โค้ชส้ม Citrus
Miss. ปรีดิ์ฤทัย โค้ชส้ม ตั้งจิตญาณพัฒน์

การ์ตูน animation-Happy Feet สอนให้คิดนอกกรอบ กล้าเปลี่ยนแปลง


มีโอกาสรู้จักหนังการ์ตูน animation เรื่อง Happy Feet ได้ดูครั้งแรกก็ติดใจ ดูหลายรอบก็ไม่เบื่อทั้งที่ปกติแล้ว ไม่ชอบสไตล์การทำหนังแบบกึ่งจริงกึ่งปลอม

     สำหรับตัวเองแล้ว ปกติไม่ชอบดูหนังสักเท่าไร โดยเฉพาะการ์ตูน ตอนเด็กๆ ที่บ้านจะให้ดูแต่การ์ตูนหรือหนังของ วอลดิสนีย์  จำได้ว่าการ์ตูนที่ดูเรื่องสุดท้ายคือ Lion King  ดูภาคแรกร้องไห้ตอนพ่อของซิมบ้าเข้าไปช่วยลูกจนตัวเองต้องตาย  หลังจากนั้นการ์ตูนสไตล์นั้นไม่มีแล้ว มีแต่เป็น animation ซึ่งรู้สึกว่ามันดูแข็งๆ ไม่เป็นธรรมชาติ จะคนก็ไม่ใช่ ภาพวาดก็ไม่เชิง

     แต่เมื่อประมาณสามเดือนก่อน ในงานนำเสนอ แผนงานระยะยาว ทีมงานผู้จัดคัดหนังเรื่อง Happy Feet มาสอนเรื่องที่เกี่ยวกับพฤติกรรมคนกล้า เพื่อส่งเสริม innovative organization  citrus ได้รับมอบหมายให้ตัดบางตอนมานำเสนอ แต่น่าเสียดายพอถึงวันงานจริง เกิดการเปลี่ยนแปลงกำหนดการ ทำให้ไม่มีเวลา  ตัวเองกลับมาดูหนังเต็มเรื่องชอบมาก เลยจับมาใส่ในกิจกรรม Plearn ซะเลย น่าเสียดายที่ตัวเองไม่ได้อยู่ดูน้องๆ ในวันศุกร์ที่ 19 ต.ค. เพราะมัวแต่ลาไปเที่ยวญี่ปุ่น

     อยากนำเรื่องย่อมาใส่ไว้ในบันทึก เผื่อใครมีโอกาสได้ดู แต่ขอบอกว่าอารมณ์ของคนดูหนังเรื่องเดียวกัน อาจจะไม่เหมือนกันก็ได้ เพราะบริบท หรือกรอบความคิดอาจจะแตกต่างกัน แต่สำหรับตัวเองแล้ว นี่คือหนังเรื่องหนึ่ง ที่ boss ของเราบอกว่า เนื้อเรื่องราวกับสร้างเพื่อบริษัทหรือกลุ่มธุรกิจของเราโดยเฉพาะ เพราะไม่ว่าจะจับตอนไหนมันสามารถนำมาสอนใจ ปรับเปลี่ยนความคิดคนได้ตลอด ถ้ารู้จักฉุกคิดกับมัน

synopsis

สรุปเนื้อเรื่อง หนัง Happy Feet เป็นเรื่องเกี่ยวกับนกเพนกวินหนุ่มที่เติบโตมาในสังคมนกเพนกวินจักรพรรดิ ที่วัฒนธรรมในฝูงเป็นแนวปฏิบัติมาช้านานหลายอย่างจนกลายเป็นความเชื่อที่เปลี่ยนแปลงยาก เช่น

  • เชื่อในเรื่องเทพเจ้าเป็นผู้ควบคุม ดลบันดาลชีวิตความเป็นอยู่ของหมู่นก 
  • นกทุกตัวต้องร้องเพลงเป็น แต่ละตัวต้องมีเพลงเป็นของตัวเอง เพื่อเอาไว้หาคู่   ตอนวางไข่ จะเป็นฤดูหนาว นกตัวผู้เป็นตัวกกไข่ ในขณะที่นกตัวเมียต้องออกเดินทางไปหาปลา (ไม่รู้ทำไม)  เมื่อกลับมาจะเป็นช่วงที่ผ่านฤดูหนาวไปแล้ว แม่จึงจะได้เจอหน้าลูก       

      มัมเบิ้ล เป็นนกที่มีพฤติกรรมแตกต่างจากนกทั่วไปและขัดต่อธรรมเนียมปฏิบัติของฝูงนกนี้เป็นอย่างมาก   ในขณะที่พ่อกำลังกกไข่มัมเบิ้ล  มีพายุหิมะพัดมา เนื่องจากไม่มีแสงอาทิตย์ส่องลงมา ทำให้พ่อนกมองไม่เห็น และทำไข่กลิ้งตกไปไกลกว่าจะเก็บได้ ทำให้ใจเสีย เสียใจและฝังใจในเรื่องนี้มาโดยตลอด   เมื่อเห็นลูกของตัวเองทำอะไรก็ดูผิดปกติไปหมด (โชคดียังมีแม่ที่เข้าใจลูก และชอบความแตกต่าง ไม่เห็นว่าความแตกต่างที่มัมเบิ้ลเป็น จะผิดตรงไหน)  เริ่มตั้งแต่มัมเบิ้ล

  •  ออกจากไข่ช้ากว่าลูกนกตัวอื่น เอาขาออกมาแล้วก็วิ่งไปไกลกว่าเปลือกจะแตกออกหมด พอออกมาเท้าก็เต้นไม่หยุด ท่าเดินไม่เหมือนลูกนกทั่วไป จนเป็นที่สังเกตของนกตัวอื่นๆ ในฝูง รวมถึงจ่าฝูงที่มองว่า เจ้าหมอนี่เป็นแกะดำ
  •   ตอนเรียนร้องเพลง ก็ร้องไม่ได้ กลายเป็นตัวประหลาดของเพื่อนๆ และครูมองว่าเป็นเด็กสอนยาก สอนเย็น จนต้องปลีกตัวออกนอกฝูงบ่อยๆ เพราะรู้สึกผิดที่ตัวเองไร้จินตนาการ
  •    ตอนโตก็หน้าตายังเหมือนลูกนก มีขนฟู สีไม่เปลี่ยนเหมือนเพื่อนรุ่นเดียวกัน 

       พ่อรู้สึกผิดมากที่ลูกต้องถูกขับไล่ออกจากฝูง ความคิดของมัมเบิ้ลตอนโตส่วนหนึ่งมาจากตอนเป็นเด็ก แอบหลบไปฝึกเต้น แล้วเจอนกเหยี่ยวไล่จับกิน  แต่ด้วยความฉลาด ช่างสังเกต เห็นห่วงที่ขานกเหยี่ยว จึงซักถามตามประสานกช่างอยากรู้ อยากเห็น เจ้านกใหญ่ก็ตอบว่าถูก Alien จับไป และบรรยายสรรพคุณไว้มากมาย

       เมื่อมัมเบิ้ลโตขึ้น หมู่นกเพนกวินประสบปัญหาอย่างหนักเรื่องไม่มีปลาจะกิน  มัมเบิ้ลพยายามสื่อให้เพื่อนนกทราบว่า Alien จับปลาไป และเขาจะพยายามไปบอก Alien ไม่ให้มาเอาปลาของเพนกวินไป แต่ทุกตัวที่ได้ยินหาว่าเจ้านี่เสียสติ และไม่เชื่อเรื่อง Alien

     จะเห็นได้ว่า มัมเบิ้ลมีความคิดแตกต่าง เพราะมีข้อมูลมากกว่านกตัวอื่น และมีความกล้าเรียนใฝ่รู้  eager to learn ช่างซักถาม และมุ่งมั่นที่จะหาคำตอบให้ได้ แม้ต้องเดินทางไปไกล และเสี่ยงชีวิตมัมเบิ้ลมีนิสัย มุ่งมั่นมากๆ  (Dedication)  กล้าหาญ กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ (Assertiveness) กล้าเสี่ยง (Risk Taking)  คิดแตกต่าง (Think out of the box)  และมี responsible ต่อฝูง เห็นได้จากหลายฉาก เช่น

      v     แย่งปลาจากนกอินทรี แม้สาวกลอเรียจะบอกว่าให้นกมันไป มัมเบิ้ลก็ไม่ยอม  แย่งปลาจากนกมาคืนให้เพื่อนจนได้v     โดดน้ำลงไปก่อนเพื่อนรุ่นเดียวกัน แล้วขึ้นมาชักชวนให้เพื่อนโดดตาม

     v     ฉากสำคัญคือตอนโดดหน้าผาสูง ราวกับบินได้ เพื่อที่จะไปตามล่าหา Alien ค้นหาคำตอบและต้องการบอกให้เลิกเอาปลาไป เพราะไม่อยากให้เพื่อนนกในฝูงอดอยาก

      v     มีน้ำใจช่วยเพื่อนหลายครั้ง เช่นตอนเพื่อนโดนปลาวาฬไล่ และจับโยนไปมา ก็หาทางช่วยเพื่อนจนรอด

     v     ฉากทิ่สิ้นหวังตอนไปติดอยู่ในสวนสัตว์  ก็พยายามพูด แต่ตอนแรกไม่สำเร็จเพราะพูดด้วยภาษาเพนกวิน แต่เมื่อเต้น เพราะทำสิ่งที่แตกต่าง ทำให้ได้รับความสนใจจากคน และสื่อสารได้ด้วยทางอ้อม 

     ฉากนี้สะท้อนเรื่องการสื่อสารได้เป็นอย่างดี ถ้าเราต้องการพูดให้คนอื่นเข้าใจ ต้องไม่พูดด้วยภาษาของเรา แต่ต้องเป็นภาษาที่คนฟังรับรู้และเข้าใจได้ ตอนหลัง เมื่อกลับมาที่ฝูง มัมเบิ้ลพูดว่าไปพบ Alien มาแล้ว จ่าฝูงก็ต่อต้าน และห้ามนกตัวอื่นๆ เต้นตามที่มัมเบิ้ลบอก แต่เพราะมัมเบิ้ลมีเพื่อนอย่างกลอเรีย และอีกหลายตัว  ที่เปิดใจ (open minded) รับฟัง และร่วมมือ รวมถึงพ่อที่มีความคิดฝังใจ มาตลอดรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้ลูกโดนขับออกจากฝูง ก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เพราะเห็นว่าที่มัมเบิ้ลพูดเป็นเรื่องจริง 

        ในที่สุดมัมเบิ้ลสามารถโน้มน้าวให้นกตัวอื่นเชื่อได้ เพราะ Alien มาปรากฎตัวให้เห็นจริงๆ แม้แต่จ่าฝูงก็ต้องยอมเต้นตามในที่สุด  ฝั่งมนุษย์ก็มีความตื่นตัวในความรับผิดชอบ ที่จะอนุรักษ์นกเพนกวินไว้ จึงรณรงค์เรื่องการงดจับปลาในแหล่งที่เป็นที่อยู่อาศัยของเพนกวินในแถบขั้วโลกใต้ (เชื่อมโยงกับเรื่อง Social Responsibility) 

ถ้าชอบก็ลองหามาดูนะคะ มันน่ารัก และมีสาระจริงๆ ค่ะ 

 

 

หมายเลขบันทึก: 146205เขียนเมื่อ 13 พฤศจิกายน 2007 19:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 16:39 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
  • ขอบคุณมากส้มที่เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง
  • เสน่ห์อยู่ที่คนเล่า
  • ชอมมาก
  • มันสะท้อนความเป็นจริงที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้
  • ผ่านนกแพนกวิน

สวัสดีค่ะ อ. Lin Hui

 P

ส้มดูหนังเรื่องนี้เกือบสิบรอบ ไม่รู้จักเบื่อ เพราะต้องยอมรับว่า คนที่ทำหนังเรื่องนี้ทำได้เนียนมาก เหมือนนกเพนกวินเป็นคนจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหว สีหน้า แววตาของนกตัวเอกแต่ละตัว

อยากจะบอกว่า คุณสมบัติของมัมเบิ้ล คือ คุณสมบัติของคนที่องค์กรเราอยากให้พนักงานเป็นค่ะ

ดีใจค่ะที่อาจารย์ชอบ อยากหารูปการ์ตูนนกเพนกวินมาใส่ไว้เหมือนกัน แต่ยังไม่ได้เลยค่ะ ฝากหมีแพนด้ากินใบไผ่มาเป็นของกำนัล อ. ครอบครัวหมีน้อยแพนด้าค่ะ

Bear_31

ขอบคุณค่ะส้ม ดูหนัง ดูละคร แล้วย้อนดูตัวเอง ก็จะพบอะไรที่ดีๆ ที่เขามีให้เราค้นหาเสมอ และสามารถนำเอาไปใช้ หรือหลีกเลี่ยงไม่ใช้ค่ะ  อยากให้คนไทยสัก 5% คิดเป็นก็พอจะทำให้ไทยเราอยู่รอดค่ะ  ชอบมากสำหรับรูปที่เอามากำนัลอย่างน้อยก็ได้เห็นหน้า Panda ผ่านบลอกนี้ค่ะ  อิอิ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท