ถ้าพูดถึงเรื่องการจัดการความรู้ (KM) มีความรู้สึกว่าชอบ เพราเวลาไปฟังคนอื่นเขาเล่าเรื่องที่ประสบความสำเร็จ จากเครื่องมือ "เรื่องเล่าเร้าพลัง" แล้วทำให้มองเห็นแนวทางการพัฒนาตัวเอง พัฒนางาน ที่สำเร็จและตัวเองได้เห็นชัด ๆ ก็ตอนที่เข้ารับการการอบแกนนำนักจัดการความรู้ของ สพท. ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ พัทยา ได้เข้ากลุ่มถอดประสบการณ์ "เทคนิคการนิเทศที่ประสบผลสำเร็จ" ซึ่งในกลุ่มมีสมาชิก รวม 10 คน 9 คนเป็นสุภาพบุรุษ มีเราเป็นสุภาพสตรีในกลุ่มคนเดียว เลยได้รับการตั้งชื่อกลุ่มว่า "หนึ่งรุมเก้า" (ต้องมีใครแกล้งเราแน่ แต่เราก็ชอบ เพราะเราจะได้สวยที่สุดในกลุ่ม)
ได้ดำเนินกิจกรรมเรื่องเล่าเร้าพลังกัน สรุปขุมได้มากมาย เมื่อนำมาวิเคราะห์เพื่อสกัดแก่น และจะติดดาวแต่ละขุม/แก่น สิ่งแรกที่ศึกษานิเทศก์ จะประสบผลสำเร็จ (เฉพาะในกลุ่มของเรา) คือเรื่องของการพัฒนาบุคลิกภาพ
เป็นรูปธรรมที่เห็นได้อย่างชัดเจน การมีบุคลิกภาพดี ประกอบด้วย การแต่งกายถูกต้องตามกาละเทศะ (ผม เสื้อ กระโปรง รองเท้า เรียกว่าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ต้องเนียบแต่สุภาพ) มีกิริยามารยาทที่สุภาพ พูดจาด้วยถ้อยคำไพเราะอ่อนหวาน หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส (ไม่จำเป็นต้องรูปร่างหน้าตาดี)
แค่แก่นแรกก็มีประโยชน์สำหรับอาชีพศึกษานิเทศก์มือใหม่อย่างเรา แก่นต่อไปก็จะเป็นเรื่องของการศึกษาหาความรู้ การมีจิตเป็นนักบริการ ฟังมากกว่าพูด ฯลฯ
เวลาไปร่วมเป็นวิทยากรก็ชอบที่จะนั่งฟังตามกลุ่มเพราะได้ประโยชน์มาก ไม่ต้องอ่านหนังสือ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม 2550 สกศ. ร่วมกับ สกว. และ สคส. ได้จัดประชุมปฏิบัติการทีมแกนนำนักจัดการความรู้ระดับเขต ฯ ที่โรงแรมรอยัลซิตี้ กทม. ไม่มีชื่อข้ารับการอบรมหลอกเพราะเกินโควต้าที่กำหนด ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวพอหัวหน้าลำดวน กับน้องปวีณากลับมา ก็ต้องถ่ายทอดให้ฟังอยู่แล้ว (ในใจลึก ๆ ก็อยากไป)
ทำตัวเป็นปกติ ตื่นนอน ทำงานบ้านเสร็จ ก็อาบน้ำแต่งตัวไปทำงานที่ที่สำนักงาน (ไปทุกวันเพราะที่บ้านไม่มีเครื่องคอม ฯ) พอเปิดประตูห้อง เปิดไฟ เปิดเครื่องคอม ฯ ยังไม่ได้ทำงาน โทรศัพท์ ก็ดังขึ้น มองหน้าจอเป็นชื่อหัวหน้าลำดวน เสียงดังมาในโทรศัพท์ "สุมาลี เก็บเสื้อผ้ามาอบรมด่วน มาให้ถึงก่อนบ่ายโมงนะ" แล้วก็วางสาย ถามตัวเองว่าควรทำอารมณ์อย่างไรดีใจ หรือเสียใจ หรือโกรธ สรุปว่า ดีใจ รีบขับรถกลับบ้านเก็บเสื้อผ้าเดินทางไปถึงโรงแรม 12.45 น. เลยเวลาอาหารกลางวันแล้ว วันนั้นกว่าจะได้ทานอาหารเช้าก็ตอนเบรคบ่าย
ดีใจที่ความหวังเล็ก ๆ ที่แอบอยู่ในใจมีคนแอบรู้ด้วยนะ การไปอบรมครั้งนี้ภาคภูมิใจในความสำเร็จของ สพท.สพ.2 มาก ที่สามารถนำ KM มาใช้พัฒนางานจนเห็นเป็นรูปธรรม ไม่ได้ชมเอง แต่เป็นเสียงที่เจ้าของโครงการ ฯ และผู้แทน สพท. อีก 16 เขต เขาชื่นชมกัน ไปไม่ทันในช่วงเช้าทราบว่า ท่านเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ท่านก็ชื่นชมด้วย
เป็นโอกาสทองของ สพท.สพ.2 และความมุ่งมั่นของท่านผู้อำนวยการอนุสรณ์ ฟูเจริญ ซึ่งเข้าร่วมประชุมและทำกิจกรรมตลอดการอบรม ได้สิทธิพิเศษเพิ่ม ส่งแกนนำของเขต ไปร่วมผนึกกำลังอีก 10 คน รวมทั้งสิ้น เป็น 14 คน
ได้เครื่องมือการจัดการความรู้อีกมากมาย ซึ่งแต่ละเครื่องมือแบ่งกลุ่มย่อยลงปฏิบัติจริง ทำให้เข้าใจกระบวนการอย่างชัดเจน
พอกลับมาจากการอบรม ท่านผอ.อนุสรณ์ ฟูเจริญ สั่งการให้ขยายผลลงสู่ผู้บริหารโรงเรียนทันที
ยุทธวิธีของท่านคือจัดประชุมผู้บริหารโรงเรียนประจำเดือน แต่ไปนอกสถานที่แบบพักค้าง ห้ามส่งตัวแทนทุกคนต้องไปด้วยตนเอง จากการสอบถามอย่างไม่เป็นทางการ การประชุมผู้บริหารครั้งนี้เป็นครั้งที่ผู้บริหารชอบมาก ต้องให้จัดอีกแต่ขอเพิ่มวันให้มากขึ้นเพราะเวลาน้อยกิจกรรมเร่งรีบ สิ่งที่ผู้เขียนประทับใจกับการประชุมในครั้งนี้คือข้อคิดที่ท่านผอ.อนุสรณ์ ฝากไว้ว่า
"ถ้าใจมา เวลามี เวทีเกิด"
เรื่องรู้-ไม่รู้ ซึ่งจะมีคนอยู่ 4 ประเภท คือ
1.รู้ว่าเรารู้ เป็นผู้ที่ผ่านการเรียนรู้และประสบการณ์จริงของตนเอง และคนอื่นจะบอกว่าเรารู้ เราก็ควรจะแบ่งปันความรู้ ไม่ควรหวงความรู้จึงจะเป็นประโยชน์
2.รู้ว่าเราไม่รู้ พวกนี้จะพยายามแสวงหาความรู้อยู่เสมอ
3.ไม่รู้ว่าตัวเองรู้ เป็นบุคคลถ่อมตัว และจะถามหาความรู้ ควรจัดเวทีให้แสดงความรู้
4.ไม่รู้ว่าเราไม่รู้ จะปิดกั้นตัวเองไม่ยอมรับความรู้จากคนอื่น "รู้แล้ว ๆๆๆๆ"
ลองวิเคราะห์ตัวเองกันดูว่าเราเป็นผู้รู้แบบใด ผู้เขียนลองวิเคราะห์แล้ว รู้ว่าเราไม่รู้ ๆๆๆๆๆ (ยังโง่อยู่มาก)
ดีใจและภูมิใจที่ได้เป็นทีมแกนนำนักจัดการความรู้ของสพท.สพ.2 เพราะทำให้ ความไม่รู้ ค่อย ๆ เลือนหายไปทีละน้อยๆๆ
และยังสามารถนำเครื่องมือการจัดการความรู้มาใช้พัฒนาตัวเองได้
สวัสดีเจ้าค่ะ คุณป้าสุมาลี
แวะมาเยี่ยมเจ้าค่ะ ช่วงนี้สุพรรณเริ่มหนาวแล้ว รักษาสุขภาพด้วยนะเจ้าค่ะ เป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ พรุ่งนี้จะนำแชมป์มาฝากเจ้าค่ะ.....(ถ้าได้นะเจ้าค่ะ) คิคิ
เป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ --------->น้องจิ ^_^
ผมเองมไม่มั่นใจเท่าไรว่าจะอยู่พวกไหน
แต่คิดว่าตัวผมเองน่าจะอยู่กลุ่มที่ 2 เพราะเป็นคนที่ชอบเรียนรู้และศึกษา ที่โรงเรียนผมมีคนเก่งหลายคน แต่บางคนไม่แสดงออก จะพูดว่าพวกเขาเป็นกลุ่มที่ 3 ได้ไหมครับ
(ลูกศิษย์)