ในช่วง 1 สัปดาห์ ที่ผ่านมามีข่าวคราวความเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างมากมายจนแทบตามไม่ทัน ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองย้ายพรรค ข้าราชการลงสมัครทางการเมือง การประกาศนโยบายต่างๆ แต่ที่ผมสะดุดหู สะดุดตามีอยู่ 3 เรื่องราว คือ
"คุณสมัครทะเลาะกับสื่อ "
"ปฏิกิริยาคุณชูวิทย์ต่อการได้เป็น partilist ลำดับที่2 "
และ"ปฏิกิริยาของคุณบรรหารต่อคุณชูวิทย์"
กรณีที่ 1 "คุณสมัครทะเลาะกับสื่อ"
<p> </p>
ท่านที่ตามข่าวคงจะได้เห็นปฏิกิริยาของคุณสมัครหลังจากที่ถูกสื่อมวลชนถามเกี่ยวกับเรื่องภายในพรรคพลังประชาชน โดยตามประสาสื่อมวลชนก็จะถามซอกแซก+เพื่อให้ได้เนื้อหามากที่สุด บางคนที่ถูกสื่อถามในเรื่องที่ไม่อยากตอบนัก บางคนรำคาญ หรือไม่บางคนก็โกรธแต่ก็ไม่แสดงออก บางคนเดินหนี ในกรณีคุณสมัครใช้ style โต้กลับด้วยถ้อยคำรุนแรง+ใช้การถามกลับว่าอยู่สำนักข่าวไหนและวาทะเด็ดที่ว่า “ถ้าผมถามกลับว่า .... อย่าหาว่า หยาบคายนะ เมื่อคืนคุณไปร่วมเมถุนกับใครหรือไม่ “
กรณีที่ 2 "ปฏิกิริยาคุณชูวิทย์ต่อการได้เป็น partilist ลำดับที่2 "
หลังจากที่คุณชูวิทย์ได้ลำดับ สส.บัญชีรายชื่อที่มีความเสี่ยงว่าอาจจะไม่สามารถเข้าสู่สภาได้ก็ออกโรงใส่คุณบรรหาร+พรรคชาติไทยและตามไปหน้าร้านช้อนเงินช้อนทอง ใช้วิธี "โชว์เมนูปลาไหล" กระทบกระเทียบโดยตรง
กรณีที่ 3 "ปฏิกิริยาของคุณบรรหารต่อคุณชูวิทย์"
ต่อเนื่องจากกรณีที่ 2 ที่เป็นคู่กรณีกับคุณชูวิทย์ คุณบรรหารเลือกวิธีเงียบสงบสยบความเคลื่อนไหว ไม่ตอบโต้ จนชูวิทย์หมดแรงไปเองและในขณะเดียวกันกับเรื่องว่าจะอยู่ขั้วไหน คุณบรรหารน่าจะลำบากใจที่จะฟันธง "เพราะประวัติเก่ามักจะแทงกัก" แต่ก็ต้องยอมทำตัวให้ชัดเจน
ผมได้เรียนรู้อะไรบ้าง?
ถ้าตอบโต้แบบคุณสมัคร คือใช้ความรุนแรง ปฏิกิริยาสนองกลับย่อมแรงตาม+สร้างความหนักใจให้เพื่อนร่วมพรรค (น้อยคนจะสะใจแต่ผลเป็นอย่างไรต้องดูตอนเลือกตั้ง)
ถ้าตอบโต้แบบชูวิทย์ผลคือ ความเชื่อถือของสังคมที่มีย่อมตกต่ำ
ถ้าใช้วิธีคุณบรรหารคือ ชี้แจงในเรื่องที่ต้องตอบ+เงียบเฉยในเรื่องที่ไร้สาระหรือตอบแล้วไม่เกิดประโยชน์ แต่อดีตที่มีจุดยืนว่าชอบเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ตามมาหลอกหลอน อันนี้เขาเรียกว่ากรรมเก่าครับ :)
คนเราเวลาที่ไม่ได้ดังใจ ส่วนใหญ่ก็จะมีปฏิกิริยาตามนิสัยของตนเอง คนที่ควบคุมตนเองได้น้อยก็มักจะเกิดความเสียหายมากกว่า สิ่งผมได้ก็คือ " ระลึกไว้เสมอเวลาที่เจอสิ่งยั่วยุ มีสติ ไม่โต้ตอบเร็วเกินไป อดทนได้ก็จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีครับ"
แล้วท่านผู้อ่านเวลาเจอความขัดแย้งชอบใช้วิธีไหมครับ ?
</font></span>
ก็โตๆ กันแล้ว น่าจะใช้เหตุผล คุยกันได้
ยิ่งเป็นนักการเมืองด้วย ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร ครับ
เวลาทะเลาะกัน ใครนิ่งที่สุดชนะครับ
ดูหนังดูละครแล้วย้อนดูตัว ยิ้มเยาะเล่นหัวเต้นยั่วเหมือนฝัน...
พระนิพนธ์ของกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์
สวัสดีครับ
คุณ คนไม่มีราก เราสามารถเรียนรู้กับชีวิตประจำวันได้เสมอ ขึ้นอยู่กับใจเราจะมองประสบการณ์ต่างๆ แบบไหน วิบากกรรม หรือ ประสบการณ์
สวัสดีค่ะคุณหมอโรจน์ที่เคารพ
เรื่องที่คุณหมอสะท้อนให้พวกเราได้อ่านนี้ สมควรได้เก็บเป็นประสบการณ์/บทเรียนไว้สอนใจ
คนไม่มีราก ถูกสอนเสมอว่า...คนเก่งต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ (อาจเป็นของตนเองหรือผู้อื่น) แต่คนฉลาดจะเรียนรู้จากบทเรียนของผู้อื่น
เสียดายที่ผ่านมาไม่เคยปฏิบัติตัวตามที่ถูกสอนมาเลยค่ะ... เพราะชอบทะเลาะกับคนที่มีความเห็นไม่ตรงกับตัวเองเป็นประจำ หนักๆ เข้าเอ๊ะ...เรานี่น่าจะอยู่ในสังคมยากนะ ช่างมีความเห็นแตกต่างกับผู้คนอยู่เรื่อย ๆ ต้องพิจารณาตัวเองแล้ว
ก็มากระตุกใจ...ตรงพระนิพนธ์ของกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ...ที่ทะเลาะกันก็เพราะความเห็นไม่เหมือนกัน ถือไม้บรรทัดคนละอัน มาตรวัดคนละอย่าง จะให้เห็นเหมือนกันได้อย่างไรกันเล่า...เออนะ เล่นหนังเล่นละครอยู่นานเชียว ตอนนี้กลับมาย้อนดูตัวเอง (คงเรียกว่า ตรวจสอบตน ได้) ก็เลยขำ ๆ เกิดเมตตาทั้งตัวเองและผู้ที่ไปทะเลาะด้วย
...ตอนนี้เจอที่ไม่ถูกใจ...ก็อมยิ้มไว้ก่อน...รอจังหวะเหมาะ ๆ แล้วค่อยกระโดดลงไปเล่น จะได้ไม่เหนื่อย ไม่ทำร้ายตัวเองและคนอื่นมากเกินไปไงคะ.
เห็นด้วยครับ