เมื่อครบกำหนดเวลาสิบห้าวันแล้ว ถ้าผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวไม่แสดงเจตนาเปลี่ยนสถานภาพมาเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ให้พ้นจากตำแหน่ง
2. การบังคับไม่ให้สืบทอดอำนาจ (มาตรา 73/1)
กำหนดบทบัญญัติให้นับรวมวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนี้
การนับวาระการดำรงตำแหน่งของอธิการบดี คณบดี ผู้อำนวยการ หรือหัวหน้าส่วนงานที่เรียกชื่ออย่างอื่น ให้นับรวมวาระการดำรงตำแหน่งตามพระราชบัญญัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2522 ด้วย
3. การให้อิสระแก่ข้าราชการและลูกจ้างในการเลือกสถานภาพ (มาตรา 75)
กำหนดบทบัญญัติเป็นขั้นตอนในการเลือกเปลี่ยนสถานภาพของข้าราชการและลูกจ้าง (ซึ่งอาจไม่เลือกเปลี่ยนสถานภาพจากข้าราชการเลยก็ได้)
3.1 แสดงเจตนาเปลี่ยนสถานภาพภายในเก้าสิบวัน ให้มหาวิทยาลัยดำเนินการบรรจุเป็นพนักงานหรือลูกจ้าง แล้วแต่กรณีในทันที
3.2 แสดงเจตนาเปลี่ยนสถานภาพไม่เกินสี่ปี เมื่อมหาวิทยาลัยได้ประเมินแล้ว เห็นว่ามีความรู้ ความสามารถ ให้บรรจุเป็นพนักงานหรือลูกจ้างโดยไม่ต้องทดลองปฏิบัติงาน
3.3 แสดงเจตนาเปลี่ยนสถานภาพหลังสี่ปี ถ้ามหาวิทยาลัยเห็นว่าการรับบุคคลนั้นเข้าทำงานจะเป็นประโยชน์ต่อมหาวิทยาลัย และมีอัตราที่จะรับเข้าทำงานได้ ให้ดำเนินการตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย
หมายเหตุ กรณีการกำหนดเงื่อนเวลา และหลักเกณฑ์ น่าจะขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละมหาวิทยาลัย
4. สิทธิและผลประโยชน์ของผู้เปลี่ยนสถานภาพ (มาตรา 76)
สิทธิและผลประโยชน์ของผู้เปลี่ยนสถานภาพเป็นพนักงานและลูกจ้าง คือ ให้ได้รับเงินเดือน ค่าจ้าง สวัสดิการ และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่น ไม่น้อยกว่าที่เคยได้รับอยู่ก่อนเข้าเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย หรือลูกจ้างของมหาวิทยาลัย
หมายเหตุ ไม่ได้กำหนดว่าจะได้รับเงินเดือนเพิ่มหรือไม่ ? และเพิ่มเท่าใด ? เพราะที่ผ่านมาเป็นมติของคณะรัฐมนตรี
5. สิทธิการรับบำเหน็จบำนาญ และสมาชิก กบข. (มาตรา 77)
กำหนดบทบัญญัติที่เกี่ยวกับการรับบำเหน็จบำนาญ และการเป็นสมาชิก กบข. ดังนี้
5.1 ข้าราชการ ซึ่งเปลี่ยนสถานภาพเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ให้ถือว่าเป็นการให้ออกจากราชการ เพราะทางราชการเลิกหรือยุบตำแหน่งตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการแล้วแต่กรณี
5.2 ลูกจ้าง ของส่วนราชการซึ่งเปลี่ยนสถานภาพเป็นลูกจ้างของมหาวิทยาลัย ให้ถือว่าเป็นการออกจากงาน เพราะทางราชการยุบตำแหน่ง และให้มีสิทธิได้รับบำเหน็จตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง
5.3 ข้าราชการซึ่งเป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญอยู่แล้ว ให้มีสิทธิขอเป็นสมาชิกต่อไปได้ แม้จะออกจากราชการแล้ว ในกรณีเช่นนี้ให้มีสิทธิได้รับสวัสดิการจากทางราชการเช่นเดียวกับผู้ได้รับสวัสดิการจากทางราชการเช่นเดียวกับผู้ได้รับบำนาญตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
5.4 พนักงานมหาวิทยาลัย ซึ่งได้รับประโยชน์ในฐานะข้าราชการบำนาญแล้ว ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องอยู่ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม แต่ไม่ตัดสิทธิที่จะประกันตนด้วยความสมัครใจ
เนื่องจากมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ จึงขอนำไปอธิบายในบล๊อกต่อไป
ไม่มีความเห็น