สองสามวันที่ผ่านมา ผมเห็นสถานีโทรทัศน์บางช่อง นำเอาพระบรมราโชวาท ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (บางตอน) ที่พระองค์ท่าน ทรงพระราชทาน แก่คนไทยทุกหมู่เหล่า ในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของเหล่าทหารรักษาพระองค์ เนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ประจำปี 2550 มาเผยแพร่ มีความบางตอนว่า
“สถานการณ์ บ้านเมืองเราในทุกวันนี้ เป็นที่ทราบแก่ใจของเราทุกคนที่สุดแล้วว่า ไม่น่าไว้วางใจ พูดได้ว่า หากคนไทยขาดความสำนึกในชาติ ขาดความสามัคคี ก็อาจจะประสบเคราะห์กรรมกันทั้งชาติ
จึงขอให้ทหารทุกคน และชาวไทยทุกคน ทุกหมู่ ทุกเหล่า ได้พิจารณาตัดสินใจว่า ประเทศชาติของเรานั้น สำคัญควรที่เราจะรักษาไว้ให้ยั่งยืนต่อไปหรือไม่ ถ้าเห็นว่าสำคัญ มั่นใจ ก็ขอให้สังวร ระวังกาย ใจ ให้ตั้งมั่นอยู่ในความสัตย์สุจริต พยายามลดอคติ และสร้างเสริมความเมตตา สามัคคีในกันและกัน ไม่ว่าจะทำการสิ่งใดให้ยึดเอาความมั่นคงปลอดภัยของชาติ เป็นที่หมายสูงสุด”
ผมเห็นว่าเป็นสิงที่ดี ที่ทางราชการได้นำพระบรมราโชวาทของพระองค์ท่านมา ย้ำเตือน ให้คนไทยได้คิด ได้ตระหนัก เตือนสติทั่วกัน นับว่าเป็นประโยชน์ อย่างยิ่งต่อสาธารณชน กับสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม การที่คนไทยจะคิด จะน้อมนำเอาพระบรมราโชวาทของพระองค์ท่าน มาสู่การปฏิบัติเพื่อความเจริญของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์แล้ว เราจะต้องศึกษาแนวพระราชดำริ จากพระบรมราโชวาท หลาย ๆ ครั้ง หลาย ๆ ประเด็นที่พระองค์เคยพระราชทานให้ไว้ ประกอบด้วย จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการบริหารกิจการบ้านเมือง
ผมถือโอกาส นี้ ทำหน้าที่ประชาชนคนไทย ผู้มีความจงรักภักดี ต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เหมือนกับทหารหาญ และคนไทยทุกหมู่เหล่า ด้วยการ น้อมนำเอา พระบรมราโชวาทของพระองค์ท่าน ที่น่าจะเป็นประโยชน์กับคนไทยทุกหมู่เหล่า จากบทความ จากเว็บไซด์ต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ของบ้านเมืองขณะนี้ เพื่อช่วยกันเผยแพร่ ช่วยกันเตือนสติ เพื่อเสริมสร้างความสามัคคีต่อกันและกัน เพื่อร่วมกันทำความดี ให้ชาติบ้านเมือง และจะเป็นประโยชน์ ต่อการเรียนรู้ ของประชาชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ด้วย อนึ่ง หากในบทความนี้ ทั้งตอนต้น และตอนท้ายนี้ ใช้คำราชาศัพท์ ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสมประการใด ต้องขอกราบอภัยมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผมมิได้มีเจตนาเป็นอย่างอื่น แต่ด้วยปราถนาที่จะเห็นบ้านเมืองสงบสุข และเห็นคนไทยน้อมนำเอากระแสพระราชดำรัส ไปน้อมเกล้า น้อมกระหม่อม ปฏิบัติให้ถูก ให้เหมาะ ให้ควร เพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ของเรา ขอเชิญพี่น้อง ชาวไทย ช่วยกัน สนองแนวพระราชดำริ ตามพระบรมราโชวาท ในวโรกาสต่าง ๆ ดังปรากฏในตอนท้ายนี้
ขอความสวัสดีจงมีแด่ทุกท่าน
ชาติบ้านเมืองก็ดำรงอยู่ได้ เพราะสถาบันต่างๆตั้งมั่นและปฏิบัติหน้าที่ของตนโดยพร้อมมูล
(พระบรมราโชวาท ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ และ อาสาสมัครพลเรือนในพิธีตรวจพลสวนสนาม เนื่องในโอกาสงานพระราชพิธีรัชดาภิเษก 8 มิ.ย.2514)[1] “ชาติบ้านเมืองประกอบด้วยนานาสถาบัน อันเปรียบได้กับอวัยวะทั้งปวง ที่ประกอบกันขึ้นเป็นชีวิตร่างกาย ชีวิตร่างกายดำรงอยู่ได้ เพราะอวัยวะใหญ่น้อยทำงานเป็นปรกติพร้อมกันอย่างไร ชาติบ้านเมืองก็ดำรงอยู่ได้ เพราะสถาบันต่างๆตั้งมั่นและปฏิบัติหน้าที่ของตนโดยพร้อมมูลอย่างนั้น”พระบรมราโชวาท ข้างต้น เห็นได้ว่า พระองค์ท่านทรงย้ำ ว่า ชาติบ้านเมืองก็ดำรงอยู่ได้ เพราะสถาบันต่าง ๆ ตั้งมั่นและปฏิบัติหน้าที่ของตนโดยพร้อมมูลอย่างนั้น คือ ให้ทุกสถาบัน ทุกหมู่เหล่า ปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดี ไม่ก้าวก่ายกัน ให้ร่วมกัน เพื่อความดำรงอยู่ของชาติ บ้านเมือง ซึ่งเปรียบเสมือนร่างกาย
ประเด็นที่ควรนำไปเป็นยุทธศาสตร์บริหารกิจการบ้านเมืองตรงนี้ ก็คือ[1] http://www.ch7.com/website/king/y2549.html(Dec., 17, 2007)
การให้ เป็นเครื่องประสานไมตรีอย่างสำคัญระหว่างบุคคลกับบุคคล และให้สังคมมีความมั่นคงเป็นปึกแผ่นด้วยสามัคคีธรรม
(พระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 31 ธ.ค.2545)[1]
“คุณธรรมข้อหนึ่งที่ยังมีอยู่อย่างบริบูรณ์ในจิตใจของคนไทยก็คือ การให้ การให้นี้ไม่ว่าจะให้สิ่งใด แก่ผู้ใด โดยสถานใดก็ตาม เป็นสิ่งที่พึงประสงค์อย่างยิ่ง เพราะเป็นเครื่องประสานไมตรีอย่างสำคัญระหว่างบุคคลกับบุคคล และให้สังคมมีความมั่นคงเป็นปึกแผ่นด้วยสามัคคีธรรม”
ในส่วนนี้ พระองค์ท่าน ทรงย้ำถึง คุณธรรมข้อหนึ่งที่ยังมีอยู่อย่างบริบูรณ์ในจิตใจของคนไทยก็คือ การให้ พระองค์ท่านทรงให้ข้อคิดว่า “การให้” เป็นเครื่องประสานไมตรีอย่างสำคัญระหว่างบุคคลกับบุคคล และให้สังคมมีความมั่นคงเป็นปึกแผ่นด้วยสามัคคีธรรม
ผมคิดว่าสถานการณ์บ้านเมือง ขณะนี้ ถ้าพรรคการเมืองแต่ละพรรค คนไทยทุกหมู่เหล่า หันมา เน้น “การให้” การให้โอกาส ให้ความรู้ ให้อภัยต่อกัน ก็จะทำให้สังคมประเทศชาติมีความสมาน สามัคคี ครับ
ประเด็นที่องค์การภาครัฐ-เอกชน คนควรนำไปบูรณาการเป็นยุทธศาสตร์บริหารกิจการจัดการตรงนี้ ก็คือ
[1] http://www.ch7.com/website/king/y2548.html (Dec., 17, 2007)
ตรงนี้ ผมอยากจะชี้ให้เห็นว่า พระองค์ท่านทรงสอนให้พวกเราร่วมกันพัฒนาชาติบ้านเมืองให้ถูกต้องขั้นตอน คือเริ่มจากการสร้างพื้นฐาน ความพอมีพอกินให้กับประชาชนรากหญ้า ก่อนเป็นอันดับแรก
ซึ่งถูกต้องตามหลักรัฐประศาสนศาสตร์ การจะให้ประชาชนร่วมมือได้ ต้องให้เขาอยู่ดีกินดีก่อน อิ่มปากอิ่มท้องก่อนเป็นอันดับแรกครับ จากนั้นจึงหันมาให้การศึกษา ให้มีงานทำ รณรงค์จริยธรรม คุณธรรม และการร่วมกันพัฒนาชาติบ้านเมือง
"ชาติบ้านเมือง คือ ชีวิต เลือดเนื้อ และสมบัติของเราทุกคน และการดำรงรักษาชาติประเทศนั้น มิใช่หน้าที่ของบุคคลผู้ใดหมู่ใด โดยเฉพาะ หากแต่เป็นหน้าที่ของทุกๆ ฝ่ายทุกๆคน ที่จะต้องร่วมมือกระทำ พร้อมกันไปโดยสอดคล้องเกื้อกูลกัน"
(พระบรมราโชวาท ในพิธีตรวจพลสวนสนาม เนื่องในโอกาสพระราชพิธีรัชดาภิเษก 8 มิ.ย.2514)"ผู้ที่จะรักษาความเป็นไทยได้มั่นคงที่สุด ดี และเหมาะสมที่สุด ไม่มีใครอื่นนอกจากคนไทย เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะอยู่ ณ แห่งใด คนไทยมีหน้าที่ต้องรักษาความเป็นไทย เสมอ"
(พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่สมาคมนักเรียนไทยในประเทศญี่ปุ่น 27 ก.พ. 2537)
สามัคคีหรือการปรองดองกัน ไม่ได้หมายความว่าคนหนึ่งพูดอย่างหนึ่ง คนอื่นต้องพูดเหมือนกันหมด ลงท้ายชีวิตก็ไม่มีความหมาย ต้องมีความแตกต่างกัน แต่ต้องทำงานให้สอดคล้องกัน แม้จะขัดกันบ้างก็ต้องสอดคล้องกัน
(พระราชทานแก่ คณะบุคคลต่างๆในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 4 ธันวาคม 2536)บ้านเมืองต้องมีความยุติธรรม ปฏิบัติตัวตามใจชอบไม่ได้ ความดีคือทำอะไรตรงไปตรงมา ไม่อคติ ให้ทหารไม่ให้มีการเอาเปรียบคนอื่น ดูแลความยุติธรรม จะได้ไม่ต้องประหัตประหารกัน
พระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ผู้พิพากษาศาลยุติธรรม-ศาลทหาร เมื่อเวลา 16.42 น. วันที่ 17 ธันวาคม 2550)[1]
"บ้านเมืองจะต้องมีความยุติธรรม หมายความว่า คนจะปฏิบัติตัวตามใจชอบไม่ได้ ต้องทำตามกฎเกณฑ์ หรือว่าของกฎหมายก็ได้ หรือต้องเป็นตามความดี กฎเกณฑ์ของความดี และความดีนั้นก็คือทำอะไรที่ตรงไปตรงมา ที่เป็นประโยชน์ต่อทุกคน ต่อประชาชน โดยเฉพาะทุกคนที่มีสิทธิที่จะมีชีวิตที่ต้องมีกฎเกณฑ์ ต้องมีขื่อมีแป ถ้าไม่มีขื่อมีแปแล้ว ประเทศชาติก็ล่มจม อันนี้สำคัญที่ต้องมีผู้พิพากษาที่ต้องมีความเข้มแข็ง ความเข้มแข็งของผู้พิพากษาไม่ใช่ง่าย เพราะว่ามีคนที่ไม่ค่อยดี คือหมายความว่าไม่ค่อยสุจริต ก็หาทางที่จะหลบเลี่ยงกฎหมาย หลบเลี่ยงกฎเกณฑ์ หลบเลี่ยงความดีเพื่อความดีของตัว ฉะนั้นท่านต้องรักษาความเข้มแข็งของคำปฏิญาณนี้
ซึ่งถ้าพูดถึงง่ายๆ ก็ไม่ยาก เพราะความดีนั้นเป็นสิ่งที่ง่าย แต่ว่าทำไมมันยาก เพราะมีอคติ หมายความว่าคนเราอยากที่จะทำอะไรเพื่อประโยชน์ส่วนตัวมาก แต่ท่านได้ปฏิญาณว่าท่านจะไม่หลงในอคติ ซึ่งเป็นของดีมาก ถ้าไม่หลงในอคติก็ทำไม่ยาก ฉะนั้นถ้าท่านรักษาสิ่งที่ท่านได้เปล่งวาจานี้ก็จะทำได้ง่าย เพราะถ้าเราไม่หลงในอคติก็ไม่ยากที่จะทำดี ถ้าทำดีแล้วทุกคนก็ได้รับประโยชน์ ในการรักษาความดีบางอย่างอาจจะไม่ง่าย เพราะว่ามีคนที่ไม่ใช่หลงในอคติ มีคนที่อยากจะไปในทางที่ไม่ถูก อยากจะไปในทางที่เป็นอคติ เขาพยายามที่จะหลอกลวงตลอดเวลา ท่านต้องเข้มแข็ง ความเข้มแข็งของผู้พิพากษาจะต้องรักษาไว้ตลอดชีวิต"
พระปรีชาสามารถของพระองค์ ท่านทรงพระกรุณาพระราชทานพระบรมราโชวาท โดยไม่ต้องทรงดำรินาน ไม่ต้องทรงอ่านจากร่างใด ๆ พระองค์ท่านทรงตรัส ด้วยความห่วงใหญ่ และปรารถนาดีต่อบ้านเมืองและประชาราษฎร์อย่างที่สุดมิได้
ผมคิดว่า เราคนไทย ต้องไม่นิ่งเฉย ทหารต้องไม่ทำอะไรตามใจชอบ พรรคการเมืองต้องไม่ทำอะไรตามใจชอบ บ้านเมืองเรา ไม่ควรมีรัฐประหารอีก เพราะพระองค์ท่านทรงย้ำ ว่า
· บ้านเมืองจะต้องมีความยุติธรรม
· คนจะปฏิบัติตัวตามใจชอบไม่ได้
· คนจะต้องทำตามกฎเกณฑ์ ของกฎหมาย หรือ
· ต้องเป็นตามความดี กฎเกณฑ์ของความดี
· คนเราต้องตรงไปตรงมา
· ทำตนเป็นประโยชน์ต่อทุกคน ต่อประชาชน
· ทุกคนที่มีสิทธิที่จะมีชีวิตที่ต้องมีกฎเกณฑ์ ต้องมีขื่อมีแป ทำอะไรตามใจชอบไม่ได้ ไม่ออกกฎเกณฑ์เพื่อตนเอง
· ผู้พิพากษาที่ต้องมีความเข้มแข็ง
· ไม่หลงในอคติ ถ้าเราไม่หลงในอคติก็ไม่ยากที่จะทำดี
· ถ้าทำดีแล้วทุกคนก็ได้รับประโยชน์
· ความเข้มแข็งของผู้พิพากษาจะต้องรักษาไว้ตลอดชีวิต
ประเด็นดังกล่าวข้างต้น คนไทยทุกหมู่ เหล่า ล้วนนำไปปฏิบัติได้ นี่คือสิ่งที่พ่อของแผ่นดิน พระมหากษัตริย์นักพัฒนา พระมหาราชา ของพวกเรา ทรงห่วงใย ผมขอให้ลูกหลาน นักศึกษา ศึกษาและนำไปเป็นแบบอย่างของทุนมนุษย์ในศตวรรษที่ 21 นี้ คือ เป็นคน มีความยุติธรรม รู้หน้าที่รับผิดชอบ รักษากฎเกณฑ์ ปฏิบัติตารมกฎหมาย หรือ กฎเกณฑ์ของความดี มีจริยธรรม ต้อตรงไปตรงมา ทำตนเป็นประโยชน์ต่อทุกคน ทำอะไรตามใจชอบไม่ได้ ไม่ออกกฎเกณฑ์เพื่อตนเอง มีความเข้มแข็ง ไม่หลงในอคติ อัตตาต่ำ ทำดีเพื่อส่วนรวม เสียสละ ให้ทุกคนได้รับประโยชน์ รักษาคุณงามความดีไว้ตลอดชีวิต
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า บทความ และ พระราชดำรัส ข้างต้น จะเป็นประโยชน์กับท่านผู้อ่านทุกท่าน
สวัสดี
ยม
Doctoral Candidate
http://www.humancapitalcenter.com/ผลประโยชน์ของชาติคือสิ่งที่ทุกคนต้องคำนึงให้มากกว่าผลประโยชน์ส่วนตน
เรารักในหลวง
ประกอบอาชีพที่สุจริต ทำตัวให้มีวินัยที่ดี ไม่หากินอยู่บนความทุกของผู้อื่น รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ประชาชนทุกคนก็จะมีความเป็นอยู่ที่ดี ประเทศชาติก็จะเจริญตามไปด้วย
เรารักในหลวง
ขอบคุณ คุณคอบบร้า2 ที่รวมให้แนวคิดที่เป็นประโยชน์กับสังคมแห่งการเรียนรู้นี้ ท่านเขียนได้สั้น กระชับ กินใจและมีความหมายที่ดีมากครับ เยาวชน นักศึกษา ศิษย์ทั้งหลาย อ่านแล้ว คงเข้าใจง่าย และนำไปปฏิบัติได้
พวกเรารักในหลวง ครับ