ก้าวแรกและก้าวต่อไป


นึกว่าจะไม่มีเวลาแวบมาบันทึกแ้ล้วขอรับ 

ขอโทษทุกท่าน ทุกความเห็นด้วยที่ผมไม่มีเวลาไปตอบแต่แอบแวบมาอ่านแล้วก็ชื่นใจมากๆ ขอรับ 

 หลังจากจัดการงานส่วนหนึ่งเคลียร์ไปแล้ว ก็ทำใจ..(ยังไงคงไม่เสร็จวันนี้)เลยมานั่งบันทึกเรื่องราว ความคิดที่ผ่านมาในอาร์ทิตย์นี้ (สุดสัปดาห์พอดี)

เรื่องแรก คือ การจัดตลาดความรู้
ผมในฐานะที่เป็นกรรมการคนหนึ่งแล้ว ถือว่าบกพร่องต่อหน้าที่มาก เพราะแทบไม่ได้โผล่หัวไปช่วยเขาทำอะไรเลย ส่วนหนึ่งเพราะต้องแก้งานที่จะไปพูดของตัวเอง หลังโดนคุณหมอประภารัตน์ติงเรื่องเป้าหมายที่ทำงานเรื่องนี้ไปแล้ว ต้องขอขอบคุณมากที่ท่านติงเรื่องได้โดนจุดจริงๆ ทำให้ผมต้องทำการบ้านอย่างหนัก ทบทวนตนเองและงานอีกหลายตลบทีเดียว แต่หลังจากฟรีเซ็นต์ผ่านไป ทุกอย่างก็เงียบกริบ (จนผมขนลุก)
ไม่รู้ว่าถูกใจมากน้อยแค่ไหนแต่ก็จบเรียบร้อยไปอีกวัน

ต่อเนื่องจากเรื่องแรกครับ การทำ CQI ในครั้งต่อไป
เนื่องจากพี่วิไลวรรณหัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม ต้องการให้หน่วยงานของเรามีงาน CQI ออกไปอีกเยอะๆ  และด้วยผมไปพูดในงานแล้วว่าผมมีงานที่จะพัฒนาต่ออีกมาก (แต่ไม่รู้จะเรียกว่า CQI ดีไหมเพราะผมเห็นว่ามันเป็นปัญหาที่ต้องทำทั้งนั้น)
ผมเลยอือออไปก่อน ซึ่งงานแรกที่จะทำต่อ เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานมาก คือ
"การจัดการค่ายาและเวชภัณฑตามสิทธิ์"์ที่คาราคาซังมานาน งานนี้มีแววจะเหนื่อยยากแสนเข็นมาก เพราะขั้นแรกสุดผ่านยากเย็นมาก คือ การตีสิทธิ์ยาและเวชภัณฑ์ว่าสิทธิ์ใดได้บ้างไม่ได้บ้างเพราะไม่มีใครกล้าฟันธงซะที แผนเลยค้างอยู่อย่างนั้น เฮ้อ เอ้า อย่าเศร้าไปนาน

จากที่พี่ปิ่งเคยพูดทิ้งไวให้กำลังใจผม เราต้องแบ่งงานออกเป็นสามส่วนและจัดการกับมันอย่างเท่าเทียมกัน 

มาดูดีกว่าว่างานที่ผมวางไว้และต้องทำมีอันหยังบ้าง

 

บันทึกงานที่สุมรอจัดการภาคแรก

  1.  พัฒนาโปรแกรม HOMEC-IPD กันต่อไปแม้ว่าอาจมีการเปลี่ยนโปรแกรมในอีกปีหน้าก็ตามแต่ พรพ.ท่านไม่รอเราเปลี่ยนโปรแกรมอะ ซึ่งสิ่งที่พัฒนาต่อมีอีกมากจริงๆ ตั้งแต่
    • ขยายตึกที่ใช้งาน
    • ขยายฟังชั่นโปรแกรมที่มีอยู่ใหนำมา้ใช้งานได้มากขึ้น
    • ขอความร่วมมือจากตึกในการทดลองใช้โปรแกรมจากตึกส่งต่อมายังห้องยา
    • แก้ไขเรื่องการสื่อสารกับตึกผ่านการเบิกให้เข้าใจง่ายขึ้น สะดวกขึ้น
  2. การส่ง Scan Doctor Order Sheet จากตึก
    • หาหนทางช่วยเหลือให้ตึก Scan ได้ง่ายขึ้นโดยลดขั้นตอนการสแกนลง(ยังหาวิธีไม่ได้เหมือนกัน)
    • ตึกเข้าใจการส่งและใช้ได้จริง สแกนได้ชัดเจน อ่านออกได้ง่าย รวมทั้งหาแนวทางพัฒนาได้ดีขึ้นเอง
    • หาโปรแกรมหรือวิธีช่วยให้ทราบเวลาที่ตึกส่งแสกนมาและทราบว่ามีการส่งอะไรเท่าไหร่แล้วบ้าง เพื่อความถูกต้องและครบถ้วน
    • พัฒนางานให้ง่ายและเร็วขึ้นไปเรื่อยๆ
  3. การจัดการค่ายาและเวชภัณฑ์ตามสิทธิ์
    • แจงสิทธิ์ให้ชัด (ตรงนี้ผมจะทำไงดีเนี่ย)
    • ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผนึกพลังความรู้ความสามารถของทุกคนฝ่าปัญหาไปด้วยกันให้ได้
    • แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความคิดไอเดีย แนวทางปฎิบัติ ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน (ถ้าแก้ปัญหาได้แล้ว)
  4. การทำโครงการเบาหวาน
    • จัดทำทะเบียน ซึ่งตอนนี้คิดว่าจะใช้ Access ในการรวบรวมข้อมูลคนที่เข้าโครงการ บันทึกและวิเคราะห์ผลเป็นรายงานออกมาให้ติดตามได้ง่าย
    • แต่..ปัญหาคือ ใครสามารถเป็นคนคีย์ข้อมูลและติดตามบันทึกผลนี้ได้ เนื่องจากที่ผมคาด โครงการนี้ท่าทางจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆซึ่งช่วงแรกอาจไม่มีปัญหาเพราะคนไข้น้อยแต่ถ้ามากๆ เข้าจำเป็นยิ่งที่ต้องมีเจ้าหน้าที่ตรงนี้โดยเฉพาะมาบันทึกข้อมูล
    • ถ้าผ่านสองข้อแรกได้ ต้องมีการปรับแก้ไขแบบฟอร์ม โครงการใน Access ที่เขียนขึ้นแน่นอน ตรงนี้ผมอาจต้องไปคลุกเล่นกับเจ้าหน้าที่ที่ลงข้อมูล รวมทังคนที่ต้องการใช้ข้อมูลตลอดอีก จนกว่าจะปรับให้ทุกคนใช้เป็นและปรับให้ใช้ง่ายที่สุด (ท่าทางจะยากเหมือนกันนะ)
    • งานด้านเภสัชกรรมกับผู้ป่วยเบาหวานมีอะไรให้เล่นมากมาย รวมทั้งส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย เพราะเรื่องสุขภาพเราจะแยกจากกันขาดแต่ละหน่วยไม่ได้ เพียงแต่การให้ดูทีละเรื่องเพื่อความเข้าใจแต่ละส่วนแล้วนำมารวมกันเท่านั้นขอรับ
    • อยากลองทำ KM ในคนไข้ที่ประสพความสำเร็จมาถ่ายทอดให้คนที่มีปัญหาฟังมากๆ  เพราะจากที่ห้องทำงานผม สิ่งที่ผมพูดมันมีน้ำหนักน้อยจริงๆ ในสายตาคนที่เป็นจึงไม่อาจจูงใจให้เขาปรับเปลี่ยนสุขภาพได้ดี (เศร้า)
  5. โครงการเขียนความรู้ผ่านเว็บของกลุ่มงานเภสัชกรรม ผ่าน Intranet
    • ตั้งใจเริ่มจากข้อมูลที่ถามบ่อยเข้ามาในห้องยาในและนอกก่อน ตรงนี้ห้องยากำลังจะมีหน่วยงานใหม่(มั้ง) คือ หน่วยงาน DIS ดูแลเรื่องการให้ข้อมูลด้านวิชาการสอบถามตรงนี้โดยตรง ผมจะลองแย็บๆ ถามขอความร่วมมือด้วย
    • รวมสิ่งที่เราทำและพัฒนาอยู่ให้หน่วยงานอื่นๆ ได้ทราบว่าเราเป็นไผ กำลังทำสิ่งไหนอยู่ และกำลังก้าวไปไหน
    • ถ้ทำได้อยากให้เป็นแหล่งรวมความรู้ของหน่วยงาน ซึ่งต้องจัดเป็นหมวดหมู่และหาคนร่วมมือทำด้วย อยากให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่าย (ซึ่งผมมองว่ายากเหมือนกันในการให้คนหันมาเปิดเน็ตอ่านเวลาว่างเนี่ย)
    • ถ้ามันผ่านจุดนั้นมาแล้ว  มีทีมงานหร้อมสรรพ ขั้นต่อไปคือการสื่อสารกับภายนอกคือ เป็นเว็บจริงๆ เลย หึๆๆ น่าตื่นเต้นจริงๆ ขอรับ
  6. โครงการงานอื่นๆ
    • ยังมีปัญหาอีกมากที่ผมยังไม่กล้าเอ่ย แต่คิดว่าถ้างานข้างต้นสำเร็จแล้วจะค่อยๆ ลองแตะทำไปเรื่อยๆ ทุกอย่างยังไม่เข้าที่ดีขอรับ

 ต่อไปเป็นงานส่วนตัวๆ ที่ผมอยากทำเองขอรับ

  1. อ่านยังไงให้ได้ความรู้ และสนุกสนาน
    • ที่มา เนื่องจากผมเป็นคนที่บ้า ที่ชอบอ่านหนังสือธรรมดาคนหนึ่ง จึงมีหนังสือกองเต็มห้องไปหมด ขนาดย้ายมาอยู่หอ เผลอไปปีเดียวหนังสือก็ล้นชั้นออกมาเป็นสองภูเขาให้ข้าน้อยอ้าปากค้างเมื่อวันก่อน
      ทำยังไงจึงอ่านหมดนั้น หลุดจากหัวข้าน้อยไปแล้ว (ยังไงก็ไม่หมด)  แต่ทำอย่างไรจึงอ่านส่วนที่ชอบและสนกกับมันได้เป็นโจทย์ที่ข้าน้อยกระตือรือล้นอย่างยิ่ง
    •  ที่คิด คือ การทำสารบัญหนังสือทั้งหมด (เอื้อก) จากนั้นทำ 5ส คือ
      สะสาง,คัดเล่มที่คิดว่าไม่อ่านออกก่อน อาจนำไปบริจาคหรือขายต่อ
  2. ฝึกการพูดและการฟังให้ดีกว่านี้
    • เนื่องจากข้าน้อยวันๆ เอาแต่บ้าอ่านหน้งสือ จึงขาดทักษะตรงนี้มาก เป็นปัญหามากเวลาฟังชาวบ้านชาวช่องพูดแล้วไมู่้รู้เรื่อง...
      เลยจะค่อยๆ ฝึกตัวเองให้ฟังรู้เรื่อง คิดให้ทันคนอื่นซะที
    • เกี่ยวข้องกับการบริหารงานมากเลยขอรับ
      เพราะทุกทีข้าน้อยมัวแต่นึกเอง คิดเอง ทำเอง บันทึกผลเองซะมาก แล้วค่อยถามความเห็นคนอื่นดู
      (รู้สึกว่ามันยากในการฟังเรื่องชาวบ้านพูด)
      แทนที่จะรู้ที่เขาพูดแต่แรก เฮ้อ
หมายเลขบันทึก: 146957เขียนเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2007 20:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:32 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

พูดคุยกันมากขึ้นน่าจะพัฒนาขึ้นค่ะ   เป็นกำลังใจให้ค่ะ  

  • มาให้กำลังใจ
  • อย่าหายไปนาน
  • คิดถึงๆๆๆ

วันที่เสนอเรื่อง CQI พอดีเวลาของกรรมการหมด พี่เลยไม่ได้ขึ้นพูดให้กำลังออกไมด์  ให้กำลังใจตอนี้แล้วกันนะคะ เพราะเรื่องที่เสนอเป็นเรื่องที่ทำยากเย็นแสนเข็ญ เพราะต้องทำกับหลายๆหน่วยงาน สู้ๆๆค่ะ

                                                 พี่สุนันทา

เล่าสู่กันฟัง

เรื่องส่วนตัวที่บางครั้งเวลาพี่ทำงานรู้สึกว่ามีแต่ปัญหาที่ต้องแก้ แล้วจมอยู่กับมันโงหัวไม่ขึ้นอยู่พักใหญ่ พอได้พักแล้วกลับไปมองไอ้เรื่องที่ว่าเป็นปัญหาใหม่ ก็เกิดมุมมองใหม่ว่าเป็นโอกาสพัฒนา ซึ่งพอเราวางมันลงแล้วจึงเห็นช่องทางพัฒนา ไม่ให้มันสร้างทุกข์ให้กับเราอีกต่อไป เพราะเรารู้ทันมันแล้ว มีใจสร้างสรรสิ่งใหม่ที่ตรงกับความชอบ(จริต)ของเราตามมา  แม้จะทุกข์กับปัญหา แต่ไม่เคยท้อ เพราะปัญหาทำให้เกิดปัญญา

แต่บางครั้งก็ต้องดัดจริต เหมือนกัน....ฮิฮิ

ขอบคุณทุกท่านทีมาให้กำลังใจขอรับ

ได้ิอ่านแล้วหัวใจฟองโตกระทันหัน

ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านเช่นกันขอรับ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท