การไม่เป็นหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ


          สมัยนานมาแล้ว มีแต่คนพูดว่า การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ แต่ยุคสมัยนี้ กลับตรงกันข้ามกัน

         

         หลาย ๆ คน ต่างมุ่งหน้าเสาะแสวงหา ปัจจัย 4 เพื่อการอุปโภค บริโภค แต่นับวันภาวะเศรษฐกิจรัดตัว ต้องเพิ่มปัจจัยที่ 5 ,6 ตามมา ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกของตน

         สมัยนี้ทุกคนต่างพูดว่า "การไม่เป็นหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ"เห็นจะจริง เพราะนับวันทุกคนต่างมีภาวะเครียดมากขึ้น  เห็นจากหน้าหนังสือพิมพ์  เราอ่านข่าวพบภาวะการฆ่าตัวตาย สถิติสูงขึ้นทุกปี  ทุกคนเคร่งเครียด ต้องแสวงหาสิ่งฟุ่มเฟือยตามมา เพื่อสนองตอบต่อตัณหา ความต้องการไม่มีที่สิ้นสุด เพราะเราไม่ใช้เศรษฐกิจแบบพอเพียงตามที่พ่อหลวงสอนไว้

        ถ้าเรารู้จักพอประมาณ พอเพียง มีภูมิคุ้มกันทั้งใจ และกาย แค่นี้เราก็คงไม่ต้องกลุ้มกับหนี้สินกันต่อไป จริงไหมหนอ

 

หมายเลขบันทึก: 144458เขียนเมื่อ 5 พฤศจิกายน 2007 23:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มิถุนายน 2012 11:31 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
  • เห็นด้วยอย่างยิ่งคะ..แต่คนสมัยนี้มักเอาเงินในอนาคตมาใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยนะคะ
  • แวะมาขอบคุณที่ไปเที่ยวต่างดาวด้วยกัน
  • ยานดิสคัพเวอรี่ลงจอดวันนี้คะ
  • ชิงกลับมาก่อน
  • เพื่อเยี่ยมเยียนสมาชิกคะ
           อยากไปเที่ยวด้วยคนคะ ขอบคุณกับการติดตามนะคะ หลายคนพูดว่า "คนไม่มีหนี้ ไม่รู้รสชาดของชีวิต" และ " เหมือนกินข้าว ไม่ได้กินกับ" อันนี้เป็นเหตุผลของแต่ละบุคคล ที่ห้ามคิดกันไม่ได้ อันนี้เห็นจะจริง ไม่งั้น เราทั้งโลกคงรวยกันหมดแย้ว

เป็นนโยบายที่ส่งเสริมการประหยัดดีทีเดียว

สวัสดีครับ

สุขสดใสในวันหยุดครับ

rainalone

นโยบายดีคะ

แต่ทำไม่ค่อยได้ เพราะทุกคนไม่รู้จักคำว่าพอ เหมือนที่ว่า "คนจน จนไม่เลิก คนรวย รวยไม่เสร็จสักที" เมื่อนั้นย่อมมีการเบียดเบียนตามมา

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท