วันนี้ได้ประชุมกลุ่มงานเภสัชกรรมตอนบ่ายสามโมง
เนื้อหาที่ประชุมหลักๆ ก็เรื่อง Safty Goal (ที่ผมยังงงๆ อยู่ ทำไมถึงงงเดี๋ยวจะเล่าต่อขอรับ)
เนื้อหาการประชุม ผมฟังแล้วจะหลับเอาง่ายๆ เพราะมีศัพท์ใหม่ๆ มามากมาย ซึ่งด้วยความอ่อนประสพการณ์ของผมทำให้ไม่เข้าใจความหมายดีนักแต่ด้วยความเกรงใจว่า เดี๋ยวการประชุมจะไม่จบทันเลิกงาน ผมเลยนั่งฟังไปเรื่อยๆ เดี๋ยวไปถามเอาตอนจบแล้ว แต่ที่ประหลาดใจคือ พอพูดงานใหม่เรื่องหนึ่งขึ้นมา ขณะกำลังอธิบายความหมาย พี่อีกท่านก็เอ่ยขึ้นมาว่าเรื่องดักล่าวคล้ายกับเรื่องที่เราเคยทำมาแล้ว พอทุกคนสรุปได้ว่าต้องปรับปรุงและนำเสนองานใหม่(อีกรอบ) ก็ขึ้นเรื่องใหมศัพท์ใหม่่ ก็เหมือนเดิมอีกคือ กลายเป็นคล้ายงานเก่าอีกแล้ว...
(เดี๋ยวจะไม่เห็นภาพครับ คือ งาน ADR, Drug reconsile)
กล่าวคือ งานใหมjคราวนี้่แต่จริงๆ ก็เป็นงานเก่าที่เราทำไปแล้ว ผมฟังพี่ๆ พูดแล้วก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจและคิดเรื่องไอเดียที่พี่เป้ง( ICU )เสนอมากขึ้น นั่นคือ
เป้าหมาย
หน่วยงานอื่นทราบว่ากลุ่มงานเคยทำอะไรไปแล้วบ้าง อย่างไร กล่าวอีกอย่างคือ การกระจายความรู้ให้ทราบและประชาสัมพันธ์
ข้อดี
เก็บความรู้จากแนวทางปฎิบัติไว้เป็นหลักแหล่ง
สามารถค้นหาง่ายขึ้น
เก็บได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องแบ่งหมวดให้ลำบากในแต่ะเรื่อง (เราทำสารบัญให้แล้ว)
ข้อเสีย
ต้องรวบรวมนาน และยากในการทำสารบัญ (Index)
การอัพเดตต้องรอนานๆ ทำทีอาจเป็นรายปีเพราะต้องใช้งบและรอข้อมูลเยอะๆ เพื่ออัพเดตทีเดียว (ถึงคุ้ม)
หาคนทำยากส์มาก.....
พิมพ์ถึงตอนนี้ ถึงรู้ว่านี่คือ กระบวนการทำคลังความรู้ (Knowledge asset) โดยเก็บเป็นหนังสือนั่นเอง พอคิดเช่นนั้นผมก็คิดต่อ ถ้าเราเก็บเป็นสารสนเทศเล่า
สารสนเทศ
ข้อดี
อัพเดตข้อมูลได้ง่าย,รวดเร็ว ถ้ารวมข้อมูลครบก็ส่งนำเสนอได้เลย
สามารถนำเสนอได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเสียง,ภาพ,ภาพเคลื่อนไหว,คลิ้ปวีดีโอ(ที่ฉาวอยู่ขณะนี้)
รวมถึงการทำแบบทดสอบความรู้
และการสื่อสารแสดงความเห็นกลับอย่างรวดเร็ว
ข้อเสีย
ตอนนี้คำถามก็กลับมาทันควันว่า
"ใครจะเปิดอ่านบ้าง"
"เปิดอ่านได้อย่างไร ทุกหน่วยสามารถเข้าถึงได้หรือ"
"ใครเป็นคนทำ สามารถทำจริงได้กี่คน"
"สารสนเทศสามารถให้บริการได้ตลอดจริงหรือไม่"
คำตอบนี้ยังดำมืดสำหรับผมอยู่...
(และเป็นคำถามบาดใจข้าน้อย..ดังฉึกๆ...จากโครงการพัฒนา HOMEC-IPD อยู่ทุกวันนี้)
เปรียบเทียบกันแล้วผมรู้สึกว่า
การทำหนังสือยังเป็นที่ยอมรับได้มากกว่า
แต่ด้วยข้อดีมากมายของการนำสารสนเทศมาใช้
ทำให้ผมยังไม่อยากตัดใจซะทีเดียว
เอ้า ผมลองมาทำเป็นรูปธรรมมากขึ้นว่า
จากการถามตอบคำถามทั้งสามข้อดังนี้ขอรับ
ก่อนจบ ผมสรุปปัญหาไว้อย่างนี้ขอรับ
หากเราไม่ทำ หน่วยงานอื่นไม่ทราบ โดยเฉพาะประธานงานคนใหม่ ก็นำงานมาขุดให้ทำใหม่อีก โดยไม่รู้ว่าเราทำมาแล้ว และกำหนดมาตรฐานใหม่ แบบฟอร์มใหม่ คนทำก็หมดกำลังใจเพราะอันเก่าที่ทำไปอย่างยากลำบาก
ก็ใช้ไม่ได้เพราะฟอร์มต่างกัน
ต้องลงข้อมูลไล่กันใหม่ตั้งแต่ต้นอีก...
ซึ่งเป็นเรื่องที่ทรมาณทั้งสองฝ่ายทั้งหัวหน้าผู้สั่งและลูกน้องผู้ปฎิบัติ
ที่ต่างฝ่ายต่างไม่ทราบว่าแต่ละคนได้ทำอะไรไปบ้างอย่างไร
และจะกลายเป็นการขัดใจ เครียด มองหน้ากันไม่ติด
ระบาดเป็นลูกหลานคุณปัญหาในอนาคต
ผมจึงอยากทำหมัน เอ้ย คุมกำเนิดไว้ก่อนด้วยการ
ไมรู้ทำไมแต่อยากพูด "ผมรักในหลวงครับ"
หมอมาช่วยตรวจทำให้อยากได้รายการยาเป็นเล่มเล็กๆคล้ายๆกับที่คุณสมคิดเคยทำค่ะ
ขอบคุณที่มาเยี่ยมและให้ความเห็นขอรับ
ผมเองก็คิดเห็นเช่นเดียวกันอยู่ครับแต่ตอนนี้กำลังทำ+รอบัญชียาที่มันยังไม่นิ่งอยู่ (กรรมการยากำลังตัดรายการยาออกให้เหลือ 750 รายการอยู่) ซึ่งคงใช้เวลาอีกสักพักรายการจึงจะออกมาได้ขอรับ
ขอบคุณและจะรอค่ะ
ฝากบอกน้องๆเภสัชว่าหมอใช้ยา naprosyn หรือ N said รักษาDUBที่เป็นชนิด ovulation bleeding ค่ะ
คนไข้เคยถูกเภสัชถามว่าเป็นโรคปวดข้อหรือเปล่า หมอไม่มีโอกาสอธิบายให้ทราบค่ะ