ผมกำลังตามดูกลไกที่ใช้ในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สังคมและการจัดสวัสดิการสังคม/ชุมชนท้องถิ่น
ผมเข้าใจว่า เฟืองที่ทำให้นาฬิกาเดิน คือภาพความเข้าใจของคำว่า “กลไก” ที่ง่ายที่สุด
ผมตามดูเฟืองที่มีภารกิจระบุไว้โดยตรงคือ
1)คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติซึ่งดูภาพใหญ่ของประเทศ เขียนภาพสังคมไว้ในแผน10คือ สังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันตามแนวทางของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
เลขาคือ สำนักงานสศช. หรือสภาพัฒน์ฯที่เราคุ้นเคย2)คณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สังคมระดับชาติ มีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นเลขา และแตกลูกเป็นคณะทำงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สังคมในแต่ละจังหวัด มีสำนักงานพมจ.ในแต่ละจังหวัดเป็นกองเลขา
3)เรื่องสวัสดิการสังคม ชุมชนท้องถิ่น มีหลายหน่วยงาน
เอาเร็วๆเท่าที่มีประสบการณ์ในตอนนี้ คือ
เฟืองเหล่านี้ไม่ค่อยได้ทำงาน ด้วยหลายเหตุผล
ที่สำคัญคือ งบประมาณ และระบบ รวมทั้งคนทำงานของกองเลขาซึ่งเป็นคนชงเรื่อง
มันเป็นธรรมชาติของสังคมไทยหรืออย่างไรไม่ทราบ เพราะผมไม่เคยได้เรียนรู้จากสังคมอื่น
เรื่องเหล่านี้ ทำให้เวลาประชุมร่วมกับกลุ่มชาวบ้าน ทำให้ผมนึกถึงเฟืองในระบบที่มีภารกิจและน้ำมันหล่อลื่นค่อนข้างดี แต่ไม่ได้ทำอะไรมาก หรือทำในเรื่องที่ไม่เป็นโล้เป็นพาย ก็นึกชมกลุ่มชาวบ้าน
เรื่องใกล้ตัวในที่ทำงานที่ศูนย์บริการวิชาการที่ต้องเป็นกองเลขาให้กับ คณะกรรมการศูนย์ฯเพื่อให้ความเห็น สนับสนุนการทำงาน เพราะมีส่วนงานที่ต้องเกี่ยวข้องกัน ก็ยังทำได้ไม่ดีนัก
เรื่องใกล้ตัวที่มหาวิทยาลัยต้องเป็นกองเลขาให้สภาฯ ในคณะย่อยคือ กรรมการยุทธศาสตร์ก็มีเรื่องเล่าที่ตอกย้ำความเข้าใจในการทำงานที่เป็นองค์คณะในรูปคณะกรรมการ และสำนักงานที่เป็นกองเลขาว่า เรามีความอ่อนแอทั้งระบบ
เฟืองคณะกรรมการ คณะทำงานที่มีประสิทธิภาพที่ตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยจัดการ โดยหน่วยจัดการเป็นกองเลขา ต้องมาจากศักยภาพของหน่วยจัดการเองด้วย
ถ้าหน่วยจัดการไม่มีน้ำยา คณะกรรมการก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก เป็นได้เพียงตราตั้งให้เป็นหน้าตาของหน่วยจัดการเท่านั้นสวัสดีค่ะอาจารย์ภีม
ไม่ได้เจอกันนานมาก กลายเป็นคุณลุงภีมไปซะแล้วหล่ะมั้งคะ
ไม่ว่าจะที่ไหนก็เหมือนกันค่ะ เฟืองที่เป็นกลไกของรัฐมีน้ำมันหล่อลื่นมากเกินไปกระมังค่ะเลยทำให้หกหล่นเลอะเทอะอยู่ข้างๆหลายเป็นน้ำมันที่ใช้งานไม่ได้ไป
แต่น้ำมันหล่อลื่นของกลุ่มชาวบ้านเป็นแบบมีน้อยแต่ก็ต้องพอเพียงค่ะ เป็นน้ำมันเสียๆไม่ได้ หากเป็นขยะเราก็จะนำกลับมาใช้ซ้ำค่ะ
ไม่ว่าจะสมุทรปราการหรือเชียงใหม่ก็ไม่มีความแตกต่าง ชุมชนที่เข้มแข็งก็จะดูแลตัวเองได้อย่างไม่ลำบาก แต่ชุมชนไหนที่คนในชุมชนอ่อนแอ ผู้นำชุมชนอ่อนแอก็จะอยู่แบบพึ่งพาหน่วยงานรัฐตลอด
ตอนนี้ทำงานชุมชนค่ะแต่เปลี่ยนจากการเงินมาเป็นสุขภาพ ที่ต้องเจ็บป่วยจากการใช้สารเคมีค่ะ เป็นอีกวังวนหนึ่งของชาวบ้านที่ต้องใช้จ่ายไปมากมาย 2 เรื่องค่ะจากการใช้สารเคมีคือ เรื่องสารเคมีทั้งปุ๋ย ยา ที่มีราคาแพง อีกทั้งยังปลอมปนมากมาย เมื่อใช้แล้วก็มีปัญหาสุขภาพตามมา แต่อย่างว่า ไม่ทำก็ไม่ได้เพราะไม่รู้จะทำอะไร ทำไปก็ถูกเอารัดเอาเปรียบก็ต้องทำ
ลืมไปใกล้ปีใหม่ขอแบบบรรยากาศสบายๆละกันค่ะ
ขอให้อาจารย์ภีมและครอบครัว
มีความสุขมากๆนะคะ
มีสุขภาพกายที่แข็งแรงและก็มีสุขภาพใจที่เข้มแข็ง
เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ