อย่าให้ชาว blog ได้รู้จักคนนครศรีฯ
ด้านภาษาถิ่น วันนี้เลยนำสำนวนคนคอนมาฝาก เช่น
กดไม่ติด คือ ระงับความโกรธหรือความไม่พึงพอใจไว้ไม่ได้
ต้องพูดหรือแสดงอาการให้รับรู้ว่าโกรธหรือไม่พอใจ
เปรียบว่าได้พยายามที่จะบังคับจิตใจให้สงบนิ่งแล้ว
แต่บังคับไม่ได้ปล่อยให้หลุดออกมา
ขอแหลง คือ
การขอคืนดี
ตามปกติโดยทั่วไปคนที่โกรธเคืองกันนั้นจะไม่พูดคุยกัน
แต่เมื่อหายโกรธเคืองหรือคืนดีกนแล้วก็จะพูดจากันอีก
ดังนั้นการเอ่ยปากขอพูดด้วยจึงถือว่าเป็นการขอคืนดีนั่นเอง (แหลง คือ
พูด มาจาก แถลง)
ขายหาน คือ
แสดงความโง่ออกมาให้คนอื่นรู้เห็น
เปรียบการแสดงความโง่ออกมาให้คนอื่นรู้เห็นนั้นว่าเหมือนกับการนำห่านไปขายที่ตลาด
ไม่สามารถจะปกปิดหรือซุกซ่อนไม่ให้ใครรู้ไม่ได้
เพราะธรรมชาติของห่านจะส่งเสียงร้องเอะอะ
จนคนรู้ไปทั่วว่าห่านอยู่ตรงไหน สำนวนในภาคกลางว่า ปล่อยไก่ (หาน คือ
ห่าน)
เข้าเส้น คือ ประพฤติปฎิบัติบ่อยๆ
จนกลายเป็นความเคยชินหรือหลงใหลในเรื่องนั้นจนไม่อาจจะเลิกราได้
เปรียบว่าเหมือนกับเรื่องนั้นเข้าไปอยู่ในเส้นสายเลือดแล้ว
จึงเป็นเรื่องยากที่จะเอาออกมาได้ (เส้น หมายถึง
เส้นเลือด)
ค้นขอนหาแข็บ
คือ ดิ้นรนหาเรื่องเดือดร้อนมาใส่ตัวเอง
โดยเปรียบกับธรรมชาติของตะเข็บตะขาบ ว่า
มักจะซุกซ่อนตัวอยู่ใต้ขอนไม้ไม่ได้ออกมาทำอันตรายผู้ใด
แต่ถ้าใครไปเที่ยวรื้อขอนไม้นั้น โดยไม่ระมัดระวัง
ก็จะถูกตะเข็บตะขาบขบกัดทำให้ได้รับความเจ็บปวดได้
การไปรื้อขอนไม้จึงเหมือนกับไปค้นหาตะเข็บตะขาบให้มาขบกัดตัวเองนั่นเอง
(ค้น คือ รื้อค้น , แข็บ คือ ตะเข็บ
คำไหนคำนั้น คือ รักษาคำพูด
พูดเป็นจริงเป็นจัง
เปรียบว่าพูดคำไหนไว้อย่างไรก็ยึดถือปฏิบัติตามคำพูดนั้นไม่เปลี่ยนแปลง
(หนั้น คือ นั้น)
เดินหน้าพักเดียว คือ
ทำต่อไปไม่หยุดยั้งไม่นานก็จะเห็นผล
โดยบอกว่าเมื่อมุ่งมั่นก้าวเดินไปข้างหน้าสักพักหนึ่งก็จะเห็นผลสำเร็จได้
(พักเดียว คือ พักหนึ่ง ระยะเวลาหนึ่ง)
แด็กไม่รู้สา
คือ คนที่ไม่รู้จักการวางตน ไม่รู้จักยั้งคิด
ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร
เปรียบว่ามีนิสัยหรือความประพฤติเหมือนกับเด็กที่ไร้เดียงสาหรือไม่รู้ประสีประสานั่นเอง
(แด็ก คือ เด็ก รู้สา คือ รู้เดียงสา
รู้ประสีประสา)
ได้เรือถีบแพ
คือ ได้สิ่งที่ดีกว่าก็สลัดท้งของเดิมเสีย
เมื่อพบของใหม่ที่ดีกว่าก็ลืมคุณค่าของของเก่าที่เคยได้ใช้ประโยชน์หรือเคยมีบุญคุณแก่ตนเองเสีย
เปรียบว่าในยามที่ลำบากได้ใช้แพไม่ไผ่หรือแพหยวกกล้วยเป็นพาหนะข้ามแม่น้ำลำคลอง
ต่อมาเมื่อมีเรือซึ่งมั่นคงแข็งแรงกว่า
ก็สลัดทิ้งแพเสียอย่างไม่สนใจไยดี
ได้หนังใจ คือ ได้ตามใจปรารถนา
ได้ตามที่ต้องการ ถือว่าได้ดังใจนั่นเอง (หนังใจ คือ
ดังใจ)
ตอไส้ คือ
ขอแบ่งกิน
เมื่อเห็นคนอื่นกินอาหารอยู่แล้วไปขอแบ่งกินด้วย
จึงเปรียบว่าเหมือนกับเอาลำไส้ของตนไปต่อกับเข้าเพื่อจะได้รับอาหารด้วยนั่นเอง
(มักใช้ในกรณีที่อาหารมีน้อยำม่พอกิน , ตอ คือ ต่อ , ไส้ คือ
ลำไส้)
ตั้งตาย คือ
ตั้งใจทุ่มเททำสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยไม่คิดถึงความเหนื่อยยากลำบากหรืออันตรายที่จะได้รับ
เหมือนกับว่าได้ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าพร้อมที่จะยอมตายเพื่อทำสิ่งนั้นให้ได้ตามต้องการ
ตั้งหลัก คือ
ตั้งสติหรือตั้งตัวเพื่อคิดแก้ปัญหาหรือเผชิญหน้ากับเรื่องที่เกิดขึ้น
เปรียบว่าเหมือนกับการตอกหลักยึดให้มั่นคง
ซึ่งจะสามารถต่อสู้กับอุปสรรคปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างมั่นใจ
ตัวตายไม่คิด คือ
ตั้งใจทุ่มเททำสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยไม่คิดถึงความเหนื่อยยากลำบากหรืออันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง
เหมือนกับได้ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะทำสิ่งนั้นให้ได้ตามต้องการ
โดยไม่ได้คิดถึงว่าสิ่งนั้นจะทำให้ตัวเองต้องถึงตาย
ตามไม่เผาผี คือ
โกรธแค้นชิงชังมากจนไม่สามารถให้อภัยได้
โดยปกติวิสัยของคนโดยทั่วไปนั้น
ไม่ว่าจะโกรธแค้นกันอย่างไร แต่เมื่อคนหนึ่งล้มตายไป
ก็ถือว่าสิ้นสุดกัน คนที่เหลืออยู่ก็จะอภัยให้
โดยไปขอขมาอโหสิ
ต่อกันในวันเผาศพกันก็ถือว่าโกรธแค้นชิงชังมากที่สุดถึงขนาดไม่ยอมให้อภัยกันที่เดียว
ถ้ากันเหือกแห้ง คือ รอคอยนานมาก
โดยเปรียบว่าต้องคอยชะเง้อตั้งหน้าตั้งตารอคอย
โดยคอยจ้องจะยิ้มรับอยู่นายมากจนเหงือกโดยลมและแห้งไปในที่สุด (ถ้า
คือ รอคอย รอท่า , เหือก คือ เหงือก)
ไถนาแห้ง คือ
ลงโทษโดยวิธีใช้นิ้วดันตีนผมด้านหลังขึ้นข้างบน
คนถูกลงโทษจะเจ็บจนน้ำตาเล็ดที่เดียว เรียกอย่างนี้
เพราะว่าเหมือนกันการไถนาที่ดินแห้งนั่นเอง
ทรงภาษา คือ
การพูดจาชี้แจงทำความเข้าใจให้ชัดเจน
เหมือนกับการทำให้ภาษาที่สื่อกันไม่เข้าใจหรือไม่ตรงกันนั้น
ได้มีความหมายที่ตรงกัน ซึ่งก็จะทำให้เข้าใจกันได้ (ทรง คือ
ทำให้ตรง ตั้งขั้นให้ตรง)
ท้อเหมือนพลัดหนำ คือ ท้อถอย
ท้อใจในทันทีทันใด เนื่องจากผิดหวังอย่างรุนแรง
จึงเปรียบว่าเหมือนกับนั่งสบายใจอยู่บนขนำ
แต่เกิดตกลงจากขนำโดยไม่คาดคิดมาก่อน
ทำให้ตกใจและหมดกำลังใจไปในทันที ทันใด (ท้อ คือ ท้อถอย
ท้อใจ , พลัด คือ ตก , หนำ คือ ขนำ กระท่อม)
วันนี้(26 พฤศจิกายน 2550)ไว้แค่นี้ก่อนนะ
แล้วจะหามาให้เพื่อนร่วม blog อ่านอีกนะคะ
แหล่งอ้างอิง:สารนครศรีธรรมราช ปีที่ 30 ฉบับที่ 5 พฤษภาคม
2543