สิ่งแวดล้อมมีผลต่อสมองและการเรียนรู้
ความเข้าใจของนักวิทยาศาสตร์ที่สืบทอดกันมา ถึงกลางศตวรรษที่ 20 นั้น เคยเชื่อว่า การพัฒนาสมองของเด็กเล็กนั้น ย่อมเป็นไปตามลำดับขั้นทางชีววิทยา และมีพันธุกรรมเป็นตัวกำกับอยู่แล้ว แต่นักวิจัยที่ได้เขย่าความเชื่อนี้คือ มาร์ค โรเซนส์วิก (Mark Rosenzwieg) ซึ่งได้พิสูจน์ว่า การมีประสบการณ์ในชีวิตจริง น่าจะมีส่วนสำคัญต่อพัฒนาการของสมอง
โรเซนส์วิค ได้ทำการทดลองอันมีชื่อเสียง โดยเขาได้นำหนูใส่ไว้ในกรงที่จัดสภาพแวดล้อมไว้แตกต่างกัน ในกรงที่จัดสิ่งแวดล้อม อย่างดีนั้น เขาจัดให้มีล้อหมุน มีที่ปีนป่าย มีของเล่นต่าง ๆ ส่วนกรงที่เปรียบเทียบนั้น หนูอยู่ในกรงธรรมดาที่มีสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด
ผลการศึกษานั้นน่าทึ่ง เพราะเหตุว่า สมองของหนูและสัตว์ทดลองที่ทำการวิจัยที่อยู่ในกรงที่มีสิ่งท้าทายนั้น มีพัฒนาการดีกว่าหนูในกรงที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมแห้งแล้ง กล่าวคือ มีน้ำหนักมากกว่า มีชั้นสมองหนากว่า และมีการเชื่อมโยงวงจรของเซลล์สมองมากกว่า อีกทั้งยังมีระดับของกิจกรรมของสารเคมีในสมองมากกว่าอีกด้วย
นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่า ยิ่งเริ่มต้นเร็วเท่าไร สมองของเด็กก็จะยิ่งสร้างความเชื่อมโยงของวงจรเซลล์สมอง มากกว่าการพัฒนาตามปกติ และสมองก็จะตัดวงจรที่ไม่ได้มีการกระตุ้น ไม่ได้ใช้ หรือใช้ไม่บ่อย ทิ้งไปอีกด้วย การตัดทอนวงจรในสมองที่ไม่ได้ใช้ทิ้งไปนี้ เป็นขั้นตอนการพัฒนาที่สำคัญในช่วงวัยรุ่น ก่อนที่สมองจะเจริญสมบูรณ์เต็มที่ในวัยถัดไป
(จาก สมองวัยเริ่มเรียนรู้ ของ อ.พรวิไล เลิศวิชา และนายแพทย์อัครภูมิ จารุภากร )
จากบทความดังกล่าว จะเห็นว่า เด็กจะเรียนรู้ได้ดีจะเก่งหรือไม่เก่ง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกรรมพันธุ์เพียงอย่างเดียว หากจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้ เด็กก็จะมีโอกาสพัฒนาสติปัญญาได้มากขึ้น ดังนั้น ผู้ปกครองและครู ควรได้ใส่ใจในเรื่องนี้ ต้องออกแบบการเรียนการสอนที่ช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ให้แก่เด็กอย่างหลากหลาย กระตุ้นให้เด็กได้ใช้ความสามารถ มีความสนุกสนานเพลิดเพลิน เพื่อที่จะสนใจสิ่งกระตุ้นรอบ ๆ ตัว จัดกิจกรรมให้เด็กได้ใช้ความคิดจินตนาการ ให้เด็กได้มีโอกาสสัมผัสกับเสียงดนตรี บทเพลง บทกลอน บทร้องเล่นของเด็ก อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างเสียโอกาส ...เพื่อลูก ๆ ของเรานะคะ
ขอชมเชยนะครับที่เป็นคนใฝ่รู้ ติดตามความรู้ใหม่ ๆ เสมอ อยากให้คุณครูลองนำไปปรับใช้ในห้องเรียนนะครับ ได้ผลอย่างไร อย่าลืมเล่าสู่กันฟังนะครับ
..............ศักดิ์เดช
เยี่ยมเลยคะ มีความเป็นจริงคะ ตรงที่เพิ่มประสบการณ์ให้แก่เด็ก จะเป็นการเพิ่มการเรียนรู้ แล้วสมองยังได้ออกกำลังกาย(ฝึกคิด ฝึกใช้คะ) บทความนี้ดีมากเลยคะ ถ้าบรรดาเกี่ยวกับคุณครูถ้าได้เข้าใจเรื่องนี้ รับรองว่า สอนนักเรียนเป็นขึ้น
ไม่ใช่ให้แต่ท่องจำ ท่องจำ ต้องให้มีภาคปฏิบัติ เพื่อเสริมประสบการณ์ในทุกเรื่อง เหมาะสมตามวัย ว่าวัยนี้ ควรจะเสริมอะไรดี
จะมีครูกี่ท่านหนอ ที่รู้และเข้าใจ หรือใฝ่หาเหมือนอาจารย์สุภาภรณ์
ขอบคุณ คุณ สุ-มหาวิทยาลัยชีวิต ที่ไม่มีวันปิดทำการ มากค่ะ ที่แวะมาเยี่ยมชม