บันทึกนี้เป็นเรื่องเล่าต่อจากคราวที่แล้ว เกี่ยวกับการทำแผลแบบเติมสุขใส่ใจ ครั้งนี้เป็นความสำเร็จเกินความคาดหวัง จากการที่มีผู้มารับบริการรายหนึ่งเป็นหญิงวัยสูงอายุ อาชีพเก็บของเก่าขาย มีประวัติเป็นเบาหวานแต่คุมน้ำตาลในกระแสเลือดได้ มารับบริการเนื่องจากว่ามีแผลที่เท้า ขอบแผลหนามากและสกปรกมาก บริเวณโคนเล็บของนิ้วหัวแม่เท้าเป็นแผลแตกปริมีน้ำเลือดน้ำเหลืองซึม
หลังจากได้พูดคุยตกลงกันว่าต้องใช้เวลาในการทำแผลนานเป็นชั่วโมง ผู้รับบริการก็ตกลงที่จะรับบริการ จึงได้เริ่มทำแผลโดยฟอกล้างทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ จากนั้นจึงได้ลงมือใช้ใบมีดผ่าตัดขูดหนังหนาๆที่ขอบแผลและที่โคนนิ้วหัวแม่เท้าจนหมดและคิดว่าสะอาดดีแล้ว ก็ใส่ยาฆ่าเชื้อ(betadine dilute normal saline 1:4) แล้วปิดแผล ให้กลับบ้านพร้อมทั้งกำชับว่าต้องดูแลแผลเป็นอย่างดี ไม่ให้เปียกน้ำ
สิ่งที่เกินความคาดหวังก็คือหลังจากทำแผลได้เพียง 1 วัน แผลที่หลังเท้าหายสนิทเหมือนไม่เคยมีแผลมาก่อน ส่วนแผลที่ฝ่าเท้าตรงนิ้วหัวแม่เท้าแคบลงมาก แผลแดงดี แผลนี้คาดหวังว่าจะหายภายใน 2 สัปดาห์ แต่ในความเป็นจริงแผลหายโดยใช้เวลา 1 สัปดาห์ ถือเป็นความสำเร็จระดับหนึ่ง
นับว่าเป็นความสำเร็จเกินความคาดหวังจริงๆ เลยนะครับ
ถ้ามีโอกาสพี่ลองขออนุญาตป้าเขา เพือจะขอถ่ายรูป เพือให้เห็นถึง การเปลี่ยนแปลงในทางทีดี แล้วทำเป็นบทความสั้น แผ่นเดียว ตลอดจนมีบทสัมภาษณ์ของป้า ที่ชี้เห็นผลดีของการดูแลตัวเอง การทำแผลและการควบคุมน้ำตาล และิวิธีการควบคุมน้ำตาล
อันนี้จะเป็นประโยชน์หลายประการ เช่น ใช้ในสุขศึกษาโดยให้แผ่นพับนี้ประกอบการสอน ใช้เป็นแหล่งความรู้บุคคลสำหรับเครือข่ายผู้ป่วยเบาหวาน ใช้เป็นคีย์แมนในการทำกลุ่ม self help group เป็นต้น
โดยเราต้องยอมรับว่า ป้า เป็น ผู้เชียวชาญในโรคเบาหวานและแผลที่เท้า อันนี้ภาษาวิชาการเขาบอกว่าเป็น patient is an expert in his or her experience แม้ว่าเราจะเรียนรุ้มาแต่เราก็ไม่เคยเป็นเบาหวานจนมีแผลแบบเขา
ถามว่า คนเบาหวานอื่นจะเชือเขา หรือ เชื่อเรามากกว่ากันละ
ประสบการณ์ตรง และประสบการณ์จริง มีอาณุภาพมากในการเหนี่ยวนำให้คนเชื่อและทำตาม ครับ
เป็นกำลังใจให้ในการทำงานเพือคนไข้นะครับผม