล่าวตรู่พระศาสดา )

คำว่าโลกนี้ หมายถึงที่อยู่ของสัตว์ทุกภพทุกภูมิ ทุกจักรวาลรวมกันโดยไม่แบ่งแยกมิได้หมายถึงเฉพาะมนุษย์ หรือเฉพาะจักรวาล
 

จินตะปัญหา  หากว่าเรายืนให้หัวชี้ไปยังภพแห่งพรหมคือให้พรหมเป็นทิศเบื้องบนก็เกิดปัญหาว่า แล้ว ภพของมนุษย์ คือพวกจักรวาลแกแล็กซี่ เหล่านี้ จะแผ่ขึ้นไปในทิศเบื้องบนด้วยไหม ลงไปในทิศเบื้องล่างด้วยไหม หรือว่า แผ่ไปเพียงในทิศเบื้องขวาง คือ ระนาบXY เท่านั้นโดยมีความหนาแห่งภพมนุษย์อยู่ที่ระยะหนึ่ง มิได้แผ่ไปในทิศเบื้องบนเบื้องล่าง หรือว่า มันแผ่ไปทุกทิศเลย    

จินตะวิสัชนา  ผมคาดเดาเอาว่า มันมีขอบเขตในทิศเบื้องบนเบื้องล่างอยู่ขอบเขตหนึ่งเท่านั้น ที่เป็นอาณาเขตที่แผ่ไปของภพมนุษย์ในเอกภพ  แต่ในทิศเบื้องขวาง ภพมนุษย์ในเอกภพ แผ่ไปไม่มีที่สุด    อันนี้เป็นสมมติฐาน

แต่ในความเป็นไปได้ มันอาจจะแผ่ไปยังทิศเบื้องบนเบื้องล่างด้วยก็ได้นะ   แต่มันจะยากในการอธิบายเรื่องที่ตั้งภพของเหล่าเทวดากามาวจร ทั้งนรก ทั้งพรหมโลก เหล่านี้ ก็เลยวิสัชนาแบบเดาสุ่มว่า  มันมีที่สุดในทิศเบื้องบนเบื้องล่าง แต่ไม่มีที่สุดในทิศเบื้องขวาง

ก็โลกนี้ เป็นที่ปรากฏแห่งหมู่สัตว์

                               3. หมู่สัตว์ไม่มีที่สุด
ก็เมื่อโลกแผ่ไปไม่มีที่สุดแล้ว โลกนั้นเป็นที่อาศัยของหมู่สัตว์ หมู่สัตว์จึงแผ่ไปอย่างไม่มีที่สุดเช่นกัน

ความว่า หมู่สัตว์ นี้กล่าวรวมๆถึงจิตที่ยังท่องเที่ยวอยู่ในภพทั้งหมด  ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นสัตว์เหล่าหนึ่งเหล่าใด

ก็ อากาศ โลก และหมู่สัตว์ เหล่านี้ เป็นที่ปรากฏแก่พุทธญาณ


                                  4. พุทธญาณไม่มีที่สุด
ความรู้ของพระพุทธเจ้า แผ่ไปในธรรมทั้งหมด ทั้งอากาศ ทั้งโลก ทั้งหมู่สัตว์  สิ่งใดมีในอากาศ สิ่งใดมีในโลก สิ่งใดมีในหมู่สัตว์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็รู้เห็นได้หมดอย่างไม่มีส่วนเหลือ  แค่เล็งดูสามสิ่งอันไม่มีที่สุดนั้นแล้ว พุทธญาณแผ่ไปในสิ่งอันไม่มีที่สุด เราก็พึงรู้ได้ด้วยอาการนั้นว่า พุทธญาณจึงไม่มีที่สุดด้วย ดังนี้


หมายเลขบันทึก: 159462เขียนเมื่อ 16 มกราคม 2008 01:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 02:02 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

พุทธญาณไม่สิ้นสุด...ผมเป็นคนอยู่ในโลก ๓ มิติเท่านั้นเมื่อไรมีปัญญาจะให้ความเห็นเรื่องนี้เพิ่มเติม  แต่เรื่องเต่าตาบอดหาห่วงยางกลางสมุทร พระพุทธองค์ทรงอธิบายเปรียบเทียบความยากในการเกิดเป็นมนุษย์  หากมีเวลากรุณาหามาบันทึกไว้จะเป็นมนต์ให้แก่ผู้ที่ได้อ่านอย่างยิ่งครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท