หุบเขาผู้วายชนม์


หุบเขาผู้วายชนม์

อ้างอิง - ภาพ http://burabhawayu.multiply.com/photos

ในทุกอารยธรรมของมนุษย์

เรามีคำถามถึงความตาย

เราต่างใช้เวลามากมายค้นหาเรื่องราวของความตาย

ในทุกวัฒนธรรมจึงมีเรื่องเล่า มีคำตอบของความตาย และการเดินทางหลังความตายเป็นสิ่งสำคัญ มีคำอธิบายมากมาย มีเรื่องราวจนกลายเป็นตำนาน มีการศึกษาเทียบเคียง ค้นหา พยายามพิสูจน์ และพิสูจน์ เพื่อให้ได้มาซึ่งคำตอบสูงสุดของความตาย

ความตายจึงมีรูปร่างหน้าตาอันแตกต่าง

บางวัฒนธรรมยินดีกับความตาย

เพราะเชื่อว่าเป็นวิธีส่งผู้ตายไปสู่สถานที่ที่ดี

ส่วนใหญ่ของผู้คน ส่วนใหญ่ของวัฒนธรรมแห่งความตาย ล้วนเศร้าเสียใจกับการจากพราก รำลึกโหยหาความรู้สึกยามอยู่ร่วมกัน หรือกระทั่งยึดมั่นไม่อยากให้คืนวันพรากคนที่เขารัก ให้ต้องเดินทางจากไป

ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร

เราก็ไม่เคยเอาชนะความตายได้

ไม่มีอารยธรรมใดในโลกนี้ที่ตอบได้อย่างมั่นใจ หรือยืนยันกับเราด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ว่าสามารถเอาชนะความตายได้อย่างถาวร กระทั่งสามารถค้นพบหนทางแห่งอมตะของชีวิต ยืดชีวิตไม่ให้ต้องค้นพบจุดสิ้นสุด แม้จะพยายามหาอายุวัฒนะมามากมายเพียงใด เราก็ยังไม่เคยพบเห็นประจักษ์พยาน ของผู้คนซึ่งเคยอยู่ค้ำความตาย หรือความตายไม่อาจจำพรากเขาไปได้

ไม่มีเหตุผลยืนยันที่แน่นอน

แต่นักคิดนักประวัติศาสตร์หลายคน

กล่าวว่าความตาย และการค้นหาคำตอบความตาย

คือสิ่งที่ขับเคลื่อนสังคมมนุษย์ ทำให้มนุษย์เริ่มต้นการเรียนรู้ รู้ว่ามีกลไกของธรรมชาติ หรือกฎเกณฑ์อันยิ่งใหญ่ ที่กำหนดความหมายของการเกิด การดำรงอยู่ หรือการตาย กฎเกณฑ์เหล่านั้นคือสิ่งที่มนุษย์อยากรู้ อยากเข้าใจ จนกระทั่งอยากครอบครอง

จากวัฒนธรรมเกษตรเร่ร่อนชนเผ่า

สู่วัฒนธรรมเกษตรหมู่บ้าน

กระทั่งสู่วัฒนธรรมเกษตรมหาอาณาจักร

เราต่างสั่งสมเรื่องราวคำตอบ เพื่อต่อยอดดอกผลมาสู่วัฒนธรรมอุตสาหกรรม จนถึงวัฒนธรรมข้อมูลข่าวสาร เราก็ยังคงพูดคุยกันถึงเรื่องราวของความตาย ความตายจึงกลายเป็นเสื้อผ้าไม่ตกยุค เรื่องราวไม่ตกสมัย ใช้กี่ครั้งก็ยังเช่นเดิม มีเสียงร้องไห้คราบน้ำตา และความอาลัยเป็นเครื่องยืนยัน ถึงความไม่ล้าสมัยในตัวตนของความตาย

 

หลายครั้งเราสังเกตุ

ถึงความตายของสิ่งรอบข้าง

ถึงเรื่องราวแวดล้อมความตายของสัตว์ป่า

จนเกิดตำนานอันยิ่งใหญ่ ว่าสัตว์บางประการมีคำตอบแห่งความตาย ฝังอยู่ในการรับรู้ ยามช้างจะตาย จะเดินทางไปยังสุสานช้าง ยามสัตว์ลึกลับในโลกนี้จะตาย จะมีสถานที่อันเป็นตำนานรองรับความตาย จากสัตว์ยิ่งใหญ่เหล่านั้น เราจึงพยายามทำความเข้าใจ

หลายครั้งเราเปรียบเทียบ

ถึงสถานที่แห่งความตายของมนุษย์

ก่อเกิดเป็นวัฒนธรรมแห่งสรวงสวรรค์หรือนรกภูมิ

เรามีแผนที่แห่งจักรวาลไว้บอกตำแหน่งของดินแดนมากมาย ดินแดนสรวงสวรรค์ แดนเทวดาชั้นฟ้า แดนแห่งพระเจ้า ดินแดนแห่งโลกมนุษย์ แดนแห่งจิตวิญญาณ แดนของสัตว์มากมาย และแดนแห่งความตายของภูติผี

ในวัฒนธรรมโลก

มีแผนที่ของสวรรค์และนรก

ในแต่ละศาสนาศรัทธาความเชื่ออยู่มากมาย

ต่างร่างแผนที่เหล่านี้ไว้ เพื่อคอยชี้แนะเส้นทาง ตักเตือน บอกกล่าว หรือใช้ไว้ย้ำต่อผู้ศรัทธา ว่าโลกที่เราดำรงอยู่นี้ไม่ได้จีรังยั่งยืน ไม่ได้ถาวรพอที่เราจะผูกพันยึดมั่น เราเพียงแต่มาเพื่อก้าวผ่านไป เรายังมีดินแดนในอนาคต ซึ่งวันหนึ่งเราจะต้องก้าวผ่านไป วันนี้เราจึงมีหน้าที่ดำรงอยู่ในโลกปัจจุบันด้วยการเตรียม เพื่อไปสู่ความตาย

แต่โลกปัจจุบันในหลายเหตุผล

กลับบอกว่า โลกแห่งความตายห่างไกลเกินไป

ไม่สามารถเข้าถึง หรือตระหนักได้ในเวลาปัจจุบัน ดังนั้นหนทางอันดีที่สุดซึ่งโลกปัจจุบันสามารถพิสูจน์ได้ คือความสุขในวันนี้ ความสุขที่เสพทันที แทบไม่ต้องรีรอ หรือรอคอยให้น้อยที่สุด ส่วนเรื่องราวและเรื่องเล่าหลังความตายนั้น เป็นอีกสถานะหนึ่ง เมื่อถึงเวลาค่อยคิด

แต่ผู้คนในโลกยังหลากหลาย

หลายคนยังคงคิด ยังเตือนตน ยังมีสติ

ทุกวันผู้คนหลายล้านคน ตื่นขึ้นมาด้วยสติแห่งความตาย

เท่ากับผู้คนหลายล้านคน ที่ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความหวาดกล้ว ต่อความตายรอบชีวิตของเขา มีคนอีกหลายล้านคน ไม่ตระหนักถึงความตาย เพราะทุกเช้าที่เขาเหล่านั้นตื่นขึ้นมา ต่างมีความหวังและโอกาสของปัจจุบัน รอคอยพวกเขาอยู่ เขาจึงไม่ต้องคิดถึงความตาย

ความตายเป็นสิ่งประหลาด

เป็นทั้งสสาร ไอระเหย และของเหลว

สัมผัสเราได้ในแต่ละความรู้สึก ตามแต่ความเข้าใจ

บ้างบอกว่า ความตายมีน้ำหนักในร่างมนุษย์ เมื่อเราหมดสิ้นพันธะในร่าง เราจะรู้ได้เมื่อน้ำหนักของชีวิตหดหายไป เท่ากับว่า นั่นคือน้ำหนักของความตาย มีบ้างรับรู้ถึงลมหายใจเย็นสุดท้าย ก่อนความตายมาเยือนชีวิต บ้างบอกถึงธาตุลม ธาตุไฟ ธาตุน้ำ และธาตุดินซึ่งรวมในตัวคน

ที่วันหนึ่งจะสลายจากไป

ยามเราหมดพันธะแห่งร่าง หมดพันธะแห่งชีวิต

ไม่มีใครเข้าใจได้ดีถึงความตาย เพราะคนที่รับรู้ดี ไม่อาจกลับมานั่งบรรยายถึงความตายอย่างละเอียดในทุกซอกมุม อย่างมากก็มาเพื่อชี้แจงเพียงบางประเด็น บางเรื่องราวและบางสถานการณ์ของความตาย

ในหลายปีผ่านมา

เมื่อคนที่ผมรักต่างเดินทางไกล

ไปสู่ความตายกันคนแล้วคนเล่า ผมมีคำถามในใจ ว่าเราจะต้องปฏิบัติตนเช่นไร ในท่ามกลางความตาย ผมพยายามอ่าน พยายามคุย พยายามศึกษา หลายครั้งผมอยากรับรู้ว่าความตายมีเรื่องราวเช่นกัน ในท่ามกลางความไม่พร้อมของการเดินทางไกลครั้งสุดท้าย ไม่มีใครตอบแทนกันได้ ว่าใครจะพร้อมหรือไม่พร้อมที่จะต้องตาย  ไม่มีใครประกาศตัวว่าเป็นผู้ตัดสินใจแต่ละความตาย

เช่นเดียวกัน

กับที่ผมมีคำถาม ว่าความตายเป็นเช่นไร

 

หมายเลขบันทึก: 148062เขียนเมื่อ 21 พฤศจิกายน 2007 06:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:36 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • ได้ข้อคิดเตือนตนได้เป็นอย่างดีนะคะ
  • ชอบภาพขาวดำค่ะ
  • มีมนต์เสน่ห์ลึกลับอยู่ในที
  • สวัสดีครับ คุณนารี P
  • ขอบคุณอย่างมากครับ สำหรับคำกล่าว
  • ภาพขาวดำ ภาพนี้
  • ช่างภาพชื่อ สมิทธิ ธนานิธิโชติ
  • ถ่ายภาพนี้ ด้วยความประทับใจในยามเช้า
  • ของลำน้ำปาย เมืองปาย ลำน้ำ และขุนเขา
  • จะนำคำชม ไปบอกกล่าวช่างภาพให้ชื่นใจนะครับ
  • ขอบคุณมากครับ สำหรับการเยี่ยมเยือน
  • ขอบคุณครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท