โดยปกติครูตุ๊กจะเป็นคนที่กลับบ้านช้ากว่าจะออกจากโรงเรียนก็ประมาณ 5โมงครึ่ง ถึง 6 โมงเย็น (กลับเร็วไม่ได้แดดแรง..มันแสบตา..อิ..อิ) จะนั่งตรวจงานเด็ก ทำนู่น ทำนี่ไปเรื่อยตามประสาคนขยัน(แน่ใจน่ะ...........) หรือไม่ก็นั่งเม้าท์(อันนี้ถนัดสุด..อิ..อิ)
วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่หลังเลิกเรียน ครูตุ๊กก็นั่งตรวจงานนักเรียนที่ห้องเรียนตามปกติ ซึ่งโต๊ะของครูตุ๊กจะอยู่ริมหน้าต่างแต่หันหลังให้ และเป็นด้านที่ติดกับถนนเล็กๆเดินเข้าหมู่บ้านพอดี แต่ครูตุ๊กอยู่ที่ชั้น2 (บรรยายซะเห็นภาพเลยเรา)
ขณะนั่งตรวจงานอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงเด็กคล้ายบรรดาลูกชายครูตุ๊กเดินคุยกันจึงหันไปดู และก็เป็นดังคาดคือลูกชายครูตุ๊กจริงประกอบด้วย ด.ช.อั้ม(นามสมมติและไม่ใช่อั้มพัชราภา) ด.ช.เร และด.ช.ดิว(นามสมมติ...จะสมสมติทำไมเนี่ยก็เป็นชื่อเล่นของเขาอยู่แล้ว) รู้สึกแปลกใจเพราะบ้านของอั้มไม่ได้อยู่ทางนี้(แล้วมาทำไม) จึงตะโกนถามไปว่า
ครูตุ๊ก : อั้มจะไปไหนบ้านไม่ได้อยู่ทางนี้นี่
อั้ม : ไปบ้านเรครับ (แล้วทำท่าจะเดินหนี)
ครูตุ๊ก : กลับมานี่ก่อน จะไปทำไมบ้านเร
อั้ม : พี่ผมให้ไปรอที่นั่นครับ (พี่คือคนที่มารับเป็นประจำ)
ครูตุ๊ก : แล้วพี่รู้จักบ้านเรหรือ
อั้ม : รู้จักครับ
ครูตุ๊ก : งั้นไปได้
ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร คิดแค่ว่าสงสัยพี่ที่จะมารับคงเป็นคนที่เป็นครูและคงจะมาเย็นเพราะโรงเรียนอยู่ไกลกันเลยให้ไปรอบ้านเรก่อนเป็นปกติ จึงนั่งตรวจงานไปเรื่อยๆ สักพักได้ยินเสียงครูเวรประกาศชื่ออั้มว่าผู้ปกครองมารอรับ ครูตุ๊กในฐานะครูประจำชั้นก็คิดในใจ(งานเข้าแล้วกู....) จึงรีบวิ่งไปหาผู้ปกครองแล้วเล่าเหตุการณ์ให้ฟังในขณะที่เพื่อนครูก็ถามกันใหญ่ว่าเด็กหายไปไหน แต่ผู้ปกครองบอกว่าปกติจะสั่งให้รอหน้าโรงเรียนเป็นประจำ และบ้านเรก็ไม่รู้จักด้วย(เท่านั้นแหละวิญญาณแม่มดเข้าสิงทันที...)
ครูตุ๊กจึงนั่งซ้อนรถมอเตอร์ไซด์ผู้ปกครองแล้วไปตามที่บ้านเร (แล้วจะเจอไหมเนี่ยเพราะครูตุ๊กไม่รู้ว่าบ้านเรอยู่ที่ไหน..แล้วจะมีสุนัขหมาไล่กวดไหมเนี่ย..เสียว) ระหว่างทางที่ไปครุตุ๊กและผู้ปกครองเลยได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนพฤติกรรมเวลาอยู่บ้าน และอยู่ที่โรงเรียนของอั้ม(โอ้โฮ...ไม่ใช่เล่นเหมือนกัน)
เข้าไปได้สักพักก็พบยืนกันหน้าสลอนแถมเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวเล่น(ลูกแก้ว)พร้อมเลย เมื่อเจอหน้าครูตุ๊กถามว่า
ครูตุ๊ก : ไหนบอกครูว่าพี่ให้มารอที่นี่
อั้ม : เรชวนมาครับ (โยนความผิดให้เพื่อนเฉย....)
ครูตุ๊ก : แต่เมื่อกี้ไม่ได้บอกครูแบบนี้นี่ แสดงว่าหนีมาเล่น ถ้าครูไม่เห็นคงไม่รู้จะไปตามหาที่ไหน
อั้ม : -
ผู้ปกครอง : ไปกลับบ้าน เดี๋ยวเจอกัน
ครูตุ๊ก : (คิดในใจ...เผื่อด้วยนะ)
สรุปว่าก่อนที่ครูเวรจะประกาศเรียก ผอ. ครูเวร ครูที่อยู่แถวนั้น และผู้ปกครองตามหากันให้จ้าละหวั่นไปก่อนแล้ว และตัวเลือกสุดท้ายคือคิดว่าอยู่บนห้องถึงประกาศเรียก
เฮ่อ! กว่าจะเสร็จเล่นเอาเหนื่อย พรุ่งนี้เช้าในชั่วโมงโฮมรูมคงมีเรื่องอบรมกันยาว และคงต้องยกเหตุการณ์นี้เป็นกรณีตัวอย่างกับเด็กในห้องด้วย เพราะถ้าครูตุ๊กไม่บังเอิญเห็นคงเดือดร้อนวุ่นวายตามหากันน่าดู และไม่รู้จะไปหาที่ไหนด้วย ดีไม่ดีอาจคิดว่าโดนรถตู้จับเด็กจับไปเป็นเรื่องใหญ่ไปโน่นเลย(นี่แค่ ป.2 ยังรู้จักหนีเที่ยว ถ้าโตกว่านี้จะขนาดไหน)
มันน่า...............ซะจริงๆ
พรุ่งนี้สงสัยระเบิดลงห้องครูตุ๊กแน่เลย
สวัสดีค่ะ..ครูตุ๊ก..
อ่านแล้วก็ทั้งยิ้มไป..ทั้งเร้าใจ..ทั้งระทึก..โอ..ทุกอารมณ์เลย..อย่างนี้ล่ะค่ะ..ชีวิตครูอย่างเรา..เป็นทั้งนักสืบ..ทั้งมือเพชฆาต..ทั้งนางฟ้า..ทั้งแม่มด..555
แต่โดยรวมแล้ว..ก็ทำให้ชีวิตมีรสชาติดีนะคะ..
เป็นกำลงใจให้คุณครู..ทุกคนเลยค่ะ..55
สวัสดีค่ะครูตุ๊ก
มายิ้มๆกับความเอาใจใส่นักเรียน(จอมซน ) ของคุณครูคนเก่งค่ะ
น่ารักนักกับความรักที่มีต่อนักเรียน..เบิร์ดชอบนะคะ " ลูกชายครูตุ๊ก " ..จำได้แม้กระทั่งเสียง เป็นความผูกพันที่ลึกซึ้งและเห็นถึงความรักในอาชีพครูที่เป็นแม่พิมพ์ของชาติได้ดีเยี่ยมเลยล่ะค่ะ
การยกตัวอย่างเป็นเรื่องดีนะคะ และอธิบายด้วยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะความห่วงใย เค้ายังเป็นที่รักของทุกคนอยู่เสมอเพียงแต่พฤติกรรมนี้เท่านั้นที่ควรต้องแก้ไข การพูดไม่จริง..การยอมรับความจริงเป็นความกล้าหาญอย่างหนึ่งที่เราดีใจว่าอย่างน้อยเค้าก้ยังไม่ปฏิเสธจนไม่ยอมรับอะไรเลย ..พยายามเอาพฤติกรรมให้ลงบวกน่ะค่ะ เก๊าะหนุ่มน้อยคนนี้เค้าก็ยังไม่เถียงหัวชนฝานี่คะ ยังมีเงียบยอมรับอยู่.. ( เพราะเบิร์ดไม่รู้ว่าจอมซนและเพื่อนจะโดนอะไรบ้างและเค้าจะตีความอย่างไรน่ะค่ะ )
เอาใจช่วยให้คุณครูคนเก่งปราบจอมซนได้อยู่หมัดนะคะ ^ ^
สวัสดีครับ
สวัสดีค่ะคุณวัชราภรณ์ วัตรสุข
สวัสดีค่ะคุณรักษ์
สวัสดีค่ะคุณธวัชชัย
สวัสดีค่ะคุณ พ (เดาแล้วน่าจะเป็น อ.พรรณาที่รักของหนู แน่ๆเลย)
สวัสดีค่ะพี่
สวัสดีค่ะ อ.ขจิต
สวัสดีครับ
มาดูภาพใหม่ อิๆ สดใสเหมือนเดิม
สวัสดีค่ะ คุณธวัชชัย
สวัสดีค่ะคุณครู
สวัสดีค่ะครูตู๊ก คิดถึงครูตุ๊กจังเลย ถ้าว่างๆจะแวะไปป่วนซักกะหน่อย แต่คงอีกนานเลยเพราะภารกิจอันหนักอึ้งมันคือการบ้าน คิดถึงครูตุ๊กและคุณครูทุกท่านเลย
แต่สงสัยน้องอั้มร่มไม่กางนะค่ะเนี้ย อิอิ
สวัสดีจ่ะยายกัปตัน(ทำไมสวัสดียายไม่สวัสดีกัปตัน อิ..อิ..)
สวัสดีจ่ะยายการ์ตูนคนสวย
ได้ข่าวว่าครูตุ๊กอ้างอิงชื่อหนู 55+
เว็บอันเก่าย้ายไปที่ www.siberiangang.tk ยาวหน่อย อิอิ เขาไปเยี่ยมด้วยนะค่ะ
ผมอยากรู้ว่าหลังจากเหตุการณ์นั้นเกิดอะไรขึ้น ต่อไป
เด็กโดนตี ...
โดนอบรม...
หรือ พูดคุยกันอย่างเป็นเพื่อนกับเค้า มีกติการ่วม และเติบโต
ผมอยากรู้ต่ออีกครับว่า เอ แล้วแบบนี้เพราะอะไรเด็กคนนั้นถึงโกหก +
อยากเล่นจนกล้าโกหก หรือ เพราะไม่มีโอกาสได้เล่นกับเพื่อน และอยากใช้เวลาสักเล็กน้อยเพื่อเล่น ?
ครูตุ๊กเคยแอบหนีเที่ยวมั้ยครับ ...
เคยโกหกคุณครูมั้ยครับ...
ไม่ได้จะกวนโอ๊ยนะ
แต่อยากรู้จริงๆ ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น จัดการกับเหตุการณ์นั้นอย่างไร และที่สำคัญ
ถ้าครูตุ๊กเป็นเร จะทำอย่างไร ถ้าอยากไปเล่นกับเพื่อน แล้วต้องโกหก...
และถ้าครูตุ๊กเป็นผู้ปกครอง ...
ผมรู้ว่าครูตุ๊กเป็นห่วง ...
แค่ผมอ่าน ผมว่าความรู้สึกก็คงไม่ต่างกัน ลองแลกเปลี่ยนกันนะครับผม
อาจารย์ขา..
มุมมองของอาจารย์เป็นมุมที่ครูตุ๊กแกมองข้ามไปจริงๆค่ะ(รู้สึกผิด...อีกแล้ว)
ยอมรับค่ะว่า ตี ไปหนึ่งปัป...
แต่ก่อนตีเราคุยกันก่อนนะคะ
ว่าทำไม จะเกิดอะไรขึ้นถ้าครูไม่เห็นเสียก่อน จะมีใครต้องเดือดร้อนกับเรื่องนี้บ้าง และอีกหลายเรื่องค่ะ และก่อนตีจะบอกนะคะว่าตีให้จำไม่ได้ตีให้เจ็บ(หลังจากตีไป..เขาบอกว่าไม่เจ็บ..รู้งี้ตีแรงๆก็ดี)
หลังจากเหตุการณ์นั้น เด็กคนนี้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เปลี่ยนไปในทางที่ดีด้วยนะคะ
ตอนนี้กลายมาเป็นมือขวาครูตุ๊กไปแล้วค่ะ วันไหนเขาไม่มารู้สึกขาดอะไรไป ห้องเรียนเงียบไปแถบหนึ่งเลยล่ะค่ะ
จริงๆอยากแลกเปลี่ยนกันมากกว่านี้ แต่วันนี้เน็ตช้ามากกว่าจะพิมพ์ได้แต่ละตัวนานมากค่ะ
ขอบคุณนะคะสำหรับมุมมองที่ครูตุ๊กแกมองข้ามไปจริงๆค่ะ
เยี่ยมไปเร๊ย
ผมเคยแอบต้องเรียกว่าแอบ เพราะงานประจำำคือประชุมกับเหล่าคนทำงาน
มีช่วงหนึ่งที่แอบเอาเวลาหลังเวลาประจำไปสอนเด็กๆ ในชุมชนอารมณ์คล้ายกับครูเร่ร่อน ไม่มีหลักสูตรการเรียนการสอนอะไรทั้งนั้นไอ้ที่มีติดตัวคือความรู้เรื่องสิทธิเด็ก แล้วก็การจัดกระบวนการเรียนขำๆ
ก็ไปทำแบบครูตุ๊กแหละครับ สอนเด็กหลังเลิกเรียน แต่ไม่ได้สอนในโรงเรียน ไปสอนกันในลานจอดรถของวัด (ในชุมชนเกือบแออัดแห่งหนึ่งในกทม.) แรกๆกว่าจะสร้างความไว้วางใจให้เด็กมาเล่นกับเรานี่ปาไปสี่เดือน
จนหลังๆ วัดและชุมชนเริ่มเห็นประโยชน์ ก็เลยให้ห้องเล็กมาจัดกระบวนการ ทำแบบนั้นอยู่สองปี จริงๆ เรื่องเล่าเยอะมากๆ
เดี๋ยวคงได้แลกเปลี่ยนกันแต่นิยมชมชอบมากนี่ก็คือห้องเรียนหลังเลิกเรียน ที่เอาไว้พูดคุยแลกเปลี่ยนและทำกิจกรรม พ่อแม่เด็กๆปากกัดตีนถีบ หาเช้ากินค่ำ ผมทำงานลำบากมาก แต่ก็รอดนะ เพราะเราไปคุยกับพ่อแม่เลย รายคน รายบ้าน
ถ้าครูว่างๆ ก็แสะไปทานข้าวกับคุณพ่อคุณแม่ ไปรู้จักกันไว้บ้างก็คงจะดี แล้วครูจะเป็นที่รักของทั้งเด็กและพ่อแม่ เวลามีอะไรล่ะ ฮึ่ม คราวนี้ครูตุ๊กแกมีงานเข้าเพียบแน่ๆ เลย
ที่สำคัญครูตุ๊กแกอาจจะได้ลองกระบวนการเรียนรู้ที่ทำกับครอบครัวดูก็เป็นได้
ผมรับรองว่าสนุกไม่ต่างจากการสอนเด็กๆเลยล่ะครับ
และที่สำคัญเดี๋ยวทาง สพฐ + สพท เองก็กำลังพัฒนาหลักสูตรให้มีวิชากิจกรรมอีก
กี่คาบเรียน กี่ชั่วโมงผมยังไม่ทราบดี ถ้าทราบจะรีบมาเรียนให้ครูต๊กแกทราบเป็นคนแรกๆแน่นอน
แต่ที่เล่ามาทั้งหมด ผมอยากจะบอกว่า
ผมก็เคย "แขกมะกอก" และ "ตี" เด็กเหมือนกัน
เฮ้อ คิดแล้วก็ฝังใจ ก่อนตีก็คุยแหละครับ
แต่พอตีเสร็จแล้วมาทราบความจริง(ตอนหลัง) ว่าน้องเค้ามีปัญหาทางบ้าน (เด็ก9ขวบเอง) ก็เลยจัดการกับครอบครัวแทนซะเลย
แหะๆ
สวัสดีค่ะคุณตาเหลิม คริ..คริ
ครูตุ๊กแกประทับใจการทำงานของอาจารย์จังเลยค่ะ อาจารย์ยอดเยี่ยมมาก(ฮือ..ฮือ ครูตุ๊กแกไม่ได้ครึ่งเลย)
เมื่อตอนสอบครูได้ใหม่ๆได้ไปอยู่โรงเรียนทาง จ.กาญจนบุรี โรงเรียนค่อนข้างห่างไกลความเจริญ อยู่ในป่า บนเขา น้ำไฟไม่มี(แต่บรรยากาศดี ชอบมากค่ะ) มากมีไปด้วยน้ำใจ ตอนเย็นๆจะชอบลงไปคุยกับผู้ปกครองในหมู่บ้าน ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้การใช้ชีวิตของแต่ละครอบครัว อะไรที่ช่วยเหลือได้ก็ช่วยกันไป เพราะแต่ละครอบครัวมีความเป็นอยู่ค่อนข้างขาดแคลน แต่มีความสุขค่ะเพราะว่าได้ใช้ความรู้ความสามารถเต็มที่ และที่สำคัญได้ใช้วิชาแห่งการดำรงชีวิตได้คุ้มค่าที่สุด ก่อนจะย้ายมาไม่กล้าบอกชาวบ้านค่ะกลัวบ่อน้ำตาแตก
ตอนนี้มาอยู่โรงเรียนที่ความเจริญทางด้านวัตถุเข้าถึง แต่ไม่ค่อยได้ไปพูดคุยกับผู้ปกครองที่บ้าน ด้วยเหตุผลที่ว่าผู้ปกครองยังมีฐานะค่อนข้างยากจนส่วนใหญ่มีอาชีพรับจ้างกว่าจะกลับเข้าบ้านก็ค่ำจะไปหาก็ไม่ค่อยพบหรอกค่ะ ทั้งๆที่ครูตุ๊กออกจากโรงเรียนก็เกือบ 6 โมงเย็นทุกวัน
แต่จะคอยติดตามข่าวสารของลูกศิษย์แต่ละคนด้วยการสอบถามจากผู้ปกครองบางคนที่มาส่งลูก หรือทางโทรศัพท์ถ้าบ้านใดมีและอีกหลายวิธีตามแต่สถานการณ์
อาจารย์คะครูตุ๊กแกเคยตีเด็กนักเรียนที่ไม่ทำการบ้านมาส่งและขาดเรียนประจำคนหนึ่งด้วยความใจร้อนของตัวเอง พอมาทราบเหตุผลทีหลังแทบร้องไห้เลยค่ะ (เขียนไว้ในบันทึก ถ้าย้อนเวลากลับไปได้..ครูจะไม่ทำโทษหนู)
ขอบพระคุณค่ะที่เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ มีความสุขกับการทำงานนะคะ