มีเพื่อนบางคนมาเรียนต่างประเทศแล้วไม่ค่อยทำการบ้าน
ไม่ทำงาน หรือทำงานอยู่กับบ้าน ไม่สนใจสารทุขสุขดิบของเพื่อนบ้านเอาแต่งานตัวเองเป็นหลัก บางคนก็บ้าเรียน เจอแต่โต๊ะทำงานกับอาจารย์ที่ปรึกษา
แต่เรากำลังคิดว่า หากมาเรียนระดับที่สูงกว่าปริญญาตรีแล้วนั้น
ผู้เรียนควรมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในชีวิตการเรียนได้มากอย่างหนึ่ง รองลงมาจาก อาจารย์ที่ปรึกษา และปัจจัยอื่นๆ
การเรียนในระดับที่สูงๆ นั้นไม่ใช่เป็นการทำวิจัยที่เฉพาะเจาะจงลึกลงไปเฉพาะด้านเท่านั้นแต่เป็นการเปิดโลกทัศน์ ให้สนใจในการวิจัยทุกด้าน ทั้งตัวทฤษฏี และการทดลอง รวมถึงการทำงานวิจัยเฉพาะพิเศษ
การประสบความสำเร็จในการเรียนนั้นมีปัจจัยหลายอย่างเจือจุนอยู่อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่จะไม่อ้างสถิติ เพราะตอนนี้กำลังสนใจงานวิจัยเชิงคุณภาพ หากจะถามว่าปัจจัยใดบ้างที่ทำให้ท่านเรียนจบการศึกษาระดับปริญญาเอก นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และแคมบริจด์ ตอบเหมือนกันคือ "เพื่อนร่วมงาน" เป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือ "อาจารย์ที่ปรึกษา" และ "ตัวงานวิจัยเอง"
หากจะถามถึงเหตุผลว่าเพราะเหตุใดท่านถึงตอบเช่นนั้น สาวสวยจากรั้วฮาร์วาร์ดตอบว่า การที่เราเปิดมุมมองของตัวเองออก โดยการอธิบายให้ชาวโลกหรือเพื่อนร่วมงานเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ เป็นการลดแรงกดดันเวลาถูกคนอื่นๆ ถาม และทำให้งานวิจัยแตกฉาน เหมือนกับการเล่นเกม Sudoku ผู้วิจัยสามารถทำไปต่อยอดได้ และทำให้งานวิจัยไม่สิ้นสุดเหมือนกับกิ่งก้านของต้นไม้ ก็ว่ากันไป
อีกท่านเป็นสาวสวยจากรั้วแคมบริจด์ ตอบว่า เพื่อนดี ก็จะได้ช่วยกันทำงานช่วยกันหาสิ่งที่ยังไม่มีคำตอบอย่างชัดเจนบนโลกใบนี้ บางครั้งแค่การมานั่งทานกาแฟกันที่ห้องพัก ก็อาจจะทำให้งานวิจัยของท่านขึ้นสู่อันดับต้นๆ ของโลกได้ หรืออาจจะทำให้ได้รับรางวัลได้เช่นกัน
ดังนั้นการให้ความสำคัญกับปัจจัยที่จะนำไปสู่การประสบความสำเร็จในชีวิตการเรียนนั้นสำคัญ แต่นั้นก็อยู่กับว่า การมีเพื่อนที่ดีนั้นมันเลือกไม่ได้ เหมือนเลือกเกิดไม่ได้ แต่ตัดสินใจได้ว่าจะคบหรือไม่คบ แล้วถ้าเกิดในแล็ปท่านไม่มีเพื่อนดีๆ ล่ะ อืม อันนี้ก็ขึ้นกับเวรกรรมแล้วกันนะคะ
แต่ว่าการถามสาวสวยทั้งสองท่านก็ยังไม่สมบูรณ์ เพราะเธอยังไม่จบPh.D" นะสิ ถ้าลองถามคนที่จบไปแล้วคำตอบอาจจะเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นอันดับหนึ่งก็เป็นได้ แต่อย่างไรก็ตามการเรียนอย่างมีความสุขโดยมีเพื่อนและอาจารย์สนับสนุน โอกาสเรียนจบก็มีสูงเป็นธรรมดา แล้วทำให้นึกถึงว่า เอแล้วถ้าเราเรียนจบแล้วจะทำอะไรต่อไป ที่จะเป็นประโยชน์ต่อแผ่นดินไทยบ้าง ทำดีเท่านั้น เพียงพอแล้วหรือ
เคยจำเพลงหนึ่ง ซึ่งแต่งทำนองมากจากกลอนของท่านพุทธทาสได้
"ศึกษาเล่าเรียนกันไปทำไม
ถ้าเพื่อจะให้ตัวเองนั้นเฟื่องฟู
นั่นแหละจงรู้... ตัวกู...ของกู...ครองใจ
คือสิ่งที่เป็นพิษภัย จะพลอยพาให้ชาติล่มจม...
ประเทศไทยส่งนักเรียนทุนเรียนต่างประเทศมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นจำนวนมาก ขณะนี้ท่านอยู่ที่ใด และกำลังทำอะไรเพื่อเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ คุ้มค่ากับการเป็นหนี้แผ่นดินรึยัง อยากให้ตอนนี้ทุกท่านที่เรียนจบ Ph.D. มาร่วมคิด ร่วมกันแก้ปัญหาให้กับประเทศจังเลย หรือถ้าจะมีเราสักคนก็ยินดีจะช่วยถึงยังไม่จบ หากทุกคนหันหน้าเข้าหากันคิดว่าคือเพื่อนร่วมงานที่ดี แล้วเอา ปัญหาประเทศเป็นที่ตั้ง คงไม่ช้าเกินไปที่จะแก้ไข อยากเห็นประเทศไทยดีที่สุด หากมองจากนอกประเทศค่ะ
เป็นกำลังใจให้จบ PhD นะค่ะ
เห็นด้วยค่ะ...ประเทศเราต้องการนักปราชญ์ที่นำความรู้สู่การปฏิบัติได้จริงๆ ค่ะ
ขอบคุณคับ