Search Engine Marketing แนวรบใหม่ของธุรกิจออนไลน์


เสิร์ชเอ็นจิ้นมาร์เก็ตติ้ง คือ การทำตลาด ผ่านระบบการเสิร์ช ทำอย่างไรให้เว็บไซต์ขึ้นมา ติดอันดับต้นๆ ของเสิร์ชเอ็นจิ้นชื่อดังอย่าง "กูเกิล" โดยสิ่งสำคัญคือ "คีย์เวิร์ด" เพื่อสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้
Search Engine Marketing แนวรบใหม่ของธุรกิจออนไลน์

 

 

 

ต้องยอมรับว่า "กูเกิล" เสิร์ช เอ็นจิ้นดังระดับโลกมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วโลกที่มีอยู่กว่าพันล้านคนจริงๆ โดยเฉพาะในประเทศไทย มีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตจำนวนกว่า 94% ค้นหาข้อมูลผ่านทางกูเกิลจากจำนวนผู้ใช้ทั้งหมดมากกว่า 10 ล้านรายทั่วประเทศ

ขณะที่ผลสำรวจระดับโลกล่าสุดจากบริษัทสำรวจเน็ลสันพบว่า ปี 2550 กูเกิลมีส่วนแบ่งทางการตลาดของกลุ่มเสิร์ชเอ็นจิ้นประมาณ 56.3% รองลงมาคือ ยาฮู 21.5%

"เสิร์ชเอ็นจิ้น" จึงกลายเป็นที่หมายตาของบรรดาธุรกิจออนไลน์ทั่วโลก แม้ว่าปัจจุบัน

ธุรกิจออนไลน์จะมีเครื่องมือทางการตลาดหลายอย่างเพื่อให้ผู้ประกอบการธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตได้โดยตรง เช่น การลงโฆษณาออนไลน์ หรืออีเมล์มาร์เก็ตติ้ง

แต่ที่กำลังฮิตฮอตในหมู่ผู้ทำธุรกิจในช่วง 2-3 ปี

ที่ผ่านมา คือ เครื่องมือทางการตลาดที่ชื่อ เสิร์ชเอ็นจิ้น มาร์เก็ตติ้ง (search engine marketing)

เสิร์ชเอ็นจิ้นมาร์เก็ตติ้ง คือ การทำตลาด ผ่านระบบการเสิร์ช ทำอย่างไรให้เว็บไซต์ขึ้นมา ติดอันดับต้นๆ ของเสิร์ชเอ็นจิ้นชื่อดังอย่าง "กูเกิล" โดยสิ่งสำคัญคือ "คีย์เวิร์ด" เพื่อสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้

"ทรงยศ คันธมานน์" กรรมการผู้จัดการ บริษัท แกรนด์ แพลนเน็ต เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด ผู้ให้บริการเว็บไซต์สำเร็จรูปเรดดี้เพลนเน็ต

ดอทคอม กล่าวว่า ณ วันนี้ เสิร์ช เอ็นจิ้น มาร์เก็ตติ้ง นับว่าเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อเทียบกับสื่ออื่นบนโลกธุรกิจออนไลน์ เพราะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้โดยตรง ต้นทุนต่ำ รวมถึงการซื้อโฆษณาบนหน้าผลการเสิร์ช เช่น กูเกิล มีราคาถูกหากเทียบกับการวางแบนเนอร์บนเว็บไซต์ดังๆ และผลตอบรับที่ได้จากการลงทุนนั้นดีกว่าและเห็นผลรวดเร็ว

โดยรูปแบบของเสิร์ชเอ็นจิ้นมาร์เก็ตติ้งมี 2 ประเภท คือ เอสอีโอ (search engine optimization) หมายถึง กระบวนการเพิ่มจำนวนและคุณภาพของผู้เข้าชมให้กับเว็บไซต์ผ่านระบบเสิร์ชเอ็นจิ้น เช่น ยาฮู กูเกิล เอ็มเอสเอ็น หรือพูดง่ายๆ คือ การใช้เสิร์ชเอ็นจิ้นเป็นเครื่องมือเพื่อดึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการให้เข้ามาชมเว็บไซต์เพื่อจะได้จำนวนทราฟฟิกที่มีคุณภาพ กับประเภท สปอนเซอร์ ลิงค์ คือ การจ่ายเงินเพื่อลงโฆษณาบนหน้าเสิร์ชเอ็นจิ้น

ทั้งนี้ การทำเอสอีโอได้รับควานิยมมากขึ้น เพราะพฤติกรรมของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเปลี่ยนไป นิยมใช้เสิร์ชเอ็นจิ้นมากขึ้น กอปรกับเว็บไซต์ในปัจจุบันมีจำนวนเพิ่มมากหลายล้านเว็บไซต์ ดังนั้นการใช้บราวเซอร์ค้นหาสิ่งที่ต้องการทำได้ยาก คนจึงหันมาใช้ระบบเสิร์ชแทน

โดยพบว่า 85% ของคนที่เข้าชมเว็บไซต์มาจากการเสิร์ชเป็นหลัก มากกว่านั้น 80-90% ของการค้นหาไม่ได้คลิกเกินหน้าแรก และเว็บไซต์ของผู้ที่ติดอันดับ 1 บนระบบการเสิร์ชจะมีผู้คลิกสูงถึง 42% ขณะที่อันดับ 2 เหลือเพียง 11% และอันดับ 3 ลดเหลือ 6%

"ลูกค้าที่ทำการเสิร์ชนั้นเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการใช้ประโยชน์จากการค้นหาจริงๆ ไม่ใช้เข้ามาเล่นๆ เพราะคนเล่นอินเทอร์เน็ตธรรมดาไม่มีดีมานด์ในการซื้อขาย แต่ผู้ที่เสิร์ชคือ ลูกค้าที่ต้องการจะหาประโยชน์จริง ดังนั้นเพื่อจะให้คนเข้าเว็บไซต์เราได้มากขึ้น เว็บไซต์เราต้องอยู่อันดับต้นๆ ของผลการเสิร์ช เพราะถ้าอยู่อันดับหลังทราฟฟิกคนเข้าจะน้อยลงเรื่อยๆ"

นายทรงยศกล่าวว่าหัวใจของการทำเอสอีโอคือ การออกแบบเว็บไซต์เพื่อให้ระบบเสิร์ชเข้ามาเก็บข้อมูล ขณะเดียวกันก็ต้องรู้พฤติกรรมของผู้ใช้เน็ตด้วย เพราะถึงแม้เว็บจะมีคุณภาพสวยงามอย่างไร แต่ถ้าระบบเสิร์ชไม่เข้ามาค้นหา ก็จะไม่มีประโยชน์

รวมถึงภายในหน้าเว็บนั้นจะต้องมีเนื้อหาที่ตรงประเด็นและเป็นที่นิยมในการเชื่อมลิงค์จากเว็บไซต์อื่น เพราะระบบ PageRank ของกูเกิลจะวัดจากจำนวนลิงก์ภายนอกที่เชื่อมเข้าสู่เว็บเรา เพราะแสดงว่ามีความน่าเชื่อถือสูง อันดับเว็บนั้นก็จะดีขึ้น มากกว่านั้นเสิร์ชเอ็นจิ้นยังจะชอบเว็บที่มีข้อมูลใหม่ๆ มากๆ และอัพเดตบ่อย ไม่มีแฟลช หรือพ็อปอัพเป็นจำนวนมาก

"เอสอีโอ เป็นการทำงานเพื่อระยะยาว อาจใช้เวลาเป็นปีกว่าจะเห็นผล โดยเฉพาะเว็บที่มีการแข่งขันกันสูง แต่สินค้าที่ไม่มีการแข่งขันมากนัก 3 เดือนเริ่มเห็นผล แต่ถ้าธุรกิจไหนต้องการเห็นผลเร็วก็ใช้วิธีการลงโฆษณาแทน และเอสอีโอควรทำอย่างต่อเนื่องไม่ใช้ทำเป็น โปรโมชั่น ต้องอาศัยการวางแผน ทำตามไกด์ไลน์ ขณะเดียวกันการพัฒนาเว็บไซต์ก็ต้องคำนึงถึง ผู้ใช้ธรรมดาด้วยมิใช่ทำเพื่อรองรับการเสิร์ช อย่างเดียวเท่านั้น"

ด้าน นายอรรคพล ยุตตะกรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เรดแร็งค์ จำกัด บริษัทผู้ทำธุรกิจด้านเสิร์ชเอ็นจิ้น มาร์เก็ตติ้ง กล่าวว่า 2-3 ปีนี้เสิร์ชเอ็นจิ้น มาร์เก็ตติ้ง เริ่มบูมมากขึ้น จากสถิติเมื่อต้นปีมีผู้เสิร์ชจำนวน 2-3 ล้านครั้งต่อวัน แต่ปัจจุบันเพิ่มขึ้นถึง 8 ล้านครั้งต่อวัน และคาดว่าปีหน้าอาจจะเพิ่มถึง 20 ล้านครั้งต่อวัน โดยพบว่าลูกค้าทั้งองค์กรขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ต่างมองเห็นประโยชน์ที่ได้จากเสิร์ชเอ็นจิ้น

"ประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ คือได้รับการเข้าชมที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย สามารถขายได้ เพิ่มโอกาส มีออร์เดอร์การจองในการซื้อสินค้าและบริการ ขณะเดียวกันผู้ชมก็ได้รับสิ่งที่เขาต้องการ"

รูปแบบของการทำธุรกิจเสิร์ชเอ็นจิ้นมาร์เก็ตติ้งนั้น คือการช่วยปรับเปลี่ยนแก้ไขเว็บไซต์ลูกค้าให้สามารถเข้าไปติดอันดับต้นๆ ในระบบเสิร์ช โดยอัตราค่าบริการขึ้นกับแต่ละโปรเจ็กต์

มีตั้งแต่เริ่มต้นประมาณ 1.5 หมื่นบาทใช้เวลาทำงาน 3-6 เดือน จนถึงหลักแสน โดยจะให้บริการตั้งแต่การวิเคราะห์คู่แข่ง แก้ไขปรับปรุง ติดตามผลงาน

แต่ทั้งนี้ราคาขึ้นกับคีย์เวิร์ดว่ามีการแข่งขันสูงหรือไม่ ขนาดและความพร้อมของเว็บไซต์ของลูกค้า ถ้าโปรเจ็กต์ง่าย เช่น ต้องการใช้คีย์เวิร์ดเพียงคำเดียว ราคาจะถูกและเสร็จเร็ว

ขณะที่การเติบโตของธุรกิจเสิร์ชเอ็นจิ้น มาร์เก็ตติ้ง นายอรรคพลกล่าวว่า "กูเกิลโต เราก็โต และปีหน้ากูเกิลมีแผนที่จะตั้งพาร์ตเนอร์ในไทยอย่างเป็นทางการ ดังนั้น เราก็มีโอกาสโตอีกเยอะ"

 
หมายเลขบันทึก: 150914เขียนเมื่อ 2 ธันวาคม 2007 16:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:48 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท