“ ให้หนังสือคือสื่อชีวิต”
ความทรงจำของคนเรา
กลับพลิกฟื้นต่อเมื่อหวนระลึกถึง วาระสำคัญของชีวิต เช่นเดียวกัน หนังสือเล่มหนึ่ง อาจจะพลิกชีวิต ของใครคนใดคนหนึ่งให้กลับมา เป็น “คนดี” ของสังคมวจนะของท่านพุทธทาสภิกขุ
หนังสือเป็นสิ่งประเทืองปัญญาที่เราต้องการ เป็นสิ่งให้ขุมความรู้มากมาย อีกทั้งเป็นเพื่อนยามเหงา มีหนังสือดีๆสวยๆออกมาหลายเล่ม และในโอกาสต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวันเกิด วันปีใหม่ โอกาสดีๆ หลายๆท่านมักใช้หนังสือเป็นของขวัญ สำหรับคนที่ท่านรัก มิตรสหายที่ชอบพอ แทนการให้สิ่งอื่นๆ ซึ่งการให้หนังสือเป็น “สื่อสัมพันธ์” ทั้งด้านจิตใจและด้านความผูกพันธ์ เนื้อหาในหนังสือเกิดขึ้นด้วยสมอง ด้วยความเพียรพยายามของผู้เขียน และด้วยจินตนาการของนักประพันธ์เหล่านั้น ซึ่งมิอาจประมาณค่าได้ แม้ราคาจะน้อยนิด กว่าของขวัญมากมายที่ส่งให้กัน ดังนั้นหนังสือนับว่าเป็น “ของขวัญอันล้ำค่า” ที่ให้แก่กัน และหากหนังสือนั้นดีมีคุณค่า เราก็จะเก็บเอาไว้เข้าตู้หลังอ่านแล้ว บางครั้งเก็บไว้ที่โต๊ะหัวนอน เพื่อที่จะพลิกอ่านครั้งแล้วครั้งเล่า ทบทวนความทรงจำ มีหนังสือดีๆออกมามากมายหลายเล่ม หนังสือบางเล่มอาจให้ทั้งความรู้ ความคิด บางเล่มอาจให้เพียงสิ่งสนุกสนาน ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่ผู้ปกครอง รวมตลอดถึงโรงเรียน ครูผู้สอน หรือผู้ที่เลือกมอบหนังสือให้แก่กัน จะมีความสำคัญต่อการเลือกเฟ้นหาหนังสือดีๆมีคุณค่า แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่า คือ ในมือของผู้ที่เรารักมีหนังสือเล่มใดเล่มหนึ่งที่เธอจับอ่าน และวางลงแทบตัก เมื่อเงยหน้าขึ้นถามว่า อะไรที่เธอได้รับ และอะไรที่เธอจดจำ “วันนี้ คุณให้หนังสือคือสื่อชีวิต หรือยัง?”
หากหนังสือนั้นดีมีคุณค่า เราก็จะเก็บเอาไว้เข้าตู้หลังอ่านแล้ว บางครั้งเก็บไว้ที่โต๊ะหัวนอน เพื่อที่จะพลิกอ่านครั้งแล้วครั้งเล่า ทบทวนความทรงจำ เห็นด้วยกับข้อความนี้มากๆ เพราะเรามักจะชอบหยิบหนังสือที่อ่านแล้วประทับใจมาอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก การอ่านหนังสือที่ดี และยิ่งเราประทับใจด้วยแล้วน่ะ เหมือนการได้เจอเพื่อนเก่าที่คุ้นเคยกันดีแต่ไม่ได้เจอกันมานานเลย
การให้หนังสือเป็นสิ่งที่ดีครับ เพราะหนังสือเป็นสิ่งที่ให้ทั้งความรู้ ความบันเทิง ข้อคิด คติสอนใจ การให้หนังสือจึงเป็นสิ่งที่ดี เพราะเราได้มอบสิ่งที่มีคุณค่าให้กับผู้รับ
ผมเองก็ชอบอ่านหนังสือนะ และเห็นด้วยที่สุดที่กล่าวว่า หนังสือเปลี่ยนชีวิตคนได้ หรือพูดได้ว่าปรับพฤติกรรมทำให้คนดีขึ้นได้ และการอ่านเองย่อมปรับตัวเองได้สะดวกใจกว่าการถูกสั่งสอนแน่นอน
เห็นด้วยกับบทความนี้ค่ะ แต่ไม่ค่อยจะให้หนังสือใครเพื่อเป็นของขวัญเพราะไม่รู้ว่าจะถูกใจเค้าหรือเปล่า ส่วนตัวก็เป็นคนชอบอ่านหนังสือเกือบ ๆ ทุกประเภทเหมือนกันคะ
ข้าพเจ้าเห็นด้วยกับการมอบหนังสือให้กับคนที่เรารักเป็นของขวัญเพราะให้ประโยชน์กับผู้รับด้วย
หนังสือคือ เเหล่งความรู้ ความบันเทิงที่เราไม่ต้องเสียเงินไปหาที่นอกบ้านหรือว่าที่ไหนสามารถอ่านได้ที่บ้านเรานี่เอง เเละยังเป็นสิ่งที่ประเทืองความรู้อย่างมากถ้าเราอ่านให้เป็นนิจ ถ้าเรามอบหนังสือให้คนที่เรารักนั้นเป็นสิ่งที่ดี เพราะเป็นสิ่งเชื่อโยงความสัมพันธ์ที่ดีทั้ง ด้านความรู้ ความรู้สึกที่ดทางจิตใจ การอ่านทำให้เราเกิดจินตนาการทำให้สมองพัฒนาไปด้วยค่ะ สวัสดีค่ะ
ของขวัญดีที่สุด คือหนังสือ ทั้งสองมือหยิบอ่านไม่เสียหาย
ได้ความรู้อยู่คู่ใจเเละกาย ยังไม่สายที่เราจะอ่านเอย
ข้าพเจ้าเห็นด้วยค่ะกับการที่หนังสือเป็นสิ่งที่ดีข้าพเจ้าเห็นด้วยเลยค่ะกับการที่หนังสือเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากและทำให้ตัวเรามีความคิดและมีความรู้เพิ่มเติมมากขึ้นค่ะล้วนได้แต่สิ่งดีดีทั้งนั้นเลยนะค่ะและจะทำให้เด็กไทยใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ด้วยค่ะและเป็นผลดีต่อประเทศชาติด้วยค่ะ
หนังสือมีคุณค่าและมีประโยชน์ต่อตัวเรามากเลยนะครับและเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ด้วยนะครับ
เห็นด้วยค่ะเพราะหนังสือมีคุณค่าและมีประโยชน์ต่อตัวเรามากมากค่ะและทำให้เราใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ด้วยนะค่ะ
ข้าเจ้าเห็นด้วยค่ะกับการที่คนเรามาอ่านหนังสือเพราะเป็นประโยชน์ต่อตัวเราเองและทำให้เรามีความคิดเพิ่มเติมมากขึ้นด้วยค่ะและทำให้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ด้วยค่ะ
หนังสือเป็นสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ต่อตัวของเรามาก ดังนั้นถ้าทุกคนใช้เวลาที่ว่างให้เป็นประโยชน์ เช่น เลือกที่จะอ่านหนังสือวันละนิดและก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆก็จะดีมาก เพราะหนังสือมีแต่ให้ประโยชน์ต่อเราทั้งสิ้น
ได้ความรู้อยู่คู่ใจเเละกาย ยังไม่สายที่เราจะอ่านเอย
นี่คืออีกหนึ่งความคิดเห็นดี ดี จากหลายๆความคิดเห็น ขอบคุณค่ะ