ขึ้นภูดูนักเลือกตั้งกัดกัน


บทวิพากษ์ วัฒนธรรมความรุนแรงในสังคมไทย โดยเฉพาะในรูปธรรมของความรุนแรงในการเมืองไทย และบรรยากาศก่อนการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ส.ส.ผู้แทนของปวงชนชาวไทย ในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ว่าดำเนินไปเช่นไร ในท่ามกลางความรุนแรงที่ปรากฎ

ขึ้นภูดูนักเลือกตั้งกัดกัน

อ้างอิง - ภาพ http://burabhawayu.multiply.com/photos

ไม่ทราบเป็นความประจวบเหมาะประการใด

สำหรับโอกาสของฤดูเลือกตั้ง

และฤดูหนาวในปีนี้ซึ่งพอดิบพอดี

ในห้วงยามชีวิตปกติรอบปี ผมมักจะโหยหาลมหนาวและขุนเขา เป็นเครื่องขัดเกลานิสัยแย่แย่ของตัวเอง หากมีโอกาสจะต้องหาทางไปกัดฟันนอนหนาว กางเต็นท์เพื่อเอาตัวเข้าขดถุงนอน นั่งพิงไฟรับไออุ่นไม้เกี้ย ให้ตัวกลมตัวงอเพราะความหนาวเย็น

พอดีกับเรื่องราวเมื่อขึ้นภู

จึงได้มีโอกาสดูสิ่งต่างต่างเบื้องล่างกัดกัน

จะนับเป็นเสือก็ไม่เชิง เพราะดูไปไม่กล้าเอ่ยอ้าง

เนื่องจากเมื่อพิจารณาพฤติกรรมทั้งหมดทั้งมวลแล้ว ไม่กล้าเรียกขานว่าเป็นเสือ เพราะหลากหลายพฤติกรรม ต่ำชั้นกว่าเสือมากนัก ประมาณว่าลอบกัด กัดลับหลัง หรือกระทั่งแว้งกัด กัดเป็นหมู่คณะ พฤติกรรมเหล่านี้จึงไม่อาจนับได้เช่นเสือ

พอดีกับห้วงเวลา

ที่นักเลือกตั้งต่างออกมาเริงร่า

ระบำเกมการเมือง ร้องแรกแหกกะเฌอ

ถามหาความยุติธรรมจากเกมการเลือกตั้ง อ้างว่าทหารเข้าแทรกแซง ระบุว่ามีอำนาจรัฐเข้ากดดันข้าราชการ กดดันนักการเมืองท้องถิ่น กระทั่งมีการขู่ว่าจะทำร้ายร่างกาย ใช้อำนาจเงินกดดันพรรคการเมืองของประชาชน หรือมีการนำกำลังทหารเข้าคุกคาม

เสียงทั้งหมดเหมือนวนกลับ

เหมือนได้ยินเมื่อการเลือกตั้งครั้งก่อน

ขณะที่มีคนตั้งคำถามกับพรรคการเมืองรัฐบาล

ก่อนจะมีโศกนาฏกรรมดอกไม้ของรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เมื่อผู้คนเคยเฝ้าถามรัฐบาลรักษาการ และพรรคการเมืองรักษาการรัฐบาล ทำไมจึงมีเหตุการณ์แทรกแซงกดดันการเลือกตั้ง ใช้พฤติกรรมเพื่อให้ได้มาซึ่งผลชนะการเลือกตั้ง ซื้อกันเห็นเห็น เล่นพรรคใดเลือกข้างกันมา

บางท้องถิ่นเลือกข้างกันหนัก

บางฝ่ายเลือกไม่ถูก หัวคะแนนจึงรับสองทาง

ผลก็คือได้ทางเลือกที่สาม คือลูกกระสุนปืนไว้ดูต่างหน้า

ใช้อำนาจเงินไม่ได้ ก็ใช้อำนาจบุญคุณ ใช้อำนาจบารมี ยศถาบรรดาศักดิ์ คำมั่นสัญญา สินบาทสินบท สัญญาว่าจะให้ สัญญาว่าจะช่วยเหลือ ใช้ทั้งสายสัมพันธ์ส่วนตัว เครือข่ายอุปถัมภ์ หรือเมื่อใช้อำนาจใดไม่ได้ ก็ใช้อำนาจความตาย

ความรุนแรงในสังคมไทยจึงกลายเป็นเรื่องปกติ

พูดยากเพราะอยู่ในทุกลมหายใจ

เด็กเห็นผู้ใหญ่จิกตบด่าทอ

ก็ยึดเป็นแบบแผน ว่าเป็นหนทางแห่งการยอมรับในสังคม นอกจากแพ้ไม่เป็นยังต่อสู้แบบไร้หัวใจ ยึดผลแห่งชัยชนะเป็นหลัก โดยไม่คำนึงว่าวิธีการจะเป็นเช่นไร อย่างมากก็แค่ติดคุก ถ้าแพ้ก็แค่ตาย และไม่ต้องถามหาคำว่าคุณธรรม

เพราะคำนี้ได้ขึ้นหิ้งไปเรียบร้อย

สำหรับภาพสะท้อนทางการเมืองที่เป็นอยู่

กับทั้งผู้กำลังกำหนดเกมกดดันทางการเมือง

และฝ่ายที่ตั้งรับทางการเมือง ซึ่งเคยดำรงอยู่ในอำนาจ และรู้เช่นเห็นชาติของอำนาจกันดี ว่ามีลักษณะวิธีการเยี่ยงไร จนกระทั่งเมื่อออกมาร้องประกาศ ตะโกนบอกว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรม

 

ผมปรารถนาเหลือเกิน

ให้ท่านทั้งหลายซึ่งประสบเหตุอันไม่เป็นธรรม

ได้จดจำความรู้สึกเหล่านี้ไว้ในใจลึกลึก

ว่ายามใดท่านมีอำนาจ ท่านจะไม่กระทำย่ำยีต่อความเป็นธรรมเช่นนี้ ท่านจะตระหนักถึงคราบน้ำตาแห่งความรันทดใจ และความอัดอั้นตันใจของผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ว่าเป็นความรู้สึกอันเจ็บปวดเพียงใด เมื่อถึงคราวที่ท่านมีโอกาส ท่านจะสร้างกฎเกณฑ์กติกา และการแข่งขันอันเป็นธรรม

ผมภาวนาเช่นนั้น

พยายามสวดมนต์อ้อนวอน

ให้พฤติกรรมอันไม่เป็นธรรม ไม่ฝังในสายเลือด

ให้อย่างน้อยนักเลือกตั้ง นักการเมืองไทย รู้จักรักความเป็นธรรม และไม่ก่อกรรมทำเข็ญกับคนอื่น ด้วยความไม่เป็นธรรม จนก่อให้เกิดมิติและทิศทางใหม่ของการแข่งขันในแต่ละด้านของสังคมไทย

จิตใจของสังคมแห่งอำนาจ

ที่พร้อมจะใช้ทุกสิ่งของความรุนแรง

เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ ไม่อาจยอมรับถึงความเป็นธรรม

เพราะความเป็นธรรม ไม่ได้ทำให้เขาได้เปรียบ มิหนำซ้ำจะรังแต่จะก่อให้เกิดความยุ่งยาก ในการจะได้มาซึ่งชัยชนะ สังคมซึ่งนิยมชัยชนะแบบสังคมไทย สังคมบูชาอำนาจ บูชาเงินเช่นนี้ จึงไม่มีทางออกของการต่อสู้อันเท่าเทียม 

ลักษณะการกัดกันของนักเลือกตั้ง

คือความหยาบคายประการหนึ่งในสังคมไทย

เพราะเราจะไม่ตำหนิผู้ที่กระทำหยาบช้า

เนื่องจากเมื่อผู้กระทำหยาบช้าได้รับชัยชนะ เราพร้อมจะปรบมือยินดีชื่นชม และสมอ้างในชัยชนะเหล่านั้น กระทั่งแสวงประโยชน์ร่วมกันกับความเลวร้าย ขณะที่กรอบแห่งความดีงาม หรือการต่อสู้อย่างเป็นธรรมก็จะพ่ายแพ้ ทั้งในด้านรูปธรรมและนามธรรม

รูปธรรมคือแพ้เห็นเห็นในการเลือกตั้ง

นามธรรมคือแพ้ตั้งแต่ในใจ

เหมือนล้มลงแล้วมีคนเหยียบซ้ำ

ยิ่งยินดูอยู่ท่ามกลางการกัดกัน บนที่สูงบนภูหนาว เรายิ่งจะได้ว่าพฤติกรรมอันอบอุ่นและรวมฝูง ไม่ใช่ความหมายของระบบอุปถัมภ์ แต่เป็นการช่วยเหลือเจือจุน และแบ่งปันร่วมกัน ไม่ใช่คำตอบของความเป็นใหญ่จะทำให้เราอบอุ่นใจ แต่เป็นคำตอบของน้ำใจไมตรี และมิตรเอื้ออารีระหว่างกันต่างหาก

 

เมื่อดูบนภูเห็นการกัดกันสักระยะ

ผมจะลงจากภู

เพื่อไปใช้สิทธิเลือกตั้ง

ด้วยอำนาจของการตัดสินใจทางการเมืองของผม และด้วยสิทธิขั้นพื้นฐานในความเป็นคนไทยของผม ผมจะตัดสินใจชะตาชีวิตของท่านเหล่านั้น แม้ว่าจะเป็นเสียงเพียงน้อยนิด ผมก็จะทำ

 

รวมทั้งการสาปแช่งก่นด่า

และประณามพฤติกรรมอันหยาบกระด้าง

ของผู้ที่ทำให้แผ่นดินมัวหมองด้วยความไม่เป็นธรรม

 

หมายเลขบันทึก: 147773เขียนเมื่อ 20 พฤศจิกายน 2007 04:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:35 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท