วันอังคาร
เห็นการทำงานจัดสวน คนสวนเอากรรไกรตัดแต่งพุ่มไม้เพื่อให้เป็นพุ่ม-แถวให้สวยงาม คิดว่าช่วงบ่ายเขาคงมากวาดกิ่งไม้ ยอดไม้ใบไม้ที่ตัดแต่งแล้ว แต่ความจริงไม่เป็นอย่างที่คิด เขาตัดอย่างเดียว วันรุ่งขึ้นใบไม้อยู่บนพุ่มเริ่มแห้งเหี่ยว ใบและกิ่งไม้ที่ตกอยู่รอบพุ่มไม้ที่ตัดก็แห้งเหี่ยวอยู่บนหญ้ารก(เพราะไม่ได้ตัดมาประมาณ ๒ เดือน)
วันพฤหัส
คนสวนที่ทำหน้าที่ตัดหญ้า มาตัดหญ้าพร้อมเครื่องตัดหญ้า ๒ เครื่อง แบบสะพาย กับแบบรถเข็น คนที่ตัดแบบรถเข็นตัดหญ้าบนพื้นที่กว้าง คนที่ตัดแบบสะพายตัดตรงพื้นที่ที่เครื่องตัดหญ้าแบบรถเข็นเข้าไม่ถึง สังเกตเห็นคนตัดหญ้าใช้เท้าเขี่ยกิ่งไม้ใบไม้ที่คนตัดแต่งพุ่มไม้ตัดทิ้งไว้ ผมเดาใจว่าคนตัดหญ้าคงคิดในใจว่า ถ้าไม่มีกิ่งไม้ใบไม้ คงตัดหญ้าง่ายกว่านี้ แต่เขาก็เก็บกิ่งไม้ใบไม้ จนหมดแล้วจึงตัดหญ้า สายๆ คนกวาดกิ่งไม้ใบไม้ ตามมากวาด กวาดเสร็จกองไว้เป็นหย่อมๆ คิดว่าช่วงบ่ายคงมาเก็บ แต่เปล่า มาเก็บอีกสัปดาห์ครับ
คุยแลกเปลี่ยนทัศนะกับเพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อนให้ข้อคิดดีครับ อุปมาดุจซักผ้าเสร็จโดยไม่ต้องตาก การทำงานในสมัยใหม่ใช้วิธีการพยายามทำงานให้เสร็จด้วยผู้บริการที่น้อยที่สุด หรือภาษาปะกิด เรียก One Stop Service ครับ หน่วยงานแถวหน้าที่นำเรื่องนี้มาใช้จนบังเกิดผลดี คือ ธนาคารกสิกรไทย โดยผู้บริหารที่ชื่อ บัณฑูร ล่ำซำ ซึ่งปีแรกที่ท่านเอาระบบนี้มา Re-Engineering ธนาคารกสิกรไทย ได้รับรางวัลธนาคารดีเด่นแห่งปี ถ้าจำไม่ผิดประมาณปี ๒๕๓๕-๓๘ ประมาณนั้น
จากการตัดหญ้าได้พื้นที่ 10 หน่วย ใช้เวลาเต็มที่ 6 หน่วย เปลี่ยนวิธีการให้ถ้าตัดหญ้า / ตัดแต่งกิ่งไม้ ได้พื้นที่ 7 หน่วย ใช้เวลาเต็มที่ 4 หน่วย เผื่อเวลา ไว้สัก 2 หน่วย เก็บกวาดให้เสร็จจะดีกว่าไหม สวนก็จะสวย งานก็เสร็จเรียบร้อย ที่เหลือวันหลังค่อยมาทำต่อให้เสร็จ ตัดหญ้าเสร็จแล้วหมกเหมือนกับอุปมาที่ว่า ซักผ้าเสร็จแต่ยังไม่ตาก แล้วจะนับว่าซักผ้าเสร็จได้อย่างไร
ไม่มีความเห็น