หลังจากหายหน้าหายตาไปนาน
เนื่องจากต้องทำงานค่อนข้างหนัก
เพื่อเคลียร์งานให้เสร็จจะได้สรุปเป็นรายงานความก้าวหน้าในช่วง 3
อาทิตย์ที่ผ่านมา วันนี้นำเสนอผ่านไปแล้ว
รู้สึกตัวเบาขึ้นมาเยอะ
ที่จริงก็เห็นมานานพอสมควรว่าระบบในการสั่งซื้อของที่นี่แตกต่างจากบ้านเราพอสมควร
ที่บ้านเราถ้าจะซื้ออะไรก็ต้องเขียนใบสั่งซื้อ
ส่งให้หน่วยพัสดุทำเรื่องขอจัดซื้อ กว่าจะติดต่อ กว่าจะขอใบเสนอราคา
ทั้งๆของที่ต้องซื้อมันเป็นของที่ต้องใช้และสั่งซื้อเป็นประจำ
ก็ยังไม่วายต้องขอใบเสนอราคา กว่าจะให้บริษัทส่งของ
และต้องตรวจรับของก่อนถึงจะเบิกออกมาใช้ได้ .....รับรองเหงือกแห้งพอดี
แต่ว่าอะไรไม่ได้ก็นี่เป็นระบบราชการ
ที่สงสัยก็ไม่ให้ถามแต่ให้ทำตาม
มาดูระบบของที่นี่กันดีกว่า
เมื่อไหร่ที่คุณอยากจะสั่งซื้อของ
คุณก็ไปเขียนที่สมุดสั่งซื้อโดยบันทึกว่าต้องการซื้ออะไร ระบุ Catalog
no ด้วย จากบริษัทไหน จำนวนเท่าไร ใครเป็นคนขอสั่งซื้อ แล้วก็นั่งรอ
ว่างๆจะมีเซลใส่สูตรผูกไทด์เข้ามารับออร์เดอร์อาทิตย์ละสองวัน
ตอนที่เซลเข้ามาก็ไม่ต้องพูดพล่ามกับใคร
ก็แค่เข้ามาเปิดดูสมุดที่สั่งของว่ามีรายการสั่งของตัวเองหรือไม่
ถ้าไม่มีก็ปิดสมุดกลับบ้านไป หรือไปหาออร์เดอร์ที่ใหม่
แต่ถ้ามีก็จดรายการไปว่าเป็นรายการอะไร
แล้วบันทึกในสมุดว่ารับออร์เดอร์ไปแล้ววันที่เท่าไร
บ่ายวันนั้นหรือวันรุ่งขึ้นก็ส่งของมาได้เลย พร้อมใบนำส่ง
โดยให้คนในแล็บเซ็นรับว่าได้รับของแล้ว
และบันทึกในสมุดสั่งซื้อว่าได้ส่งของแล้ววันที่เท่าไร
เก็บใบนำส่งใส่แฟ้มเพื่อทำเรื่องจ่ายเงิน
ทั้งกระบวนการนี้ใช้เวลาอย่างเร็วประมาณครึ่งวัน อย่างช้าประมาณ 1
อาทิตย์ ค่าเฉลี่ยส่วนใหญ่อยู่ที่ 2-3 วัน คนในแล็บก็ได้ใช้ของสมใจ
ส่วนเรื่องการเก็บเงิน....ไม่รู้ อันนี้อยู่นอกเหนือความสามารถ
มีอีกวิธีการหนึ่งในการสั่งของคือสั่งซื้อทาง Internet ได้แก่พวก
primer เป็นต้น ระบุรายละเอียดไปว่าต้องการ sequence แบบไหน
จำนวนเท่าไร แล้วนั่งรอได้เลย
วันรุ่งขึ้นของดังกล่าวก็จะมาวางอยู่ตรงหน้า
ที่บ้านเราก็มีระบบนี้แล้วเหมือนกัน แต่กว่าจะได้รับของประมาณ 1-4
อาทิตย์ ก็เหงือกแห้งพอกัน
ผมไม่รู้ว่าทำไมขั้นตอนในการสั่งซื้อของบ้านเราต้องทำให้ซับซ้อน
เพียงแต่กระบวนการที่ซับซ้อนมันมีต้นทุนที่สูงขึ้น
นั่นหมายความว่าเราต้อง stock ของให้เพียงพอต่อกระบวนการจัดซื้อ
สิ่งนี้ในทางเศรษฐศาสตร์ถือเป็นต้นทุน มีค่าใช้จ่ายจริง
มีค่าเสียโอกาส
ในขณะที่การจัดการให้ขั้นตอนการสั่งซื้อยุ่งยากซับซ้อนน้อยลง
ทุกฝ่ายจะได้รับผลประโยชน์มากขึ้น ผู้ใช้ก็ไม่จำเป็นต้อง stock
ของไว้มากนัก ต้นทุนในการบริหารจัดการก็จะลดลง
เฮ้อ! เมื่อไหร่บ้านเราจะ just in
time กับเขาเสียที