ประวัติความเป็นมาของโครงการศูนย์เรียนรู้ฯ.
ความเป็นมา กลุ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพอัดเม็ดบ้านเพลิงหลง ตำบลบ่อปลาทอง ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ จากการรวมตัวของเกษตรกรบ้านเพลิงหลง ตำบลบ่อปลาทอง อำเภอปักธงชัย โดยนายอภิชาติ พจน์ฉิมพลี และครอบครัว เนื่องจากเล็งเห็นปัญหาและโทษภัยของการใช้สารเคมีในการเกษตร ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ต้นน้ำ จึงได้หันมาปลูกผักและผลไม้ โดยไม่ใช้สารเคมี (การทำเกษตรแบบธรรมชาติหรือเกษตรผสมผสานในขณะนั้น) รวมทั้งดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีผลดีต่อการประกอบอาชีพด้านการเกษตรของสมาชิกและเพื่อเกษตรกร ตลอดจนสิ่งแวดล้อมกิจกรรมที่เกิดขึ้นมีลักษณะครบวงจร เช่น มีการผลิต การแปรรูป การตลาด การฝึกอบรม ฯลฯ ซึ่งจะนำไปสู่กระบวนการพึ่งตนเองได้ในอนาคต(4) ปัจจุบันการดำเนินงานของกลุ่มฯ มีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น โดยมีกิจกรรมเพิ่มขึ้น จำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้น จากช่วงเริ่มต้นที่มีสมาชิกเพียง ๔๒ คน ในปัจจุบันมีจำนวนสมาชิก ๒๐๐ คน จาก ๑๐ หมู่บ้านและตำบลใกล้เคียง ในเขตอำเภอปักธงชัย นอกจากนี้ยังได้มีการติดต่อประสานงานและขยายเครือข่ายของการดำเนินกิจกรรมไปยังอำเภอต่าง ๆ ภายในจังหวัดนครราชสีมา ปัจจุบันกลุ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพอัดเม็ดบ้านเพลิงหลง ตำบลบ่อปลาทอง อำเภอปักธงชัย ได้ขึ้นทะเบียนเป็น “กลุ่มวิสาหกิจชุมชน” “ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผลิตปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพอัดเม็ดบ้านเพลิงหลงตำบลบ่อปลาทอง “ เมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๔๙ รหัสทะเบียนเลขที่๔๓๐๑๔-๒๐/๑-๐๐๐๑ ที่สำนักงานเกษตรอำเภอปักธงชัย มีสมาชิกเครือข่ายอีก ๑๗ กลุ่มเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนภายในตำบลบ่อปลาทอง ตามเอกสารประกอบโครงการฯ การพัฒนาของกลุ่มฯ.1. ขึ้นทะเบียนวิสาหกิจชุมชนเมื่อ 20 เมษายน 2549 รหัสทะเบียน 43014 20/1 -00012. สมัครเป็นเครือข่ายศูนย์ศึกษาการพัฒนาของชาวบ้าน โครงการส่งเสริมกสิกรรมไร้สารพิษ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอวังน้ำเขียว (สนับสนุนด้านวิชาการ)3. การดำเนินการตามโครงการศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน ปี 2549 4. ดำเนินการตามโครงการศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน ปี 2550 ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของจังหวัดนครราชสีมา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และได้ขึ้นทะเบียนวิสาหกิจชุมชน ใช้ชื่อวิสาหกิจชุมชนศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2550 รหัสทะเบียน 43014 20/1 - 0017เข้าร่วมกิจกรรมสมาพันธ์เกษตรอินทรีย์แห่งประเทศไทย สิงหาคม ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น ศูนย์ศึกษาการพัฒนาของชาวบ้าน โครงการศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นศูนย์ฯ เครือข่ายของ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาของชาวบ้านฯ ในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่ชาวบ้านเป็นผู้ดำเนินการ ภารกิจที่สำคัญยิ่งในขณะนี้ คือ การฝึกอบรมเกษตรกรที่ลงทะเบียนคนจนและเกษตรกรที่เป็นหนี้ ธกส. โครงการนำร่องการปลูกไม้ใช้หนี้ อันเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งอบรมไปแล้ว 6 รุ่น รวม 360 คน และในปี 2550 มีแผนอบรมอีก 19 รุ่น กว่า 1,500 คน ณ ศูนย์ฯ แห่งนี้ยังมีความจำเป็นอีกมากที่จะต้องพัฒนาเพื่อให้มีขีดความสามารถ ในการเป็นศูนย์ศึกษาการพัฒนาที่สมบูรณ์แบบ เพื่อทำหน้าที่ฟื้นวิกฤตคนของแผ่นดิน การเสนอโครงการขอรับการสนับสนุนจากโครงการเร่งด่วน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นการต่อยอด เพื่อขยายผลโครงการเดิมให้มีความสมบูรณ์ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาด้านการเกษตรด้านชุมชนในรูปแบบของการฝึกอบรมและการลงแปลงปฏิบัติจริงเพื่อเตรียมความพร้อมให้เกษตรกรเพื่อรองรับแผนงานต่างๆที่จะลงสู้เกษตรกร เช่น โครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจชุมชนพึ่งตนเอง ฯลฯ จะทำให้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาของชาวบ้านแห่งนี้ เป็นศูนย์ฯที่มีศักยภาพในการมีส่วนร่วม (5)เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรและชุมชน ส่งเสริมอาชีพตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงให้กับเกษตรกร และเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาให้เกิดเครือข่ายองค์กรชุมชน ที่สนับสนุนการรวบรวมผลผลิตเพื่อจำหน่ายผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป โครงการส่งเสริมการปลูกพุทรานมสดเพื่อการส่งออก ลักษณะของโครงการ เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างภาคราชการ บริษัทส่งออกเอกชน และเกษตรกรอย่างเป็นระบบครบวงจรโดย ภาคราชการ เป็นผู้พิจารณาจัดหาแหล่งเงินทุน การประสานงาน การคัดเลือกพื้นที่ การคัดเลือกเกษตรกร การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการฝึกอบรมร่วมกับบริษัทเอกชน และ บริษัทเอกชน เป็นผู้จัดหาปัจจัยการผลิตที่สำคัญ และรับซื้อผลผลิตตามสัญญาที่กำหนด เกษตรกร เป็นผู้ดำเนินการปลูก ดูแลรักษา เก็บเกี่ยว และส่งผลผลิตขายให้บริษัทเอกชน ทั้งนี้นั้น 3 หน่วยงานจะต้องมีการทำความร่วมมือจัดทำข้อตกลงร่วมกันก่อนที่จะดำเนินงาน ผ่านโครงการศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน ในลักษณะวิสาหกิจชุมชน โดยมีหลักเกณฑ์เบื้องต้น ดังนี้1. พื้นที่ปลูกของเกษตรกรควรมีแหล่งน้ำที่เพียงพอ2. เกษตรกรต้องจัดให้มีระบบการให้น้ำ (สปริงเกอร์) ทุกพื้นที่ก่อนปลูก3. การชำระค่าพันธุ์ ปุ๋ย และสารกำจัดโรคแมลง (ปุ๋ยและสารกำจัดโรคแมลงเป็นระบบอินทรีย์ชีวภาพทั้งหมด ในปีที่ 1 เกษตรกรจะต้องชำระครั้งเดียวผ่านกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ.ให้กับบริษัท4. การส่งมอบต้นพันธุ์ ปุ๋ย และยา จะส่งมอบผ่านกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ.5. เกษตรกรจะต้องนำต้นพันธุ์ไปปลูกเพื่อนำผลผลิตมาจำหน่วยให้โครงการศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน เท่านั้น เพื่อจัดส่งให้บริษัทฯ ต่อไป ห้ามขยายขายพันธุ์เพื่อการ ปลูกขยายพื้นที่ หรือจำหน่ายพันธุ์ โดยเด็ดขาด 6. เกษตรกรควรปลูก 3-5 ไร่ (พื้นที่โครงการฯ เป็นผู้จัดสรรให้ตามความเหมาะสม)7. เกษตรกรจะต้องใช้พันธุ์ที่ทางโครงการฯ/บริษัทกำหนดให้เท่านั้น8. เกษตรกรจะต้องเป็นผู้จัดหา และดำเนินการในรายการดังต่อไปนี้ ด้วยงบประมาณของตนเอง โดย ประสานงบประมาณจากวิสาหกิจชุมชนศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน เป็นผู้ประสานให้ หรือผู้นำกลุ่มเป็นหลัก (6)วัตถุประสงค์ 1. เพื่อพัฒนาพื้นที่และองค์ประกอบต่าง ๆ ของศูนย์ฯ ให้มีความพร้อมและมีขีดความสามารถที่จะเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ฝึกทักษะประสบการณ์ ศึกษาดูงานในกิจกรรมการเพาะปลูก โดยไม่ใช้สารเคมี และกิจกรรมตามแนวทางเศรษฐกิจชุมชนพึ่งตนเอง ให้กับเกษตรกร2. เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและความเข้มแข็ง ทั้งด้านความคิดและการปฏิบัติของเกษตรกรกลับสู่แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง3. เพื่อส่งเสริมกิจกรรมธุรกิจชุมชนให้แก่เกษตรกร และความเข้มแข็งของชุมชน ในด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยประชาชนมีส่วนร่วม4. เพื่อส่งเสริมการจ้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้กับเกษตรกรในชนบทและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมพื้นที่ป่าต้นน้ำ การขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวทางพระราชดำริ จากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2517 สรุปความได้ว่า “การพัฒนาประเทศต้องทำตามลำดับ โดยสร้างพื้นฐาน คือ ความพอมี พอกิน พอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้น ใช้วิธีการและอุปกรณ์แบบประหยัดแต่ถูกต้อง ตามหลักวิชา เมื่อมีพื้นฐานที่มั่นคงและปฏิบัติได้จริงจึงเสริมสร้างความเจริญและฐานะเศรษฐกิจชั้นสูงขึ้นโดยลำดับต่อไป” ซึ่งถือได้ว่าเป็นการพระราชทานแนวทางพัฒนาแบบเศรษฐกิจพอเพียงเป็นครั้งแรก ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ เป็นปรัชญาที่ชี้ให้เห็นถึงแนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับประเทศ ในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปบนทางสายกลาง ทั้งนี้ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ประกอบด้วย 3 คุณลักษณะคือ ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดี ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเองหรือผู้อื่น ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียง ต้องเป็นไปอย่างมีเหตุและผล โดยคำนึงถึงเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผลที่คาดว่าจะเกิดจากการกระทำนั้นๆ อย่างรอบครอบ การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง เตรียมตัวให้พร้อมต่อการรองรับผลกระทบใดๆ จากการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ต่างๆ ทั้งภายในและภายนอก โดยต้องตั้งอยู่บนเงื่อนไข 2 ประการ ได้แก่ 1.เงื่อนไขความรอบรู้ รอบคอบ คือ นำวิชาการต่างๆ มาประกอบกันอย่างเหมาะสมรอบด้านในการวางแผน และ 2.เงื่อนไข(7)คุณธรรม คือ ตระหนักในคุณธรรมมีความซื่อสัตย์สุจริตและความพากเพียรในการดำเนินชีวิต ตามแนวเกษตรทฤษฎีใหม่ โดยยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้วยการพัฒนาการเกษตรใน 3 ขั้นตอน คือ 1) การผลิตแบบเศรษฐกิจพอเพียงเกษตรกรสามารถเลี้ยงตัวเองได้ 2) การรวมกลุ่มในการผลิต การตลาด ความเป็นอยู่ในชุมชน เพื่อสร้างชุมชนให้เข้มแข็งและมีส่วนร่วมในการพัฒนาและ 3)การสร้างเครือข่ายโดยประสานความร่วมมือภาครัฐ ภาคธุรกิจ และองค์กรพัฒนาเอกชน นำไปสู่การลดต้นทุน การพัฒนาคุภาพชีวิต และสร้างความเข้มแข็งในระดับประเทศ ซึ่งมีแนวทางการดำเนินงานได้แก่ 1.ส่งเสริมการเรียนรู้ในการพัฒนาการเกษตรตามแนวทางทฤษฎีใหม่ ประกอบด้วยแผนงานการจัดประชุมชี้แจง และฝึกอบรมความรู้ให้แก่เกษตรกร โดยใช้ศูนย์ศึกษาพัฒนาฯ. และศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชนฯ. 2.แผนการส่งเสริมภาคปฏิบัติตามขั้นตอนการพัฒนาการเกษตรตามแนวทฤษฎีใหม่ 3.การพัฒนาการเกษตรสู่ระบบเกษตรอินทรีย์ ตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 4.การวางแผนการตลาด การผลิตและการแปรรูปผลผลิต· รายได้หลัก ได้มาจากการทำเกษตรแบบผสมผสาน เช่น ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ผลิตปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยหมักทั้งชนิดน้ำและแห้ง สมุนไพรไล่แมลงทุกชนิด มีรายได้ประมาณเดือนละ 20,000.- บาท ในพื้นที่ 5-7 ไร่· รายได้เสริม ได้รับความไว้วางใจจากสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอปักธงชัย ให้เป็นวิทยากร กระบวนการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชนถ้าผมจะพาทีมงานไปศึกษาดูงานที่ศูนย์จะได้ไหมครับ
จากกำนันประคอง พงษ์สูงเนิน
ผมสนใจการปลูกกล้วยหอมเป็นอาชีพคับ แต่ผมไม่มีความรู้ด้านนี้เลย ไม่ทราบว่าจะสามารถไปขอคำแนะนำวิธีการปลูกได้หรือเปล่าคับ โทร0840024147
การปลูกกล้วยหอมในพื้นที่ ต.บ่อปลาทอง น่าสนใจมาก ผมมีทีนาอยู่ที่บ้านเพลิงหลง
แต่ถ้าจะให้เป็นระบบและชาวสวนได้ประโยชน์จริงๆ กลุ่มควรหาบริษัทมารองรับผลผลิตเหมือนกลุ่มปลูกกล้วยหอมที่ จ.เพชรบุรีนะครับ ถือว่าเป็นแหล่งปลูกกล้วยหอมส่งญี่ปุ่น
ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จริงๆ รายละเอียดของกลุ่มบ่อปลาทองผมยังไม่ทราบ
เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ