ทำไงให้เรียนจบปริญญาเอก


บางครั้งก็ถาม... ถาม... และก็ถามตัวเองว่า จะเรียนจบ Ph.D. ไม๊

มีเพื่อนบางคนมาเรียนต่างประเทศแล้วไม่ค่อยทำการบ้าน

ไม่ทำงาน หรือทำงานอยู่กับบ้าน ไม่สนใจสารทุขสุขดิบของเพื่อนบ้านเอาแต่งานตัวเองเป็นหลัก บางคนก็บ้าเรียน เจอแต่โต๊ะทำงานกับอาจารย์ที่ปรึกษา

แต่เรากำลังคิดว่า หากมาเรียนระดับที่สูงกว่าปริญญาตรีแล้วนั้น

ผู้เรียนควรมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในชีวิตการเรียนได้มากอย่างหนึ่ง รองลงมาจาก อาจารย์ที่ปรึกษา และปัจจัยอื่นๆ

การเรียนในระดับที่สูงๆ นั้นไม่ใช่เป็นการทำวิจัยที่เฉพาะเจาะจงลึกลงไปเฉพาะด้านเท่านั้นแต่เป็นการเปิดโลกทัศน์ ให้สนใจในการวิจัยทุกด้าน ทั้งตัวทฤษฏี และการทดลอง รวมถึงการทำงานวิจัยเฉพาะพิเศษ

การประสบความสำเร็จในการเรียนนั้นมีปัจจัยหลายอย่างเจือจุนอยู่อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่จะไม่อ้างสถิติ เพราะตอนนี้กำลังสนใจงานวิจัยเชิงคุณภาพ หากจะถามว่าปัจจัยใดบ้างที่ทำให้ท่านเรียนจบการศึกษาระดับปริญญาเอก นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และแคมบริจด์ ตอบเหมือนกันคือ "เพื่อนร่วมงาน" เป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือ "อาจารย์ที่ปรึกษา" และ "ตัวงานวิจัยเอง"

หากจะถามถึงเหตุผลว่าเพราะเหตุใดท่านถึงตอบเช่นนั้น สาวสวยจากรั้วฮาร์วาร์ดตอบว่า การที่เราเปิดมุมมองของตัวเองออก โดยการอธิบายให้ชาวโลกหรือเพื่อนร่วมงานเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ เป็นการลดแรงกดดันเวลาถูกคนอื่นๆ ถาม และทำให้งานวิจัยแตกฉาน เหมือนกับการเล่นเกม Sudoku ผู้วิจัยสามารถทำไปต่อยอดได้ และทำให้งานวิจัยไม่สิ้นสุดเหมือนกับกิ่งก้านของต้นไม้ ก็ว่ากันไป

อีกท่านเป็นสาวสวยจากรั้วแคมบริจด์ ตอบว่า เพื่อนดี ก็จะได้ช่วยกันทำงานช่วยกันหาสิ่งที่ยังไม่มีคำตอบอย่างชัดเจนบนโลกใบนี้ บางครั้งแค่การมานั่งทานกาแฟกันที่ห้องพัก ก็อาจจะทำให้งานวิจัยของท่านขึ้นสู่อันดับต้นๆ ของโลกได้ หรืออาจจะทำให้ได้รับรางวัลได้เช่นกัน

ดังนั้นการให้ความสำคัญกับปัจจัยที่จะนำไปสู่การประสบความสำเร็จในชีวิตการเรียนนั้นสำคัญ แต่นั้นก็อยู่กับว่า การมีเพื่อนที่ดีนั้นมันเลือกไม่ได้ เหมือนเลือกเกิดไม่ได้ แต่ตัดสินใจได้ว่าจะคบหรือไม่คบ แล้วถ้าเกิดในแล็ปท่านไม่มีเพื่อนดีๆ ล่ะ อืม อันนี้ก็ขึ้นกับเวรกรรมแล้วกันนะคะ

แต่ว่าการถามสาวสวยทั้งสองท่านก็ยังไม่สมบูรณ์ เพราะเธอยังไม่จบPh.D" นะสิ ถ้าลองถามคนที่จบไปแล้วคำตอบอาจจะเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นอันดับหนึ่งก็เป็นได้ แต่อย่างไรก็ตามการเรียนอย่างมีความสุขโดยมีเพื่อนและอาจารย์สนับสนุน โอกาสเรียนจบก็มีสูงเป็นธรรมดา แล้วทำให้นึกถึงว่า เอแล้วถ้าเราเรียนจบแล้วจะทำอะไรต่อไป ที่จะเป็นประโยชน์ต่อแผ่นดินไทยบ้าง ทำดีเท่านั้น เพียงพอแล้วหรือ

เคยจำเพลงหนึ่ง ซึ่งแต่งทำนองมากจากกลอนของท่านพุทธทาสได้

"ศึกษาเล่าเรียนกันไปทำไม
ถ้าเพื่อจะให้ตัวเองนั้นเฟื่องฟู
นั่นแหละจงรู้... ตัวกู...ของกู...ครองใจ
คือสิ่งที่เป็นพิษภัย จะพลอยพาให้ชาติล่มจม...

ประเทศไทยส่งนักเรียนทุนเรียนต่างประเทศมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นจำนวนมาก ขณะนี้ท่านอยู่ที่ใด และกำลังทำอะไรเพื่อเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ คุ้มค่ากับการเป็นหนี้แผ่นดินรึยัง อยากให้ตอนนี้ทุกท่านที่เรียนจบ Ph.D. มาร่วมคิด ร่วมกันแก้ปัญหาให้กับประเทศจังเลย หรือถ้าจะมีเราสักคนก็ยินดีจะช่วยถึงยังไม่จบ หากทุกคนหันหน้าเข้าหากันคิดว่าคือเพื่อนร่วมงานที่ดี แล้วเอา ปัญหาประเทศเป็นที่ตั้ง คงไม่ช้าเกินไปที่จะแก้ไข อยากเห็นประเทศไทยดีที่สุด หากมองจากนอกประเทศค่ะ

หมายเลขบันทึก: 148703เขียนเมื่อ 23 พฤศจิกายน 2007 18:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 11:44 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

เป็นกำลังใจให้จบ PhD นะค่ะ

เห็นด้วยค่ะ...ประเทศเราต้องการนักปราชญ์ที่นำความรู้สู่การปฏิบัติได้จริงๆ ค่ะ

ขอบคุณมากๆ ค่ะ ที่เป็นกำลังใจ กำลังใจสำคัญที่ซู๊ดในการเรียนค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท