เลี้ยงกุ้งก้ามกรามแบบธรรมชาติ


เลี้ยงกุ้งก้ามกราม กำไรงามๆๆๆๆ

  ได้มีโอกาสได้ร่วมกิจกรรมกับกลุ่มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำบ้านทุง เห็นว่ากิจกรรมของกลุ่มน่าสนใจมากๆ จึงได้รวบรวมและหยิบยกบางประเด็นมาเล่าสุ่กันฟัง เผื่อว่าท่านใดสนใจทำเป็นอาชีพเสริมรายได้ Img109

การเลี้ยงกุ้งก้ามกรามในบ่อดินแบบธรรมชาติ

เจ้าของผลงาน     นายสมโชค  ช่วยเนื่อง  กลุ่มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำบ้านทุง                              

75  ม.3  ต.ป่าพะยอม  อ.ป่าพะยอม  จ.พัทลุง  โทร. 089 -6555408

กุ้งก้ามกราม มีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า Macrobrachium rosenbcrgii อยู่ในวงศ์ Palaemonidac เป็นกุ้งขนาดใหญ่ เป็นที่นิยมบริโภคของคนไทยมานาน และมีชื่อเรียกที่รู้จักกันอีกหลายชื่อ คือ กุ้งนาง กุ้งหลวง กุ้งก้ามเกลี้ยง กุ้งแห กุ้งใหญ่ และภาคใต้เรียกว่า แม่กุ้ง เป็นสัตว์น้ำที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจมีราคาแพง เนื้อมีรสชาติดีสามารถประกอบอาหารได้หลายอย่าง เช่น ทอด พร่า ยำ อบ หรือแปรรูปตามความนิยมของ กุ้งก้ามกรามอาศัยในแหล่งน้ำจืด ซึ่งมีทางน้ำไหลติดต่อกับน้ำทะเล จึงสามารถดำรงชีพได้ทั้งในน้ำกร่อยและน้ำจืด เคยมีชุกชุมในแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำบางปะกง ทางภาคใต้พบที่แม่น้ำปัตตานี แม่น้ำตาปี โดยเฉพาะในทะเลสาบสงขลาและพัทลุง มีชุกชุมมากที่สุด ความอุดมสมบูรณ์ของกุ้งก้ามกรามในแหล่งน้ำธรรมชาติมีจำนวนลดลง เนื่องมาจากสาเหตุหลายประการ เช่น การทำการประมงมากเกินควร การทำการประมงผิดวิธี ปัญหาจากมลภาวะต่างๆ การเพิ่มขึ้นของประชากรดังนั้น การเพาะเลี้ยงเพื่อชดเชยจากธรรมชาติ ได้พัฒนาการขึ้นมาตามลำดับทำให้การเลี้ยงกุ้งก้ามกรามเป็นอาชีพหนึ่งซึ่งทำรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการ อย่างไรก็ตามการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามให้ประสบผลสำเร็จนั้นต้องอาศัยความรู้ ความเอาใจใส่ พร้อมทั้งได้พันธุ์กุ้งก้ามกรามที่ดีและแข็งแรง

แรงบันดานใจของคุณ สมโชค  ช่วยเนื่อง

                เมื่อประมาณ 20 ปีที่ผ่านมา การหาซื้อกุ้งก้ามกรามสดที่มีชีวิต เป็นเรื่องยากจะมีจำหน่ายเฉพาะที่ตลาดอำเภอปากพะยูน  จังหวัดพัทลุงเท่านั้น ซึ่งอยู่ห่างจากอำเภอเมืองพัทลุงราว 60 กิโลเมตร ต่อมาในปี พ.ศ. 2532 นายสมโชค  ช่วยเนื่อง ซึ่งขณะนั้นได้จบการศึกษาระดับอนุปริญญา ประกาศณียบัตรการศึกษาชั้นสูง เอกเกษตรกรรม จากวิทยาลัยครูเพชรบุรีวิทยาลงกรณ์ ได้เข้าอบรมการเลี้ยงปลาที่สถานีประมงน้ำจืดพัทลุง และได้รับการแนะนำจากเพื่อนสมาชิกให้เลี้ยงกุ้งก้ามกราม โดยทำการทดลองเลี้ยงเบื้องต้นประมาณ 2,000 ตัว ในเนื้อที่กว้างประมาณ 5  ตารางเมตร บริเวณหนองเลียบ หลังที่ว่าการอำเภอป่าพะยอมในปัจจุบันแต่ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เนื่องจากไม่มีประสบการณ์มาก่อน คือก่อนที่จะปล่อยลูกกุ้งลงไป  ได้โรยปูนขาวลงไปในบ่อ 1 ถุงเพื่อเตรียมบ่อและใส่ลูกกุ้งลงไปทันทีปรากฏว่าลูกกุ้งตายหมดในพริบตา  หลังจากนั้นได้ว่างเว้นไป 4 ปี จึงเริ่มทำการเลี้ยงใหม่และได้รับคำแนะนำจากจากสถานีประมงน้ำจืดพัทลุง ได้นำลูกกุ้งจากทะเลสาบสงขลามาทดลองเลี้ยงจำนวน 6,000 ตัว ในที่เดิม ปรากฏว่าเลี้ยงได้ 12 เดือน เกิดฝนตกและน้ำท่วมฉับพลัน ทำให้กุ้งสูญหายไปกับสายน้ำ หลังจากน้ำลดได้ทำการสำรวจดูมีกุ้งเหลืออยู่ เป็นกุ้งขนาดใหญ่ 4 ตัวต่อกิโลกรัม เนื้อแน่น รสชาติอร่อยเป็นธรรมชาติ ตั้งแต่นั้นมาจึงเกิดแรงบันดาลใจว่า อำเภอป่าพะยอม  จังหวัดพัทลุง สามารถทำการเลี้ยงได้ผลดีจึงชักชวนสมาชิกที่สนใจทำการเลี้ยงและได้รับความสนใจจากชุมชน

ประสบการณ์ นำสู่ความสำเร็จ

                เป็นผู้ริเริ่มเลี้ยงกุ้งก้ามกรามในบ่อดินแบบธรรมชาติ โดยไม่ใช้สารเคมี ในเนื้อที่ 40  ไร่  จำนวน 17  บ่อ  สมาชิก 37  ราย โดยใช้น้ำชลประทานเป็นคนแรกในจังหวัดพัทลุงและประสบความสำเร็จ จึงชักชวนเกษตรกรตั้งกลุ่มเลี้ยงเป็นอาชีพเสริมรายได้ สนองพระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง และสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง                

ในการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามในบ่อดินแบบวิธีธรรมชาติมีวิการ ดังนี้

การอนุบาลลูกกุ้ง   การเตรียมบ่อเพื่อการอนุบาลลูกกุ้ง                                                 1.  ดูดน้ำออกจากบ่อให้แห้ง ตากแดดไว้ 15-20 วัน  โดยสังเกตให้ดินแตกระแหง  2.  หว่านปูนขาวให้ทั่วบริเวณบ่อ  สำหรับดินเปรี้ยว อัตรา 10 กิโลกรัม ต่อไร่  ดินปกติ หว่านปูนขาวอัตรา 5  กิโลกรัมต่อไร่                                                                        3. สูบน้ำเข้าบ่อผ่าการกรองไม่ให้มีลุกกุ้ง หรือลุกปลาติดมาในบ่อ ให้ได้ระดับน้ำ  80-100 เซนติเมตร ( การสูบน้ำเข้าบ่อโดยใช้วิธีการ กาลักน้ำอาศัยหลักการระบบสุญญากาศ ใช้ท่อ พีวีซี ต่อท่อจากคลองชลประทานมาสู่บ่อ โดยให้น้ำไหลจากที่สูงมาสู่ที่ต่ำ จะช่วยประหยัดค่าสูบน้ำเข้าบ่อได้) ทิ้งไว้ 3-7 วันจึงเตรียมน้ำสำหรับปล่อยลูกกุ้งลงอนุบาล                                                                                                          4.วิธีการเตรียมน้ำจะช่วยในการประหยัดอาหารในช่วงแรกของการอนุบาลลูกกุ้ง โดยไม่ต้องให้อาหารในช่วงอนุบาล 20 วันแรก 

สูตรในการเตรียมน้ำ มี 2 สูตร คือ

สูตรที่ 1   ประกอบด้วย                                                                                                        รำละเอียดต้มสุก                  10  กิโลกรัม          ปลาป่น              10  กิโลกรัม                   หัวเชื้อ EM                          1  ลิตร                    กากน้ำตาล           1  ลิตร                น้ำ                                          10 ลิตร                                                                                   นำส่วนผสมทั้งหมดผสมเข้าด้วยกัน หมักทิ้งไว้อย่างน้อย  24  ชั่วโมง นำไปราดให้ทั่วบ่อก่อนปล่อยลูกกุ้ง                                                                                                         สูตรที่ 2  ประกอบด้วย                                                                                                         รำละเอียดต้มสุก                  10  กิโลกรัม         ปลาป่น       10  กิโลกรัม                       หัวเชื้อ EM                            1  ลิตร                 กากน้ำตาล     1  ลิตร                            นำส่วนผสมทั้งหมดคลุกเคล้าให้เข้ากัน (ไม่ต้องหมัก) หว่านให้ทั่วบ่อก่อนปล่อยลูกกุ้ง               

5. ปล่อยลูกกุ้งคล่ำ อายุ 20 วัน  อัตรา  5,000  ตัว ต่อไร่  วิธีการปล่อย มี 2 วิธี คือ        -ปล่อยโดนขังคอก มุมใดมุมหนึ่งของบ่อ เพื่อความสะดวกในการสังเกตความแข็งแรงของลูกกุ้ง ระยะเวลา  1  สัปดาห์ ต้องปล่อยออกจากคอกสู่บ่อใหญ่                      - ปล่อยในบ่อกว้างโดยตรง จะมีเปอร์เซ็นต์การรอดมากกว่า               

6. หลังจากการปล่อย 7 วัน สังเกตการรอดของลูกกุ้ง โดยใช้ไฟฉายส่องบริเวณขอบบ่อในตอนกลางคืนจะเห็นลูกกุ้งลอยเป็นแพ                7. ระยะเวลาในการอนุบาลลูกกุ้ง  2-3 เดือน จะได้ลูกกุ้งขนาด  100-300 ตัว ต่อกิโลกรัม พร้อมที่จะนำไปเลี้ยงขุน

การเลี้ยงกุ้งขุน               

1. การเตรียมบ่อเช่นเดียวกับการเตรียมบ่ออนุบาลลูกกุ้ง (ไม่จำเป็นต้องเตรียมน้ำก็ได้)               

2. ปล่อยลูกกุ้งที่ได้จากการอนุบาล อัตรา 5,000 ตัว ต่อไร่                                              3. การให้อาหาร ให้วันละ 2 มื้อ อัตราการให้คำนวณจากน้ำหนักของกุ้งที่ปล่อย โดยให้ 2-5 % ของน้ำหนักกุ้ง                                                                                           4. การให้อาหารเสริม เพื่อเพิ่มรสชาติของกุ้ง  และเป็นการประหยัดต้นทุนค่าอาหาร ได้แก่                                                                                                                            - มะพร้าว  ใช้ได้ตั้งแต่มะพร้าวอ่อน จนถังมะพร้าวห้าว โดยเอาเฉพาะเนื้อมะพร้าวหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ หว่านในบ่อ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ อัตราการให้สังเกตจากหลังหว่านมะพร้าวแล้ว 3 วัน ถ้ามีเศษมะพร้าวลอยขึ้นมากุ้งกินไม่หมด การให้ครั้งต่อไปต้องลดปริมาณลง                                                                                                         - กล้วยน้ำว้าสุก หั่นเป็นท่อนๆ หว่านในบ่อ อัตราการให้สังเกตจากหลังหว่านกล้วยน้ำว้าแล้ว 1 คืน ถ้ามีเศษกล้วยลอยขึ้นมากุ้งกินไม่หมด การให้ครั้งต่อไปต้องลดปริมาณลง               

5. ระยะการเลี้ยง 2-3 เดือน จะได้กุ้งขนาดน้ำหนักตัว 15-20 ตัวต่อกิโลกรัม สามารถจับส่งตลาดได้ วิธีการจับโดยใช้อวนลากเลือกเฉพาะกุ้งที่โตเต็มที่ส่งตลาด เมื่อกุ้งในบ่อเหลือน้อยสามารถเติมกุ้งที่อนุบาลแล้วเลี้ยงต่อไปได้เลย โดยไม่ต้องล้างบ่อ

ความภาคภูมิใจ

                สามารถช่วยเหลือส่งเสริมให้ชาวบ้านได้อยู่ดีกินดี มีอาชีพเสริมเลี้ยงกุ้งก้ามกรามที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ สนองพระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง  สร้างชุมชนให้เข้มแข็ง และสามารถใช้เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้แก่บุคคลที่สนใจได้ จนสามารถคัดสรรเป็นผลิตภัณฑ์ ระดับสี่ดาว ประจำปี 2547  ตามโครงการคัดสรร สุดยอดหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ไทย

เงื่อนไขหรือข้อจำกัดเล็กๆ น้อยๆ แต่สำคัญมากๆ

 - การอนุบาลลูกกุ้ง ต้องปล่อยลูกกุ้งหลังเอาน้ำเข้าบ่อแล้ว 3-7 วัน ถ้าหลังจากนั้นแมลงต่างๆ ที่เป็นตัวห้ำของลูกกุ้งจะกินลูกกุ้งทำให้อัตราการรอดน้อย                                                                                                                                           - การเลี้ยงกุ้งขุนถ้าปล่อยกุ้ง มากกว่า  5,000  ตัว ต่อไร่  กุ้งจะหนาแน่นเกินต้องใช้เครื่องตีน้ำเพื่อเพิ่มออกซิเจน                                                                                              - ต้องปล่อยน้ำ เข้า-ออกบ่อ อาทิตย์ละ 1 ครั้ง เพื่อกระตุ้นให้กุ้งลอกคราบ การเจริญเติบโตดีขึ้น

- ค่า pH ของน้ำในบ่อต้องอยู่ระหว่าง  6.5-8.5  โดยสังเกตสีของน้ำ ถ้าสีดำคล้ำให้ตรวจวัด  pH

ท่านใดสนใจจะศึกษาดูงาน หรือซื้อกุ้ง ติดต่อได้ที่กลุ่มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ที่อยู่ดังรายละเอียด

กุ้งก้ามกรามสดๆ เนื้อแน่น รสชาติดี

ราคาขายที่กลุ่ม กิโลกรัมละ 200 บาท ราคานี้อาจเปลี่ยนแปลงได้

หมายเลขบันทึก: 157729เขียนเมื่อ 6 มกราคม 2008 14:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:44 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (24)

เชียงรายน่าจะเลี้ยงกุ้งได้ยาก แต่ก็ดีใจที่ได้อ่านความรู้ใหม่ๆครับ

ดีจังได้รับความรู้เพิ่มเติม

สวัสดีค่ะ

ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนนะคะ น้องชื่อเล่นว่าติ๊กค่ะ

ตอนนี้ยังไม่ได้ลงอำเภอวิภาวดีเพราะฝึกอบรมอยู่ที่จังหวัดคะ กำลังอบรมเรื่อง KM พี่เขาให้สมัครสมาชิกอยู่คะ ยินดีที่ได้รู้จักคะ พี่นู๋แดง หวังว่าคงได้รับการแนะนำจากพี่นะคะ

ขอบคุณคะ

สวัดดีครับ เรียนประมงอยู่ มอ.ปัตตานี ครับ ทำรายงานเรื่องกุ้งก้ามกรามพอดี

เป็นเรื่องที่น่าสนใจและอยากหาข้อมูลให้มากกว่านี้ครับ

อยากเลี้ยงเป็นงานอดิเรกครับ

  • สวัสดีค่ะ
  • ชอบกินกุ้งเผา เคยคิดอยากเลี้ยงเหมือนกัน แต่ยังไม่มีประสบการณ์ด้านปฏิบัติเลย
  • ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ

เรียน วาริชศาสตร์อยู่ ม.สงขลานครินทร์ หาดใหญ่ค่ะ

กำลังทำรายงานเรื่องการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามในประเทศไทย

ขอบคุณค่ะสำหรับข้อมูล

อยู่ในแหล่งที่มีกุ้งก้ามกามเหมือนกันครับจะเลี้ยงในร่องสวนจะทำได้หรือป่าวครับ

มีความประสงค์จะเลี้ยงแต่ไม่มีข้อมูล

สวัสดีครับ...ผมอยู่ จ.ศรีสะเกษ ครับ...คือว่าตอนนี้ผมกำลังศึกษาเรื่องกุ้งก้ามกรามอยู่น่ะครับ

อยากทราบว่าแถวๆ นี้พอจะมีความเป็นไปได้ไหมครับที่จะเลี้ยงกุ้งก้ามกราม...เพราะว่าบริเวณที่ดินของผม จะอยู่ติดอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่มีน้ำไหลลงมาจากเทือกเขา...และมีคลองชลประทานตัดผ่านที่ดินของผม.....

รบกวนตอบด้วยนะครับ....ขอบคุณครับ...

ขอบคุณค่ะข้อมูลดีมากๆ เลย

เด็ก ป่าพะยอม เองจ๊า

อยากทราบ ระยะการลอกคลาบของกุ้งก้ามกราม ในช่วงอายุต่างๆ

ช่วยหน่อยนะครับ......

ต้องการจริงๆๆ

ขอบคุณครับผม....

สวัสดีครับ

พอดีผมมีที่ดินเปล่าๆ ไม่มีแหล่งน้ำตัดผ่าน ผมสามารถสร้างบ่อน้ำไหลวนโดยใช้ปั้มเป็นตัวหมุนเวียนได้ไหมครับ ผมสนใจที่จะเลี้ยงในเขตภาคเหนือตอนบน สามารถเลี้ยงได้ไหมครับ

แล้วสามารถเรียนรู้ในการเลี้ยงกุ้ง จากผู้ที่เคยเลี้ยงกุ้งได้ไหมครับ

รบกวนด้วยครับ

ศักดิ์วุฒิ เชาว์เจริญ

การเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ

ศูนย์วิจัยพันธุ์พืชสัตว์

และโรคความเสื่อมโทรมของร่างกาย

คุณบุญมี อัคฮาดศรี

199/2175 พฤกษา15 ม.3 ซ.18/1 ถ.บางพลีตำหรุ ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ 10280

โทร.081-4319494/02-3604121( [email protected] )

เรียน ท่านที่ประกอบอาชีพ

ชาวนา/ชาวไร่/ชาวสวน/ประกอบอาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ/เลี้ยงสัตว์บก/กลุ่มอาชีพชุมชนนักเรียนนักศึกษาครู

อาจารย์นักวิชาการ

ปัญหาโรคพืช/สัตว์ระบาดและการลดต้นทุนเพิ่มผลผลิต

เรายินดีสนับสนุนท่าน

อยากทราบการแก้ปัญหาสภาพพื้นบ่อดินเน่า การปรับสภาพน้ำ ให้เหมาะกับการเลี้ยงกุ้งค่ะ

สวัสดีค่ะ  ตอนนี้ดิฉันเพิ่มเปิดตลาดกุ้งก้ามกรามส่งออกไปยังมาเลเซียและสิงค์โปร์ แต่สินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าใครมีเลี้ยงสามารถติดต่อมาได้ที่  081-478-1797  และ  074-292-848    Size  ที่ลูกค้าใช้  10/ตัว /Kgs. 

เลี้ยงในแม่น้ำหรือคลองได้ไหมคะ บ้านอยู่ติดคลองท่าแนะค่ะ

ต้องการซื้อกุ้งครับ ไม่ทราบว่าต้องซื้อจำนวนเท่าไร แต่ที่ร้านใช่ยูประมาณ30-40กก.ต่อวัน ขอทราบรายละเอียดหน่อยครับ

หรือtel 0805487610 ครับ

สวัสดีคะตอนนี้พ่อเลี้ยงกุ้งที่เชียงรายค่ะอยากไดวิธีการเลี้ยงแบบธรรมชาติและวิธีทำอาหารเสริมเพื่อลดต้นทุนเพราะอาหารแพงมากคะ่

ข้อมูลเป็นประโยชน์มากครับ

ดีครับ

ผมอยากเลี้ยงกุ้งเหมือนกัน แต่ไม่มีประสบการณ์ในการเลี้ยงมาก่อน แต่ประสบการณ์เรี่องไก่ชนพอได้ อิอิ ผมสนใจในการเลี้ยงกุ้ง มากๆ ไม่ทราบว่ามีใครแนะนำได้บ้างคร้บ อยากเลี้ยงเป็นอาชีพเสริม โดยให้ญาติพี่น้องเลี้ยง แล้วก็ดูอยู่ห่าง เพราะญาติผมอยู่ตางจังหวัด ช่วยแนะนำด้วยนะครับ เพื่อนๆ พี่ๆ น้อง ขอบคุณครับ

email [email protected]

ขอบคุณครับ


มีลูกกุ้งขายไหมครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท