1. เครือข่ายวัดป่ายาง จ.นครศรีฯ
2. เครือข่าย กทบ.กะหรอ จ.นครศรีฯ
3. องค์กรการเงินชุมชน อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎ์ธานี
4. เครือข่ายสินแพรทอง จ.พัทลุง
5. สมาคมสวัสดิการภาคประชาชน จ.สงขลา
ซึ่งทาง ศูนย์บริการวิชาการ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ภายใต้โครงการวิจัยและพัฒนาองค์กรการเงินและระบบสวัสดิการชุมชนโดยได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจาก สกว. จัดขึ้น รวมเวลา 1 วันและ 1 คืน เต็มๆ ที่ทั้งหมดร่วมกันทำกิจกรรมต่างๆด้วยกัน กิจกรรมหลักๆ ประกอบด้วย
กิจกรรมสานสัมพันธ์.......สร้างความรู้จักและพูดคุยกันในเบื้องต้น
กิจกรรมชมภาพยนตร์เกาหลี “เสียงกู่จากครูใหญ่”.......ยังคงสร้างความประทับใจและกระชากแรงบันดาลใจของใครหลายๆ คน ออกมาได้ดีเช่นเดิม แม้ว่าบางท่านจะได้รับชมไปบ้างแล้วก็ตาม
กิจกรรมการนำเสนอของแต่ละเครือข่าย ในประเด็นกระบวนการและผลการบริหารงาน(ความสำเร็จ+อุปสรรคและการแก้ไข)และประเด็นการขยายงาน เมื่อฟังครบทุกกลุ่มแล้ว ก็นำเอามา “สรุปบทเรียน” เพื่อประเมินการทำงานของแต่ละเครือข่ายที่ผ่านมาและเป้าหมายต่อไป.....กิจกรรมนี้ยาวนานพอสมควร พอทานมื้อเย็นกันเสร็จก็มาจับเข่าคุยกันต่อจนเวลาล่วงเลยไปจนเกือบจะเที่ยงคืน เรียกว่าใช้เวลากันคุ้มค่ามากๆค่ะ
เช้าวันต่อมากิจกรรมแรกหลังจากที่รับประทานอาหารเช้าเสร็จคือ กิจกรรมหาแนวทางการขับเคลื่อนเครือข่าย แล้วให้ออกมานำเสนอ ซึ่งเราแบ่งออกเป็น 2 ห้องดังนี้ค่ะ
- เครือข่ายวัดป่ายาง ซึ่งมีสมาชิกกว่าครึ่งหนึ่งของผู้เข้าร่วมสัมมนาครั้งนี้ จัดทำแผนการขับเคลื่อนเครือข่าย เพราะได้ออกแบบแนวทางของเครือข่ายไว้คร่าวๆ ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ครั้งนี้ต้องการให้ได้แผนที่จะนำไปปฏิบัติได้เลย โดยมีคุณภีม ภคเมธาวีร่วมสนับสนุนกระบวนการอยู่ด้วย
เครือข่ายวัดป่ายางร่วมกันออกแบบแนวทางพัฒนาองค์กร โดยแบ่งฝ่าย/คณะทำงาน ออกเป็น 4 ฝ่าย คือพัฒนาองค์กร ธุรกิจ สวัสดิการ และศูนย์ฝึกอบรม……และในรายละเอียดอื่นๆ อีกเยอะ ค่ะ- เครือข่ายอื่นๆ ทั้ง 4 เครือข่าย ร่วมกันวิเคราะห์ แนวทางที่จะขับเคลื่อนเครือข่าย โดยให้ตอบโจทย์ที่ถามเกี่ยวกับความคาดหวังของทุกเครือข่ายไปว่า
1. “สู่ความเข้มแข็งอย่างแท้จริง เป็นอย่างไร” คือจะต้องเกิดการบูรณาการทุนทั้ง 7 ด้านคือ คน ภูมิปัญญา วัฒนธรรม ธรรมชาติ เวลา แรงงานและเงินโดยต้องมีการบริหารและจัดการที่ดี
2. แนวทางที่จะเอาไปใช้กับเครือข่ายของตนเอง
- กะหรอ จะนำแนวคิด “สภาผู้นำ” ของเครือข่ายพัทลุงไปใช้กับเครือข่ายตนเอง- สินธุ์แพรทอง เน้นย้ำเรื่องแปลนที่ชัดเจนของเครือข่าย กระบวนต้องเข้มแข็ง การเงินเพื่อการพัฒนา และสำคัญคือต้องมีตัวชี้วัด3. การเชื่อมโยงระหว่างเครือข่าย กระบวนการที่จะหนุนช่วยระหว่างกัน
สิ่งที่ได้ถูกเสนอก็คือ กะหรอ-อยากให้ทำเป็นเอกสารแลกเปลี่ยนกันอ่านโดยมี ทีม ม.วล. เป็นแหล่งศูนย์กลางประสานงานให้ สงขลา-ผลักดันให้เกิดการสร้างธุรกิจร่วมระหว่างเครือข่าย สุราษฏร์-อยากให้เกิดการดูงาน ลงพื้นที่เยี่ยมกลุ่ม โดยมุ่งเน้นให้เกิดการเกาะกลุ่มเครือข่าย กันอย่างหลวมๆ ไม่ตึงจนเกินไป เพราะต่างก็ถูกผูกมัดด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง เชื่อว่าเชื่อมกันอย่างหลวมๆ จะทำงานด้วยกันง่ายกว่า สิ่งสำคัญคือต้องพัฒนาตัวเราเองก่อนให้พร้อมก่อน แล้วค่อยนัดที่จะหนุนเสริมระหว่างกัน โดยได้แลกเปลี่ยนที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ระว่างกันไว้เพื่อ คอยส่งข่าวและนัดแนะเพื่อไปศึกษาดูงานระหว่างกันและกัน ตามโอกาส ความพร้อมและความเหมาะสมของแต่ละสภาพพื้นที่หลังจากรับประทานอาหารกลางวันกันเสร็จกิจกรรมสุดท้ายก็คือ “การดูแลและใช้ชีวิตอย่างปกติเมื่อเข้าสู่ผู้สูงวัย”โดยวิทยากรจากคณะสหเวชศาสตร์และสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ อ. เพียงจันทร์ เศวตศรีสกุล ร่วมให้ความรู้ก่อนปิดการสัมมนา
ตลอดการสัมมนาเรามีผู้เข้าร่วมการสัมมนาจากเครือข่ายทั้ง 5 พื้นที่ 82 คน(เครือข่ายวัดป่ายางส่งผู้เข้าร่วมสูงที่สุด คือ 55 คน) นอกจากนี้ยังมีผู้สังเกตการณ์ อีกประมาณ 12 คนที่ลงชื่อไว้ ทั้งหมดเป็นบรรยากาศการจัดสัมมนาครั้งนี้ค่ะ บางส่วนอาจขาดรายละเอียดไปบ้าง เพราะต้องออกไปเตรียมนู่นนี่นั่น อยู่เป็นบางครั้ง คาดว่าเมื่อได้ทำการรวบรวมและเรียบเรียงข้อมูลแล้วก็จะประเมินผลการสัมมนาครั้งนี้ได้ค่ะ
ไม่มีความเห็น