ห้องเรียนปริญญาเอก
วันที่ 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา 8.00-10.00 น.
“วันนี้ นิสิตปริญญาเอก เรียนวิชาวิจัยสถาบัน ไม่มีใครขาดเรียนเลย ทำกิจกรรมเพื่อการเรียนรู้ร่วมกันในห้องเรียนตามคำแนะนำของอาจารย์ภาวิณี เพื่อนๆ ทั้ง 14 คนเลือก นางสาวพัชรินทร์ สมบูรณ์ ทำหน้าที่ประธานดำเนินกิจกรรม นำเสนองานวิจัยสถาบันที่ได้ไปค้นคว้ามา พร้อมกับวิจารณ์ว่ามีคุณภาพ และคุณค่าอย่างไร เป็นงานวิจัยสถาบันหรือไม่ การนำเสนอได้ดำเนินไปตามลำดับที่ตกลงกันไว้ หมดเวลาแล้วยังเหลืออีกสองคน ที่ประชุมได้เห็นพ้องกันว่าให้นำเสนอต่อจนเสร็จสิ้นไปเลย เรารับประทานอาหารเที่ยงด้วยและฟังเพื่อนด้วย พร้อมกับร่วมอภิปราย หลังจากนั้นจึงสรุปประเด็นการเรียนรู้ร่วมกัน วันนี้แม้อาจารย์ไม่อยู่ แต่ทุกคนมีความรับผิดชอบดีมาก และร่วมทำกิจกรรมอย่างจริงจัง ”
ข้อความข้างต้น เป็น e-mail ที่นิสิตปริญญาเอกส่งถึงผู้สอนตามข้อตกลง ทันทีที่ผู้สอนกลับจากประเทศอินเดีย สามารถอ่านและนึกตาม เห็นภาพห้องเรียนชัดเจน
“บรรยากาศห้องเรียนที่ไร้ครูวันนี้เกิดการเรียนรู้อย่างสนุกสนานและมีความสุข ทุกคนมีโอกาสแสดงออกอย่างเต็มที่ (ไม่ต้องเกร็ง) ทุกคนให้ความร่วมมือในการนำเสนอเป็นอย่างดี ทั้งนี้มีการเตรียมตัวมาค่อนข้างดีทีเดียว สิ่งที่ทุกคนนำเสนอทำให้มีความหลากหลาย แต่ละคนได้แสดงออกถึงความสามารถในการวิคราะห์ วิจารณ์งานวิจัยตามหลักวิชาความรู้ที่ได้เรียนรู้มา ประธานทำหน้าที่ตนเองอย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลย ให้สัญญาณการหมดเวลาโดยการเคาะแก้ว 1 ครั้ง เพื่อเตือนให้รู้ว่าเตรียมสรุปประเด็นได้แล้ว และเพื่อให้คนต่อไปได้เตรียมตัวเองสำหรับการนำเสนอต่อไป และเพื่อว่าให้แต่ละคนไม่พูดนอกประเด็นหรือออกนอกเรื่อง รวมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหลังจากที่ได้มีการนำเสนอไป เพื่อน ๆ มีการซักถามประเด็นที่สงสัย และอภิปรายร่วมกัน ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์กันอย่างมีความหมายมาก และทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มได้สำหรับเพื่อน ๆ บางคน นิสิตรู้สึกว่าได้รับความไว้วางใจจากผู้สอน จึงทำให้เกิดความกระตือรือร้นที่จะกระทำกิจกรรมให้สำเร็จดังความคาดหวังของผู้สอนในช่วงเวลาที่จำกัด”
ผู้สอนภูมิใจในผู้เรียน
“จุดที่ควรปรับปรุง คือเรื่องของเวลา เพราะว่าเวลาในการนำเสนอและอภิปราบซักถามด้วย คนละ 10 นาทีน้อยไปนิดนึง เลยทำให้ดูเหมือนว่าเร่งรีบมากเกินไป ทำให้บางคนต้องมีการถามกันนอกรอบต่ออีก นอกจากนี้บางคนยังมีการนำมาถามต่อเวลาพักเที่ยงเลย หรือเดินมาถามต่อเมื่อผู้นำเสนอกลับมานั่งที่แล้ว นับว่าเป็นการเรียนรู้ที่เป็นกันเองและสนุกไปอีกแบบ คิดว่าถ้ามีเวลามากกว่านี้อีกสักคนละประมาณ 20-25 นาที น่าจะได้ความชัดเจนมากขึ้น ส่วนเรื่องอื่น ๆ ไม่มี เพราะทุกการเรียนรู้มีคุณค่าหมด แม้ว่างานบางเล่มจะไม่ค่อยดีแต่เราสามารถเรียนรู้จุดด้อยเพื่อเป็นข้อคิดสำหรับตนเองให้มีความรอบคอบและระมัดระวังในการทำงานวิจัยของตนเองมากขึ้น .”
ผู้สอนจะได้อ่านรายงานเต็มฉบับต่อไป และจะได้ร่วมอภิปรายเพิ่มเติม“ผลที่ได้จากการเรียนรู้โดยปราศจากอาจารย์ทำให้ข้าพเจ้าได้บรรยากาศในเรื่อง กระบวนกลุ่ม และได้ข้อคิดจากการได้อภิปรายร่วมกันของเพื่อนร่วมชั้น ซึ่งต่างคนก็มีความคิดอย่างอิสระทั้งที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย เพื่อนที่ไม่กล้าแสดงออกก็มีความกล้าเกิดขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ถ้าขาดครูห้องเรียนก็เหมือนขาดสิ่งสำคัญที่สุดไป .......... ในความคิดของข้าพเจ้า."
นี่เป็นรางวัลที่ครูได้รับ ยามที่จำหายหน้าwx ครูได้เรียนรู้ว่า ครูควรดุน้อยลง พูดน้อยลง เพื่อให้ผู้เรียนไม่เกร็ง ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างสบายใจ
ครูทำได้ ครูสัญญา
ครูภาวิณี ศรีสุขวัฒนานันท์
ขนิษฐา ชัยรัตนาวรรณ เป็นนิสิตปริญญาเอกคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ เรียนวิชาวิจัยในชั้นเรียนที่เป็นห้องเรียนที่ไร้ครู
สาเหตุที่ทุกคนใช้เวลานำเสนอและอภิปรายประมาณ 10 นาที เนื่องจาก มีสมาชิกมากถึง 14 คน ดังนั้นจึงเกรงว่าจะนำเสนอไม่ครบ เพราะมีเวลาในชั่วโมงเรียนตั้งแต่ 08.00-10.00 น. เท่านั้น แต่ทุกคนได้เรียนรู้ สามารถบ่งบอกถึงคุณค่า คุณภาพของเรื่องวิจัยสถาบันที่ได้ศึกษาและค้นคว้ากัน และดำเนินกิจกรรมด้วยความสุข สนุกสนาน (อีกแบบ)
แต่ขอยืนยันได้ว่าครูภาวิณี ไม่ดุเลย ครูคนนี้ใจดีมากๆๆ (จริงๆค่ะ) และสิ่งที่ได้เรียนรู้อีกอย่างจากครูคนนี้คือ กิจกรรมในชั้นเรียน ที่มีรูปแบบต่างๆ ซึ่งได้นำไปใช้และให้คุณค่ากับอาชีพความเป็นครูซึ่งเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้กับศิษย์เพิ่มขึ้น
ด้วยความรักและเคารพอย่างสูง
ขนิษฐา ชัยรัตนาวรรณ
ศิษย์เป็นนิสิตปริญญาโทภาคพิเศษสาขาวิจัยฯ ที่เคยตกอยู่ในสภาพ ห้องเรียนที่ไร้ครูมาแล้ว 1 ครั้ง
จึงอยากแสดงความเห็นเพิ่มเพื่อยืนยันว่า ห้องเรียนที่ไม่มีครูอยู่นั้นผ่อนคลาย ออกจะครื้นเครงเสียด้วยซ้ำ โดยเฉพาะมีการนำเสนองานหน้าชั้น ของแต่ละกลุ่ม นิสิตบางคนที่เคยนั่งนิ่งเงียบ มีความกล้าที่จะแสดงออก ในการซักถามข้อมูลเพิ่มเติม และขอให้ผู้นำเสนอยกตัวอย่าง หากไม่เข้าใจ อีกทั้งช่วยกันแก้คำผิด หากผู้นำเสนอพูดผิด แต่ก็มีข้อเสียอยู่บ้างคือ ขาดความเป็นระเบียบไปบ้างในบางช่วงเวลา
ในขณะที่หากมีครูอยู่ และครูป้อนคำถามจี้ในบางเรื่อง หรือในกรณีที่ครูบอกจะหัก 1 คะแนน พบว่านิสิตหลายคนเริ่มเครียด นึกอะไรไม่ออก ไม่ค่อยมีใครกล้าพูด
เราคงต้องหาทางออกกันคนละครึ่งทางกระมัง
การเข้ามาแสดงความคิดเห็นในที่นี้ โดยส่วนตัวแล้วคิดว่านี่เป็นการฝึกกระบวนการประเมินของนิสิตอย่างหนึ่งใช่ไหมคะครู
ด้วยความเคารพอย่างสูง
หนูก็เป็นนิสิตอีกคนหนึ่งที่อยู่ในห้องเรียนที่ไร้ครูเมื่อวันที่ 25 พ.ย. ค่ะ ตามความคิดของหนูคิดว่าถึงแม้ว่าห้องเรียนที่ไร้ครูจะทำให้บรรยากาศการเรียนรู้เป็นไปด้วยความสนุกสนาน ไม่มีความกดดันจากครู ก็จริงอยู่ แต่ถึงอย่างไรหนูก็คิดว่าสู้การมีครูอยู่ไม่ได้ เพราะบางครั้งเมื่อเกิดประเด็นที่จะต้องอภิปรายกันเพื่อหาข้อยุติพวกเราไม่สามารถหาข้อยุติได้ จนเราต้องบอกกันว่า "รอให้อาจารย์มาก่อนแล้วค่อยถามอาจารย์" และอีกสิ่งหนึ่งที่อยากเรียนให้ครูทราบเหมือนกับพี่ขนิษฐา คือครูไม่เคยดุพวกเราเลยนะคะ ถึงแม้บางครั้งดูเหมือนว่าครูจะเสียงดังบ้างแต่ก็ไม่ใช่เป็นลักษณะของการดุ เพราะตามความคิดหนูน้ำเสียงหนักเบาเป็นการบอกความเข้มของการให้ความสำคัญของเรื่องมากกว่าค่ะ ส่วนเรื่องที่ครูจะพูดให้น้อยลงบางครั้งหนูก็เกรงว่าหนูจะขาดความรู้บางสิ่งบางอย่างไปค่ะ เพราะคำพูดของอาจารย์แม้แต่ประโยคสั้น ๆ เพียงประโยคเดียวมันก็เป็นความรู้สำหรับหนูมากค่ะ
ด้วยความรักและเคารพอย่างสูงค่ะ
บุณยานุช เฉวียงหงส์
กราบเรียนอาจารย์ด้วยความเคารพ
ไม่น่าเชื่อเลยว่า การเรียนในระดับปริญญาเอกจะเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญได้สอดคล้องกับแนวปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ มักจะพบในระดบประถมแบะมัธยม
ด้วยความเคารพ
กราบเรียนอาจารย์ที่เคารพ
ดิฉันเป็นสมาชิกคนหนึ่งในห้องเรียนที่ไร้ครู ยอมรับว่าเป็นการเรียนรู้ที่มีความสุขไปอีกแบบหนึ่งจริง ๆ ทุกคนได้กล้าแสดงความคิดเห็น กล้าซักถาม แม้จะไร้ครู แต่พวกเราก็ยังคงไว้ซึ่งกฎ กติกาและมารยาทในกระบวนการกลุ่ม ช่วยเหลือในการให้การนำเสนอ การอภิปรายซักถามดำเนินไปด้วยดี อย่างไรก็ตามคิดว่าห้องเรียนที่มีครูย่อมน่าจะดีกว่า เพราะสามารถให้ความกระจ่างในบางประเด็นที่พวกเราคิดว่ายังขาดอยู่ได้ในทันทีโดยไม่ต้องรอ
ด้วยความเคารพ
นุชนาถ เลิศวาสนา.
กระผมเป็นลูกศิษย์อาจารย์ระดับปริญญาโท สาขาจิตวิทยาการศึกษาและการแนะแนว ลูกศิษย์ ดร.สำเนาว์ ดร.บุญเรียง ดร.กันยา สำเร็จเมื่อ ปี พ.ศ.2534 เคยได้รับความกรุณาจากอาจารย์ในการให้คำแนะนำเรื่องแบบทดสอบและยังมอบหนังสือเกี่ยวกับการวัดและประเมินผล ฉบับโรเนียวปกสีเขียว กระผมยังใช้จนปัจจุบัน
ห้องเรียนปริญญาเอก คงต้องมีบรรยากาศแห่งการสร้างองค์ความรู้ การวิพากษ์ และการรับฟังที่ดีที่เหมาะสม มากกว่าปริญญาโท ผมเชื่อว่าอาจารย์ของผมทำได้สบาย ผมภูมิใจในความเป็นลูกเกษตรศาสตร์ ซึ่งไม่อายใครในวงวิชาการ
การเรียนโดยปราศจากครู ทำให้นิสิตไม่เกร็งก็จริง แต่ก็ขาดความเชื่อมั่นว่าข้อสรุปที่ได้นั้น ถูกต้องหรือไม่ บางทีอาจจะหลงประเด็น หรืออาจตรงประเด็นแล้ว แต่ก็ไม่มีความมั่นใจในประเด็นเหล่านั้น การที่ห้องเรียนมีครูถือว่าสำคัญมาก
ประเด็นเรื่องเกร็ง น่าจะใช้วิธีการอื่นในการแก้ไข
แต่เรียนกับท่านอาจารย์ภาวิณีที่ใบหน้าท่านยิ้มอยู่เสมอแถมยังมีมุขตลกแทรกอีกต่างหาก ไม่น่าจะต้องเกร็ง ถึงแม้จะโดนคอมเม้นท์บ้าง (ดุบ้าง) แต่มันก็เป็นความจำเป็น ถ้าไม่ทำอย่างนั้น จะช่วยเราพัฒนาความคิดของเราได้อย่างไร
"ไม่ผิดหวังที่ได้มาเรียนกับอาจารย์ค่ะ"
"ไม่เฉพาะความรู้ แต่ได้พัฒนาทักษะ และความคิด"
หนูจะสง่างาม ดังที่อาจารย์ตั้งใจไว้ค่ะ หนูสัญญา ^.^
มยุรี เสือคำราม
เวลาผ่านไปรวดเร็วดังกับนิยาย บัดนี้ ลูกศิษย์ทุกคนก้าวหน้าในหน้าที่การงานอย่างน่าชื่นใจเป็นความสำเร็จที่ทุกคนพัฒนาโยนิโสมนสิการที่เป็นแบบอย่างของคนรุ่นหลัง นับเป็นบุญของครูที่ได้พบลูกศษย์อย่างท่านทั้งหลาย