ข้อคิดเพื่อการบริหาร
การบริหารคืออะไร ใครคือผู้บริหาร การบริหารนั้นสำคัญไฉน อะไรบ้าง....ที่ต้องบริหาร บริหารอย่างไร ให้สำเร็จ
การบริหารคือ การนำทั้งทรัพยากรบุคคล วัตถุดิบ เงินทุน เวลา และองค์ประกอบอื่น ๆ มาประสานเข้าด้วยกันให้ขับเคลื่อนสู่วัตถุประสงค์เดียวกัน
การบริหารคือ เทคนิคการใช้คน ทรัพยากร และเวลาที่มีอยู่ เพื่อทำให้เป้าหมายที่วางไว้ประสบความสำเร็จ
การบริหารเปรียบได้กับการทอผ้าซึ่งต้องสอดด้ายแต่ละเส้น แต่ละสีในตำแหน่งที่เหมาะสมและลงจังหวะจะโคนของหูกให้ถูกต้อง เพื่อให้ด้ายหลายร้อย หลายพัน หลายหมื่นหลายแสนเส้น รวมพลังสำแดงภาพแห่งความงามบนผ้าผืนเดียวกันตรงตามต้นแบบที่วางไว้
การบริหารเป็นเรื่องของคนทุกคนที่ต้องการไปถึงเป้าหมาย
คนที่ปรารถนาความสำเร็จคือคนที่ต้องรู้จักคำว่า "บริหาร"
การบริหารเป็นเรื่องของคนเท่านั้น ช้าง ม้า วัว ควาย และสัตว์ต่าง ๆ ไม่รู้จักการบริหารเพราะมันไม่มีเป้าหมายในการดำเนินชีวิต
ผู้บริหารคือ ผู้ประสานความชำนาญที่แตกต่างให้กลายเป็นหนึ่งเดียว
การจะทำให้เป้าหมายสำเร็จจะทำอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ต้องวางแผนอย่างรอบคอบดำเนินการทุกขั้นตอนอย่างระมัดระวังใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด นี่แหละ.......การบริหาร
การบริหารเปรียบเสมือนอุปกรณ์ที่เราใช้เพื่อทำงานให้สำเร็จยิ่งเราใช้อุปกรณ์ต่างเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพและมีเป้าหมายที่ชัดเจนมากเท่าไรโอกาสประสบความสำเร็จก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
เราจำเป็นต้องบริหารหากต้องการทำงานทีใหญ่เกินตัวให้สำเร็จ
การบริหารทำให้ความจำกัด เกิดผลที่ไม่จำกัด
การทำงานให้ได้ผลผลิตมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานกว่าเดิมหรือลงแรงหนักกว่าเดิม เพียงแต่ใช้ความฉลาดในการบริหารมากกว่าเดิมก็พอ
"ตนเอง" "เวลา" "งาน" "ทีมงาน"
ตนเอง
บุคคลแรกที่ผู้บริหาร ควรทำความรู้จัก คือ ตนเอง
คนที่บริหารตนเองได้ดี คือ คนที่มุ่งมั่นสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จ
ผู้บริหารที่ดีไม่ควรเย่อหยิ่งและภูมิใจในความสำเร็จของตนมากจนเกินไป ไม่ควรคิดว่าตนเองรู้ดีทุกอย่างจนไม่ยอมฟังผู้อื่นบ้าง
เวลา
เวลาไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวเลขหรือเข็มนาฬิกาที่เคลื่อนผ่านเลยไปเท่านั้นแต่หมายถึงชีวิตที่ผ่านไป การบริหารเวลาก็คือการบริหารชีวิตนั่นเอง
คนที่สามารถบริหารชีวิตได้เป็นอย่างดีก็จะสามารถทำงานต่าง ๆ ที่ต้องรับผิดชอบได้มากมาย
งาน
ควรจัดลำดับงานประเภทที่ต้องใช้สมาธิสูงไว้ในช่วงเวลาที่เรามีโอกาสอยู่เงียบ ๆ เพื่อมีเวลาในการคิดใคร่ครวญอย่างรอบคอบจริง ๆ
อย่าปล่อยให้งานเร่งด่วนที่ไม่สำคัญและไม่ได้อยู่ในแผนมาทำลายงานสำคัญที่เราวางแผนล่วงหน้าไว้แล้ว
เตือนตัวเองว่าจำทำงานที่มีอยู่บนโต๊ะทำงานให้หมดสิ้นเสมอในแต่ละวัน
งานทุกชิ้น แม้เร่งรีบทำเสร็จให้ทันเวลา แต่ก็ต้องไม่ลืมที่จะทำอย่างดีที่สุดด้วย
ทำให้ดีที่สุด สุดเวลาที่มีอยู่ ถ้าทำเสร็จก่อนเวลา ก็ทวนซ้ำตรวจสอบจนมั่นใจว่าได้ผลงานคุณภาพดีเลิศ
ทีมงาน
คนที่ทำงานคนเดียวย่อมไม่มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน แต่เขาจะได้ชิ้นงานน้อยตามไปด้วย สู้เรายอมทำงานร่วมกับผู้อื่นดีกว่า แม้ต้องฟันฝ่าปัญหาที่อาจมีต่อกันแต่ก็คุ้มค่าเพราะทำให้เราได้ผลงานทวีคูณ
แต่ละคนในทีมงานเหมือนจิ๊กซอว์หนึ่งตัว ที่ไม่มีใครอาจทดแทนกันได้ ต่างก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีตำแหน่งหน้าที่ที่เจาะจง มีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างกันและกัน
ความสัมพันธ์ที่ดีในทีมงาน เปรียบเหมือนน้ำมันที่คอยหล่อลื่นเครื่องยนต์ให้ทำงานไปโดยไม่ติดขัดทำให้งานเสร็จอย่างราบรื่น
ลองเปลี่ยนจากคำว่า "คุณต้องทำ" เป็น "คุณคือคนสำคัญที่เหมาะสมจะทำงานนี้" เราจะได้ผู้ร่วมงานที่ทำงานด้วยใจให้กับเรามากขึ้น
บริหารอย่างไร..............ให้สำเร็จ
"มีวิสัยทัศน์" "มีเป้าหมาย""มีแผน" "มีการกระจายงาน"
"มีการตรวจสอบ" "มีการพัฒนา" "มีการแก้ปัญหา"
การบริหารจะมีพลังต้องเริ่มต้นด้วยการกำหนดวิสัยทัศน์ที่พึงปรารถนา
วิสัยทัศน์ช่วยให้เราไม่ทำงานไปวัน ๆ เพื่อแลกกับรายได้แต่จะทำงานด้วยความรู้สึกเป็นเจ้าของที่ต้องรับผิดชอบดำเนินการจนกระทั่งวิสัยทัศน์นั้นเป็นจริง
วิสัยทัศน์นำไปสู่การกำหนดเป้าหมายและการวางแผนปฏิบัติการในแต่ละขั้นตอนที่ชัดเจน
เราต้องตั้งวิสัยทัศน์ให้สูงกว่าความสามารถเสมอและท้าทายใจทีมงานทุกคนให้เกิดความปรารถนาที่จะแตะเส้นชัยนั้น
เป้าหมาย
ทุกหน่วยงานและทุกคนในองค์กรต้องทำงานอย่างมีเป้าหมาย หากผู้บริหารละเลยในเรื่องนี้ ก็เท่ากับกำลังบริหารสู่ความล้มเหลว
เป้าหมายที่ชัดเจนช่วยให้เรารู้ว่า เรากำลังจะไปไหนและเราจะทำอย่างไรต่อไปเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น
วิสัยทัศน์นำไปสู่การตั้งเป้าหมาย ทุกครั้งที่จะทำอะไร เราต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนเสมอ ทั้งเป้าหมายระยะสั้นและเป้าหมายระยะยาว
ก่อนหัวถึงหมอน เราควรกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนให้เรียบร้อยก่อนว่า วันรุ่งขึ้นจะทำอะไรบ้างและวางแผนให้ทำได้สำเร็จ เพื่อที่ว่าเมื่อหลับตาลงเราจะเห็นความสำเร็จของวันพรุ่งนี้
มีแผน
เราบริหารปัจจุบัน ก็เพื่อเป้าหมายที่กำหนดไว้ในอนาคต แผนงานต่าง ๆ ที่กำหนด จึงไม่เพียงเพื่อความสำเร็จในวันนี้ ไตรมาสนี้ ไตรมาสหน้า หรือในปีนี้ แต่เป็นแผนการเพื่อความสำเร็จในอีก 5 ปี 10 ปี จนถึง 20 ปีข้างหน้า ตามวิสัยทัศน์ที่วางไว้
เราควรคิดวางแผนการทำงาน อย่างรอบคอบว่า เราจะใช้ใคร ใช้วิธีการอะไร จะดำเนินการเมื่อไร จะกำหนดตารางเวลาอย่างไร เพื่อให้การทำงานนั้นเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ภายในเวลาและทรัพยากรอันจำกัด
เมื่อทุกคนมีความชัดเจน ในภาพแห่งความสำเร็จ ก็จะเกิดความพยายามช่วยกันทำ จนกระทั่งสัมฤทธิผล
มีการกระจายงาน
หลักการบริหารที่ฉลาด คือ เราไม่ควรทำงานทุกอย่างด้วยตนเอง แต่ควรกระจายให้กับคนที่เหมาะสมที่สุด ตามกำลังคนที่มีอยู่
ผมจะพยายามไม่ทำอะไรที่คนอื่นทำได้ ถ้ามีคนอื่นสามารถทำในสิ่งที่ผมทำได้ ผมจะกระจายงานให้เขาทำทันที เพื่อที่ผมจะได้ทำสิ่งอื่น ที่คนอื่นทำไม่ได้
การมอบหมายงาน เป็นหน้าที่สำคัญอีกประการหนึ่งของผู้บริหาร เป็นเรื่องที่ต้องใช้เทคนิคและไม่สามารถทำอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าได้
มีการตรวจสอบ
งานหลายชิ้นที่ผิดพลาดหรือไม่มีคุณภาพเท่าที่ควร ไม่ได้เกิดจากเวลาน้อยเกินไปแต่เกิดจากการไม่ใส่ใจในการตรวจสอบคุณภาพเท่าที่ควร
เมื่อเห็นจุดดำเล็ก ๆ บนกระดาษที่ควรจะขาวสะอาด อย่าบอกว่า "ไม่เป็นไร" แต่ควรถามว่า "เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น"
มีการพัฒนา
ตัวเราและทุกคนที่เราบริหาร ควรเขียนรายงานว่า ในแต่ละวันเราได้คันพบสิ่งใหม่อะไรบ้าง จากการทำงานและจะสร้างสรรค์การทำงานให้ดีขึ้นอย่างไร
งานทุกชิ้นที่เราทำและรับผิดชอบเรียบร้อยแล้ว ควรทำคู่มือการทำงานบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อคนรุ่นหลังไม่ต้องให้เขาเสียเวลาเริ่มต้นจากศูนย์และลดการเสียเวลาในการลองผิดลองถูกไปได้อย่างมหาศาล
จงยึดปรัชญาการฝึกคนที่ว่า จะไม่ยอมปล่อยให้คนใดคนหนึ่งหยุดนิ่งอยู่กับที่โดยไม่พัฒนาตนเอง
มีการแก้ปัญหา
เมื่อพบเห็นความผิดพลาดเกิดขึ้น ผู้บริหารจะต้องเข้าไปค้นหาสาเหตุอย่างกระตือรือร้น เพื่อแก้ปัญหา มิใช่เพื่อจับผิด
ความผิดครั้งแรกเป็นครู ความผิดครั้งที่สองถือเป็นความโง่เขลา เพราะแสดงว่าเราไม่ยอมเรียนรู้
ถ้ามีปัญหาต้องรีบแก้ไขทันที ไม่ควรเก็บงำไว้ หรือบอกว่าเดี๋ยวก่อน เพราะความผิดพลาดหรือล่าช้าเพียงเล็กน้อยอาจนำไปสู้ปัญหาใหญ่ได้
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับคนหนึ่ง ควรนำไปเป็นบทเรียนในการเรียนรู้สำหรับคนอื่น ๆ
ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกครั้งอย่างน้อยก็มีประโยชน์ คือทำให้ผู้รับผิดชอบได้เรียนรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น เพื่อมีทางแก้ไขสำหรับครั้งต่อไป
เมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้น ควรพยายามค้นหาสาเหตุความผิดพลาด เพื่อแก้ไขที่ต้นตอรากเหง้าของปัญหา
ทุกครั้งที่มีความผิดต้องค้นหาผู้รับผิดชอบในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น มิใช่เพื่อจับเขามาลงโทษแต่เพื่อให้ผู้ที่ทำผิดตระหนักว่าเขาทำผิดเพราะเหตุใดและแก้ไขที่สาเหตุจริง
ความผิดทุกครั้งจะมีคุณค่า หากแก้ไขที่ต้นตอปัญหาเพื่อสิ่งนั้นจะไม่เกิดซ้ำสอง
การบริหารคนเป็นโจทย์ที่ไม่เคยล้าสมัยเลยนะครับ...
สำหรับผมแล้ว...
ยึดแนวทาง
ศรัทธาต่อตนเอง แต่ต้องไม่ลืมที่จะเชื่อมั่นต่อคนรอบข้าง
....
ขอบคุณสาระดี ๆ ..จากบันทึกนี้ครับ