วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน 2550 ครูหายจากห้องเรียน
คณะของเรา ซึ่งนำโดย ดร. ดารณี อุทัยรัตนกิจ (ได้เข้าพักที่โรงแรม ในเมืองกุสินารา ตั้งแต่ค่ำวันที่ 24 พย. 50 ) ตื่นนอนแต่เช้า หลังจากถวายอาหารเช้าแก่พระสงฆ์ร่วมคณะ 5 รูป และพระวิทยากร 1 รูป และทุกคนทานข้าวมื้อเช้าแล้ว ก็ออกเดินทางสู่ สาลวโนทยาน เป็นสถานที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า พระพรนิมิต ทำหน้าที่เป็นวิทยากรให้ความรู้แก่คณะเรา ท่านเป็นผู้บรรยายที่ตั้งใจให้เรารู้ทั้งสาระทางประวัติศาสตร์ เข้าใจในหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า และนำให้เราคิด และปฏิบัติอย่างเยี่ยมยอด ท่านมีคำกล่าวเป็นคำคล้องจองน่าฟังเกี่ยวเมืองแต่ละแห่งที่เดินทางผ่านและมีรายละเอียดขยายให้เราฟัง ดิฉันอยากจดรายละเอียดเพื่อมาเล่าให้ลูกศิษย์ที่กำลังทำงานด้วยความตั้งใจยามครูหายจากห้องเรียน ดิฉันรู้ว่า จำดีกว่าจด แต่จำไม่หมดดีกว่าจำ (คำสอนที่วัดป่าดาราภิรมณ์ เชียงใหม่) ในภาวะที่รถวิ่งบนถนนในชนบทในประเทศอินเดียตามเส้นทางที่เราไป ดิฉันจดไม่ได้เลย พยายามเขียนคำบ้าง สัญญลักษณ์ช่วยเตือนความจำ แต่ก็น่าหนักใจกับงานจำมีมาก ข้อมูลไหลบ่าท่วมท้นเกินจำ แต่ก็โชคดี ที่มีโอกาสสนทนา ขอความรู้เพิ่มเติมจากพระวิทยากร ยามสะดวกนิสิตให้คำมั่นสัญญากับอาจารย์ภาวิณีว่าจะทำกิจกรรมที่กำหนดเต็มที่ ขอให้อาจารย์ไปนมัสการสังเวชนิยสถานที่อินเดียด้วยความสบายใจ วางใจได้ว่าพวกเรานิสิตจะเป็นเด็กดี และจะเขียนอนุทินให้อาจารย์ได้ทราบบรรยากาศในห้องเรียน พร้อมกับสาระการเรียนรู้ที่ได้ตามแผนที่กำหนดตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว อาจารย์ภาวิณี ก็ขอทำการบ้านส่งนิสิตเช่นกันพระวิทยากรบอกเราว่า เมืองกุสินาราเป็นเมือง 5 ป.
ปัจฉิมโอวาท พระพุทธเจ้าแสดงธรรมแก่พุทธบรษัท 4
ปัจฉิมสาวก สุภัททะ เป็นพระสงฆ์องค์สุดท้ายที่พระพุทธเจ้าบวชให้
ปันบรมสารีริกธาตุ หลังถวายพระเพลิง ได้แบ่งปันพระบรมสารีริกธาตุ
ปรินิพพานสูตร สูตรที่ว่าด้วยก่อนพระพุทธองค์จะปรินิพพาน
ประชุมเพลิง ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ
สำหรับ ปรินิพพานสูตร ฟังไม่ทัน จดไม่ได้ เป็นความว่างเปล่าที่ไม่สามารถนำมาขยาย ขอ พระวิทยากร พระพรนิมิตได้โปรดเมตตาเติมเต็ม หากท่านมีโอกาสอ่านบทความนี้จาก website <gotoknow.org> ใน blog ของอาจารย์ภาวิณี
ในช่วงเวลานี้ ขอเล่าสิ่งที่ประทับใจสักเล็กน้อย เรื่องราวต่างๆ มีมากมาย คงต้องใช้เวลาเขียนในโอกาสต่อไป
เมื่อถึงสาลวโนทยาน พระวิทยากรนำพวกเราเข้าไปในวิหารปรินิพพาน เราก้มกราบพระพุทธรูปปางไสยยาสน์ พระวิทยากรนำสวดมนต์และเจริญสมาธิ หัวหน้าคณะนำผ้าห่มสีเหลืองทอง ห่มองค์ท่าน พวกเราช่วยกันคลี่ผ้า จับผ้าคนละมุม ห่มองค์ท่านจากพระพาหา จนถึงข้อพระบาท และปิดทอง
รูปมกุฎพัธนเจดีย์
พระวิทยากรนำเราไปนมัสการ มกุฎพัธนเจดีย์ เป็นที่ถวายพระเพลิง เราได้สวดมนต์และเจริญสมาธิ เป็นพุทธบูชา ในภาพเป็นการห่มเจดีย์ของคณะผู้แสวงบุญคณะหนึ่ง ล้วนเป็นคนในวงการบันทึก มีดาราอวุโสที่รู้จักหลายคน
พระวิทยากรแนะนำให้เราพิจารณาตนเอง ว่ามีสิ่งใดที่ควรละ ก็เริ่มละได้นะบัดนี้ ให้ตั้งจิตอธิษฐานละให้ได้ในวันนี้ พรุ่งนี้เราจะนมัสการพระที่สวนลุมพินีวัน เราจะอธิษฐานสิ่งดีให้เกิดแก่ชีวิตต่อไป
อาจารย์ภาวิณี ขอส่งการบ้านถึงลูกศิษย์ และผู้สนใจก่อน ฉบับหน้าเป็นรายงานการตรวจการบ้านนิสิตว่าเมื่อห้องเรียนไร้ครู อะไรได้เกิดขึ้นบ้าง
สวัสดี
ครูภาวิณี
สวัสดีค่ะ
หนูเป็นคนนึงที่ชอบเรียนวิชาพระพุทธศาสนามาตั้งแต่ประถมศึกษา ได้ฟังแต่พระอาจารย์บอกสถานที่สำคัญของพระพุทธเจ้าทำพิธีกรรม.....พอมาอ่านเรื่องของอาจารย์แล้วอยากไปบ้าง....คงได้แง่คิดดีๆเพิ่มขึ้น.......ถ้ามีโอกาสสักครั้งอยากไปหาความรู้นอกสถานที่เหมือนอาจารย์บ้างค่ะ
สวัสดีค่ะอาจารย์ภาวิณี
เมื่อได้มีโอกาสอ่านเรื่องของอาจารย์ รู้สึกว่าตนเองได้มีความรู้เรื่องของพระพุทธศาสนามากขึ้น ถึงแม้ว่าอาจารย์จะอธิบายเพียงแค่ประสบการณ์บางส่วนที่อาจารย์ได้ไปพบเห็นมา แต่ก็ถือว่าเป็นความรู้ที่ยิ่งใหญ่สำหรับตัวหนู และที่สำคัญตนเองรู้สึกประทับใจที่อาจารย์ได้กล่าวถึง "จำดีกว่าจด แต่จำไม่หมดดีกว่าจำ"
สวัสดีค่ะ
อาจารย์คะ จากทีได้อ่านประสบการณ์ของอาจารย์แล้ว รู้สึกได้ว่า อินเดียเป็นเมืองที่มีความสำคัญโดยเฉพาะด้านพระพุทธศาสนามาก ๆ เลยค่ะ รู้สึกได้ว่านอกจากจะได้ชมสถานที่ต่าง ๆ แล้ว สิ่งทีพระวิทยากรได้แนะนำในการพิจารณาตนเองนั้น น่าสนใจมาก ๆ เลยค่ะ
"จำดีกว่าจด แต่จำไม่หมดดีกว่าจำ" เป็นประโยคเด็ดที่นำไปใช้ได้ดีเลยทีเดียวคะ
และได้ความรู้จากการที่อาจารย์ไปประเทศอินเดียแล้วมาเล่าให้อ่าน
สำหรับบทความเรื่อง ห้องเรียนไร้ครู ตอนครูหายไปที่เมืองกุสินารานี้เป็นเรื่องที่อาจารย์ได้นำประสบการณ์การเดินทางที่มีความปรารถนาอยากให้นิสิตที่รักได้รับรู้เรื่องราวการเดินทางที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เมื่อข้าพเจ้าได้อ่านทำให้ทราบว่าถึงแม้อาจารย์จะเดินทางไปไกลแต่ก็ยังคิดถึงนิสิต จึงได้เขียนเรื่องราวที่มีประโยชน์มาให้นิสิตได้รู้ เป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่มีเสน่ห์อยู่ในตัวค่ะ
เมื่อได้อ่านบทความของอาจารย์ ทำให้ได้รู้จักสถานที่ที่สำคัญเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ทำให้หนูอยากไปบ้างจังเลยค่ะ และนอกเหนือจากนั้น ทำให้หนูได้ข้อคิดต่างๆ ในการดำเนินชีวิต...ยอดเยี่ยมไปเลยค่ะอาจารย์
"ห้องเรียนที่ไร้ครู " จำได้ว่าเป็นคำพูดที่ทำให้เกิดความคิดในใจของผมขึ้นมามากมาย
เช่น มันใช้ไม่ได้กับนักเรียนอนุบาลหรอก ,ถ้าเราเอาไปพัฒนาขยายความแล้วนำเทคนิคการสอนเข้าไปใช้จะเป็นอย่างไร และอีกอื่นๆอีมากมายในสมอง แต่ในสถานการณ์ของผมเองถือว่าเป็นข้อความใหม่ ข้อความที่คนที่มีความเป็นครูในสายเลือดอย่างผมฟังแล้วมันอบอุ่น ถึงแม้คำที่เสนอออกมาจะดูห่างเหิน เพราะคำว่า ไร้ครู พอวิเคราะห์ดีๆแล้วครูอยู่ใกล้เรามากกว่าการสอนอยู่ในห้องเสียอีก ครูยังไม่ห่างเรา ห่วงเรา และได้นำคเกร็ดความรู้มาฝากเรา ที่สำคัญที่สุด สิ่งต่างๆที่ให้มานั้นสามารถบ่งบอกว่าแม่ห่างใกลกันขนาดใหนความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์กับครูไม่เคยห่างตามเลย
ปล.เมื่อเกือบสองเดือนที่แล้วคุณแม่ที่บ้านก็ไปมาเหมือนกัน จนถึงทุกวันนี้ยังมีเรื่องเล่าไม่จบเลยครับ จนชักอยากจะไปด้วยแล้วสิ