volume up your Sense


mind effect

ดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งๆหนึ่งที่เกิดขึ้นและไม่ใช่สิ่งสำคัญอะไรนัก แต่ก็มีประเด็นที่อยากจะบันทึกไว้เป็นประสบการณ์ชีวิตอีกหน้าหนึ่ง...................

หลังเที่ยงคืนของวันที่13 พย เป็นการเริ่มวันใหม่ที่ต้องจำใจเข้านอน แต่ก็เหมือนร่างกายจะไม่ยอมwormdownง่ายๆเพราะมีข้อมูลและงานที่อยากทำให้เสร็จค้างอยู่ในหน่วยความจำ พลิกไปพลิกมาอยู่สักพัก จู่ๆก็เกิดอยากจะแผ่เมตตาขึ้นมา จึงตั้งใจดูลมหายใจเข้าออกแบบง่ายๆ 9คู่ และเริ่มตั้งจิตอุทิศแผ่เมตตาไปพร้อมกับคิดถึงคำสอนของพระอาจารย์ที่ว่า คนที่ตั้งใจทำความดี จิตใจจะมีพลังที่เปรียบเสมือนน้ำที่ไหลจากที่สูงนำความชุ่มเย็นลงสู่ที่ต่ำได้   ความรู้สึกที่ว่า เราก็สามารถที่จะเป็นผู้ให้ได้ ก็เกิดขึ้นและค่อยๆแผ่ออกไป...แผ่กว้างออกไป

มันเป็นความรู้สึกที่ประหลาด รู้สึกเหมือนเราแผ่กว้างไปๆ... จนความรู้สึกต่างๆรอบตัวเริ่มชัดขึ้นๆ ชัดขึ้นจนเราเองก็เกิดอาการกลัวในจิตใจ ได้ยินความคิดของตัวเองชัดขึ้น ได้ยินแม้กระทั่งเสียงหายใจแรงขึ้นๆ รู้สึกถึงแรงสูบฉีดของหัวใจ ที่ฉีดเลือดให้หมุนเวียนบริเวณศรีษะชัดมาก รู้สึกถึงการขยายตัวของเส้นเลือดตามแรงเต้นของหัวใจชัดเจนมาก มากจนเกิดอาการกลัวว่าเส้นเลือดสมองอาจจะแตกได้ สัญชาติญาณความรักตัวกลัวตายก็เข้ามาอย่างน่ากลัว ยิ่งพยายามควบคุมก็เหมือนจะได้ยินเสียงความคิด ความรักตัวกลัวตายชัดขึ้นๆในใจ ยิ่งพยายามภาวนากำหนดลมหายใจต่อสู้กับความกลัว ก็เหมือนความกลัวและเสียงกำหนดลมหายใจมันจะดังชัดขึ้นๆ ความชัดเจนของความรู้สึกและความนึกคิดเริ่มกลายเป็นความสับสนที่เด่นชัด หากท่านผู้อ่านเคยมีประสบการณ์อยู่ในภาวะเฉียดตาย ความรักตัวกลัวตายแบบนี้ก็จะเข้ามาอย่างแรงกล้า ความชัดเจนเริ่มกลายเป็นภาวะชัดเจนอย่างสับสน และสับสนอย่างเด่นชัด การขัดแย้งในจิตใจของหลายๆความรู้สึกนึกคิดกำลังเข้ามาอย่างไม่ลดละ เป็นภาวะที่คิดว่าจิตอาจจะเตลิดจนกลายเป็นคนบ้าได้

ความทรมาณของความสับสนเหมือนจะยาวนานแสนนาน สุดท้ายเราก็ได้สติและคำตอบที่ว่า ไม่มีที่พึ่งอื่นใดในภาวะที่เลวร้ายที่สุดของชีวิตเช่นนี้ได้ นอกจากการระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์เป็นที่พึ่งสุดท้าย เมื่อระลึกได้เช่นนี้ สักพัก ความรู้สึกก็ค่อยๆคลี่คลายลง และกลับสู่สภาวะปกติในที่สุด หลังจากทำใจทบทวนกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็จำได้ว่าเคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นแล้วตอนสมัยเด็กๆ ตอนที่เรานอนป่วยเป็นไข้อยู่นั่นเอง สักพักก็งีบหลับไปในที่สุด     

หลังจากคืนนั้น ได้มีเวลาคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น ในที่สุดก็ได้คำตอบว่า ความจริงแล้วการตั้งจิตของเราเหมือนไปเปิด volume ของประสาทสัมผัสนั่นเอง มันเป็นเสียงความคิด เสียงหายใจ และการสูบฉีดเลือดตามปกติของร่างกายและจิตนั่นเอง แต่การที่เราไปเปิด volumeของการรับรู้ให้ดังขึ้น ทุกอย่างจึงเด่นชัดจนทำให้เราเกิดอาการรักตัวกลัวตายขึ้น ความสับสนของความคิดของจิตที่ไม่ได้ฝึกหัดก็เกิดขึ้นตามมา เมื่อได้คำตอบเช่นนั้นก็ทำให้เรายิ้มและขำกับความโง่ของตัวเอง....

หากท่านผู้อ่านได้มีโอกาสชมภาพยนต์ดีๆเรื่องนี้ คงจะทราบถึงฉากของความรู้สึกที่เด่นชัดนี้ได้ดี                   

volume up your Sense......

คำสำคัญ (Tags): #effect#mind#sense
หมายเลขบันทึก: 146766เขียนเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2007 23:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:31 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท