สุขจากการให้.. หาใดเหมือน.. เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา มีโอกาสเข้าร่วมฟังการแถลงข่าวจากผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ท่านคณบดีคณะแพทยศาสตร์ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร เปิดศูนย์ปลูกถ่ายอวัยวะภาคเหนือตอนล่าง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยชีวิต และยืดอายุขัยของคนไข้ให้ยืนยาวขึ้น ทนทุกข์ทรมานจากโรคภัยที่ตนเองประสบน้อยลง และเป็นความหวังของผู้ป่วยที่รอรับการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะในเขตภาคเหนือตอนล่าง.. เลยนึกไปถึงคำที่เคยมีคนบอกว่าธรรมชาติของคนเราอย่างหนึ่งก็คือ อยากได้รับมากกว่าการสูญเสีย ดังนั้น จึงมีคำกล่าวที่ว่า..."ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก" และที่สำคัญจิตใจของผู้ให้จะถูกยกให้สูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว ความสุขจากการให้ เกิดขึ้นทันทีที่คิดจะให้ และยิ่งปลื้มในใจ ชื่นใจมากขึ้นเมื่อได้ลงมือ เป็นความสุขที่ เป็นอิสระและกว้างขวาง กว่าความยินดีหรือพอใจจากการเป็นผู้รับ ขออนุญาตยกเอาคำสอนของท่านพุทธทาส... ที่ได้อ่านเมื่อใด..เตือนสติได้เสมอ...
ยศและลาภหาบไปมิได้แน่ เว้นเสียแต่ต้นทุนบุญกุศล
ทิ้งสมบัติทั้งหลายให้ปวงชน แม้แต่ร่างของตนเขายังเอาไปเผาไฟ
เจ้าเกิดมามีอะไรมาด้วยเจ้า ใยมัวเมาโลภมากทำบาปใหญ่
เจ้ามาเปล่าแล้วจะเอาอะไรไป เจ้าก็ไปตัวเปล่าเหมือนเจ้ามา
เจ้าเกิดมาก็มาแต่ตัวเปล่า ใครหอบเอาสมบัติมาก็หาไม่
ถึงคราวจากทอดทิ้งไว้มิเอาไป ติดตามได้แต่บาปบุญของตนเอง
เมื่อยังไม่ตายมุ่งหมายว่าของข้า เพราะตัณหาพาจิตคิดหลงใหล
แม้ตัวเราเขายังเอาไปเผาไฟ มีสิ่งใดเป็นของเราก็เปล่าเลย
แรกเกิดมามีแต่หัวและตัวเปล่า มิได้เอาเงินทองคล้องมาด้วย
เมื่อเป็นอยู่บากบั่นเข้าขั้นรวย ยามมอดม้วยก็ทิ้งไว้ไปแต่มือ...