ก้าวทีละขั้น


เลขาฯได้พบแจ่มครั้งแรกเมื่อ 6 ปีก่อน ตอนนั้นแจ่มเพิ่งเข้า ม.1 ที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในจังหวัดชัยภูมิ โรงเรียนที่เพิ่งตั้งมาได้ 2 ปี มีอาคารกึ่งถาวรหนึ่งหลัง กับอาคารชั่วคราวหลังคามุงหญ้าอีก 2 หลัง
            ค่ายก่อสร้างอาคารในปีนั้น คงไปกระตุ้นต่อมสนใจของแจ่มได้ถูกจุด จากเด็กเงียบๆไม่พูดไม่จา แจ่มเริ่มเข้ามาเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นจากอาสาสมัคร เพียงสามอาทิตย์ แจ่มก็สามารถพูดคุยด้วยคำง่ายๆได้อย่างสนุกสนาน ชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งติดอกติดใจในความเฉลียวฉลาดของแจ่ม เลยสนับสนุนทุนการศึกษาให้จนเรียนจบ ม.6
            แจ่มเติบโตขึ้น เป็นหนุ่มแข็งแรง ทรหด อดทนทำงานหนักเพื่อครอบครัว การเรียนของแจ่มค่อนข้างดี คุณครูคัดเลือกให้ไปตอบปัญหาในสาระต่างๆอยู่เสมอ
            เลขาฯ แวะไปเยี่ยมแจ่มที่บ้านเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อ 2 ปีก่อน แจ่มมีพ่อที่ต้องออกไปหางานทำ ไม่ค่อยอยู่บ้าน กับปู่และย่าที่เจ็บป่วยออดๆแอดๆอยู่เสมอ
            เมื่อใกล้ถึงเวลาต้องตัดสินใจเรื่องอนาคต แจ่มคิดหนัก อยากเรียน แต่ไม่มีเงิน ปัญหายอดฮิตของเด็กจนๆทุกคน สมองของแจ่มคงชั่งตวงวัดแล้ว ว่าถึงจะทำงานเก็บเงินเท่าไหร่ ก็คงไม่ได้พอจะใช้ในบ้านและใช้เรียนต่อได้ง่ายๆ  ทางที่น่าจะดีที่สุดและเร็วที่สุด คือ อาศัยความสัมพันธ์ที่มีกับคนให้ทุน ขอให้เขาพาไปทำงานที่ญี่ปุ่น
            แจ่มเขียนจดหมายผ่านเลขาฯ ไปหาผู้ให้ทุน อ้อนวอนให้พาไปทำงาน แน่นอนว่าผู้ให้ทุนคนนั้นไม่สามารถช่วยได้ เลขาฯเองก็พยายามบอกแจ่มอยู่เสมอว่า การมีความฝันนั้นดี แต่การจะไปให้ถึงความฝัน ต้องอาศัยความพยายามไปทีละขั้น อดทนฝ่าฟันความยากลำบากไปให้ได้ เมื่อถึงจุดหมายเราก็จะภูมิใจในตัวของเราเอง
            หลังจบ ม.6 แจ่มขาดการติดต่อไปเกือบปี กลับมาอีกครั้ง คราวนี้แจ่มกำลังทำงานอยู่ในโรงงานแห่งหนึ่งแถวนวนคร เป็นช่างเจีย อาศัยอยู่กับพี่ งานก็ไม่หนักจนเกินไป แต่มองไม่เห็นอนาคต
            แจ่มกลับมาพร้อมกับเรื่องเก่าเล่าใหม่ อ้อนวอนอยากพบผู้ให้ทุนคนญี่ปุ่นที่ขาดการติดต่อมาพักหนึ่ง อยากให้เขาพาไปทำงานที่ญี่ปุ่น อยากเรียนต่อ
            เลขาเองก็เปิดเทปคำแนะนำซ้ำเดิมอีกครั้ง คราวนี้ลงในรายละเอียดมากขึ้น อยากไปญี่ปุ่นหรือ หาทำงานในโรงงานญี่ปุ่น ตั้งใจฝึกฝนให้ดี ได้เป็นช่างฝีมือเมื่อไหร่ก็มีโอกาสไปฝึกงาน  หรือไม่ก็เรียนต่อ ระหว่างเรียนสามารถเสาะหาทุนแลกเปลี่ยนไปญี่ปุ่นได้ ส่วนเรื่องให้คนญี่ปุ่นพาไปทำงานให้ลืมเสีย ชีวิตไม่ได้ง่ายอย่างที่เราอยากให้เป็น และผู้ให้ทุนคนนั้นก็ไม่ใช่เทวดาที่สามารถเสกสิ่งที่แจ่มต้องการให้ได้
            อยากเรียนต่อหรือ ระหว่างที่ทำงานพยายามเก็บเงินไว้ เรียนรามคำแหงก็ได้ จบออกมาแล้วทำงานได้เหมือนกัน ประสบการณ์ในการทำงานจะทำให้เราแกร่งและมีไหวพริบกว่าคนที่เอาแต่เรียน หรือถ้าอยากเรียนต่อในมหาวิทยาลัยปิด ก็ให้พยายามอ่านหนังสือเพื่อสอบเข้าเรียน เลขาฯยินดีช่วยหาคนสนับสนุนทุนการศึกษา ในข้อแม้ว่าแจ่มจะต้องกู้ยืมเงินจากกองทุนของรัฐควบคู่กันไป
            เลขาฯเข้าใจความร้อนใจของแจ่มดี ไม่ว่าใครก็อยากหลุดพ้นจากความจน ความขาดแคลนโอกาสในการเปลี่ยนแปลงชีวิต แต่ไม่ว่าใคร ก็คงต้องเรียนรู้ที่จะค่อยๆก้าวไปทีละขั้น แม้ว่ามันอาจจะไม่ง่ายสำหรับวัยรุ่นใจร้อนในยุคนี้
คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 15380เขียนเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2006 23:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:25 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท