คนรู้ใจ
นาย ธนัฐตรัยภพ ลางคุลานนท์

บทที่ 1 การเพิ่มรายรับ จากรายจ่าย


การสร้างโอกาสให้ชีวิต เพิ่มรายรับ จากรายจ่าย

บทที่ 1 การสร้างโอกาสให้ชีวิต โดย การเพิ่มรายรับ จากรายจ่าย

          ข้อคิดเห็นส่วนตัวนี้ เกิดจากประสบการณ์ในชีวิตของผม นำเสนอต่อสาธารณะชนเพื่อท่านได้ใช้วิจารณญาณ เลือกเก็บเกี่ยวสิ่งที่เป็นประโยชน์ แก่ตนและครอบครัว เนื้อหามีดังนี้ครับ

          โดยทั่วไป เราเกิดมาต้องกินต้องใช้ ตั้งแต่ยังไม่มีรายได้ก็ต้องบริโภคแล้ว แต่คนที่ดูแลเรา คือพ่อแม่ผู้ดูแลผู้ปกครอง เป็นคนจ่ายเงินซื้อหามาให้เราบริโภค เพราะเรายังไม่มีรายได้นั่นเอง

           เมื่อเราเติบโตขึ้น มีงานทำ มีรายได้ เราจึงจับจ่ายเงินซื้อหาบริโภคด้วยตัวเราเอง เราจะพบว่า ผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นต้องใช้ประจำวัน ใช้แล้วหมดไป เช่น สบู่ แชมพู ยาสีฟัน ผงซักฟอก ฯลฯ เหล่านี้ ต้องใช้เป็นประจำทุกเดือน  ตัวผมเป็นข้าราชการ มีเงินเดือนเป็นรายรับ เมื่อรับเงินเดือนมาแต่ละเดือน ก็นำมาซื้อใช้บริโภคเหมือนบุคคลอื่นเหมือนครอบครัวอื่นทั่วไป

          เมื่อใช้จ่ายไปทุกๆเดือน ก็มีความเคยชิน ชินมากจนคิดว่ากลายเป็นรายจ่ายประจำที่ไม่มีโอกาสหยุดจ่ายได้ วันหนึ่งในปี พ.ศ.2530 มีคนมาชวนทำธุรกิจขายตรง ผมไม่คุ้นเคยงานขาย เคยแต่ทำงานราชการ ก็ไปฟังเขาพูดเรื่องธุรกิจ เป็นครั้งแรกที่เริ่มเปิดใจเรียนรู้ทำมาหากินที่ไม่ใช่เงินเดือน หลังจากนั้นก็มีหลากหลายธุรกิจตามมา

          ข้อค้นพบสำคัญคือ สินค้าที่เราบริโภคผ่านมาหลายชั้นหลายขั้นตอน(ขายส่ง ขายปลีก) กว่าจะมาถึงเรา บวกราคาขึ้นไปจากค่าการผลิตมากมาย ที่สำคัญคือค่าโฆษณา ยกตัวอย่างสบู่อย่างหนึ่งเป็นสินค่าที่มูลค่าผลิต 10 บาท มาถึงเราอาจกลายเป็นสบู่ 45 บาท ทำนองนี้  ในส่วนธุรกิจขายตรงจึงตัดขั้นตอนนี้ แต่เราต้องติดต่อซื้อกับแหล่งผลิตหรือแหล่งกำเนิดสินค้าโดยตรง ทำได้ด้วยการสมัครเป็นสมาชิก ในการขายตรงหลายชั้น จะสามารถแนะนำเพื่อนมาประหยัดรายจ่ายได้แบบนี้ด้วย ซึ่งเราจะได้มูลค่าการตลาดกลับมาจากการแนะนำเพื่อใช้ เรียกว่า แทนที่จะจ่ายเงินค่าการตลาดไปกับโฆษณา ขายส่ง ขายปลีก เราก็รับเงินส่วนนี้ไว้ซะเอง นี่คือแนวคิดรวบยอดของคำว่า ขายตรงหลายชั้น(Multi Level Magetting:MLM.) ผลที่ติดตามมามีทั้งความดีและความไม่ดี

           ความดีคือเราได้เงินมาเป็นกอบเป็นกำ(สำนวนนี้หมายถึงมีเงินเข้าในบัญชีเราเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับเงินเดือนประจำ)  ส่วนเสียคือความไม่ดี พบว่า บางคนเอาไปทำผิดจรรยาบรรณธุรกิจขายตรง เช่น ยัดเยียด ขายลดราคา ตัดราคา เอาไปเป็นของแถม แยกผสมบรรจุเองไม่มาตรฐาน ไม่รู้จักกาลเทศะในการนำเสนอ  ผลคือ ทำให้คนที่มีจรรยาบรรณพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย

          มาถึงตอนนี้อาจมีหลายท่านได้เคยเข้าไปศึกษามาแล้ว ลองทำดูแล้ว มีบ้างที่ประสบความสำเร็จ คือได้เงิน ได้เพื่อน และมีบ้างที่ไม่ประสบความสำเร็จ และอาจมีที่ล่มจมไปเลย นี่คือความจริง ผมขอเฉลยปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จ/ความล้มเหลว ในประสบการณ์ตรงคือ

          1.ทำงานกับคนดี  คนไม่ดีจะหมายถึงคนหลอกลวง คดโกง มาชักชวนไปทำงานขายตรงหลายชั้น ทำให้เราเสียหาย แบบนี้พิสูจน์ได้คือป้องกันไม่ให้เจอคนประเภทนี้ได้  จึงต้องทำงานกับคนดี คุณสมบัติคนดีในMLM.คือ ต้องเป็นบุคคลที่แสดงตัวชัดเจนว่ามีที่อยู่ที่ทำงานมีผลงานย้อนหลังให้พิสูจน์ได้ชัดเจน ไม่ใช่ยกยอกันแต่ในกลุ่ม โทรไปถามที่สำนักงานก็ไม่มีตัวตนประวัติพอจะเชื่อถือได้ ตรงนี้สำคัญครับ ต้องดูให้ดีว่าดั้งเดิมเขาอาชีพอย่างไร จริงเพียงใด พิสูจน์กันมาอย่างไร   ในที่ประชุมMLM.มักมีแต่พวกพ้องเดียวกันกับเขานะครับ เราต้องหาทางโทร.ไปสอบถามคนที่เขาอ้างถึงสักจำนวนหนึ่งจนแน่ใจว่าเขาไม่ใช่คนจะมาหลอกลวงเรา ถ้าไม่อ้างเลยอย่าไปทำกับเขานะ  โดยทั่วไปถ้าเป็นข้าราชการก็สอบถามง่าย ถ้าทำเอกชนหรือส่วนตัวอันนี้คงต้องเลียบเคียงถามกับเพื่อนๆที่เขาก็ชักชวนมาเหมือนเราหรือพร้อมๆกับเรา สรุปข้อนี้คือ เลือกทำงานกับคนที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นคนดี(จากการสอบถามประวัติหลายๆแหล่งเปรียบเทียบกัน)

          2.ทำงานกับบริษัทหรือองค์การที่มั่นคง  องค์การที่ไม่มั่นคง หรือเพิ่งเปิดตัวแบบฉุกเฉิน หรือมีที่มาไม่แน่นอน หรืออยู่ต่างประเทศ อ้างว่ามีคนไปดูมาแล้วใหญ่โตจริงๆทำนองนี้  ตรงนี้ดูง่ายครับว่าบริษัทดีไหม ดูที่จดทะเบียนในประเทศไทยครับ เพราะอย่างน้อย สคบ.(คุ้มครองผู้บริโภค)ตรวจมาแล้วชั้นหนึ่ง หรือเลือกในกลุ่มที่มีคนทำสำเร็จผลดี มีชื่อเสียงดีมานานหลายปีก็ได้ โอกาสเสี่ยงน้อยลงครับ ส่วนการที่มีบริษัทยิ่งใหญ่เปิดตัวในต่างประเทศ ต้องการขยายเครือข่ายมาในประเทศไทยนั้น โปรดทราบครับว่า ลักษณะการประกอบการบางอย่างอาจไม่ถูกต้องตามกฎหมายไทย หรือเทคโนโลยี หรือปัจจัยพื้นฐาน(Infra structure)ยังไม่เกื้อกูลที่จะทำให้สำเร็จในประเทศไทย การโอนเงินออนไลน์ข้ามประเทศกับผู้ประกอบการที่ไม่ได้รับการยอมรับจากการกำกับดูแลจากกฏหมายไทยจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ข้อนี้สรุปว่าควร เลือกบริษัทหรือองค์การที่มั่นคง มีฐานที่มั่นในไทยมานานไว้ก่อน(อย่างน้อยก็ติดตามง่าย....ก็อยู่ในประเทศไทย) ดีกว่าเสี่ยงเป็นแถวหน้าของกิจการใหม่จากต่างประเทศ(ตามยากถ้าเกิดบิดพลิ้วอะไรมา)  

          3.มีแผนการตลาดดี เราต้องศึกษาแผนการตลาดครับว่า สัดส่วนที่จ่ายออกไปกับสัดส่วนที่รับเข้ามาเป็นอย่างไร หรือตำแหน่งต่างๆคงสภาพแน่นอนเพียงใด (บางบริษัท/องค์กร ตำแหน่งขึ้นแล้วลดลงได้ ตามยอดขายยอดหรือบริโภค บางแห่งขึ้นตำแหน่งแล้วขึ้นเลย ยอดรวมได้แค่ไหนก็จ่ายไปตามนั้น ซึ่งจะดีกว่าแบบแรกครับ) ตรงนี้ควรเปิดใจดูให้ดี บางแห่งเปิดมานาน มีคนสำเร็จมากก็ใช่ว่าจะดีสำหรับท่านนะครับ เพราะมันอาจเริ่มทำยากเพราะแผนการตลาดไม่เอื้ออำนวย ประเภทว่าทำยอดเดือนนี้ 3000 ได้โบนัส 3% เดือนต่อมีไปยอดต่ำกว่า3000 ไม่ได้เงิน แบบนี้เรียกว่าแผนไม่ดีพอ แผนที่ดีเมื่อได้ 3%แล้ว เดือนต่อไปแม้ว่ายอดไม่ถึง3000ก็จะต้องได้รับ3%จากผลรวมที่ทำได้ เช่นทำได้2000ก็ต้องจ่ายเรา3%ครับ ถึงจะดีจริงสำหรับเรา(ไม่สะสมจะดีสำหรับบริษัทครับ)  และดูยอดมูลค่ารวมว่า เครือข่ายทั้งหมดที่เราสร้างขึ้นมาจ่ายเงินเข้าบริษัทไปเท่าใด แล้วเครือข่ายเราได้เท่าใด อันนี้สำคัญครับ บางแห่งคำนวณแล้วเราทำยอดกลุ่มซื้อเข้าไป 10 ล้าน จ่ายมาทั้งหมดไม่ถึงล้าน ก็ไม่น่าทำ หรือมาอีกแบบจ่ายมากๆแต่ไม่น่าเป็นไปได้ พวกนี้มักเป็นพวกMoney Game(มันนี่เกมส์)ไม่ใช่MLM เช่น จ่ายเงินลงทุน 1000 บาทซื้อข้าวสาร อีกรอบ20วันบริษัทเอาไปทำหมี่ขายกำไรดี จึงตอบแทนเงินได้เงินกลับมา2000 แบบนี้ต้องระวังครับ รายได้ผิดธรรมชาติมักเป็นพวกระดมทุนมาจ่าย เป็นการหลอกลวงประชาชนด้วยซึ่งผิดกฎหมายฟอกเงิน เลือกพิจารณาตรงนี้ด้วย ข้อนี้สรุปว่าดูที่แผน มีการตอบแทนคืนแก่พวกเราคนทำมากที่สุดและมีความเป็นไปได้ครับ

            4.ค่าสมัครต้องไม่แพงหรือไม่มีค่าสมัครครับ ถึงเรียกว่าดี บางแห่งยังมาเอาค่าต่อสมาชิกภาพรายปีอีกด้วย เลือกเอาครับ เขาบอกว่าเป็นค่ายี่ห้อของเขา หมายถึงว่าถ้าเราทำเป็นชื่อเราจะไม่มีใครมาบริโภคกับเรา ท่านครับแล้วใครไปนำเสนอสินค้าครับ ไม่ใช่ทำปั๊มน้ำมันจะต้องได้มาตรฐานยี่ห้อระดับโลกคนถึงจะมาเติม.....MLM.ที่เป็นมาตรฐานนั้นท่านเลือกเอาที่เหมาะสมและประหยัดจะดีกว่าหรือไม่กับการเริ่มต้นและขยายเครือข่าย และประเด็นการต่ออายุสมาชิกภาพก็ต้องดู ต้องไม่แพง และไม่ขายพ่วงสินค้าอื่น บางบริษัทเอาค่าสมัครบวกกับค่าประกันก็มี แบบนี้ไม่อิสระและจ่ายมากถึงการประกันจะดีก็ควรเป็นของสมนาคุณ ไม่ใช่บังคับต้องสมัครต้องจ่าย (ยกเว้นประกันของเสียหายในบางกรณีที่สมควรเช่นต้องเอาอุปกรณ์สาธิตของบริษัทเขามาด้วย เครืองละหลายเงิน แบบนี้ก็เห็นใจบริษัท)    และจำเป็นต้องมีการหมดอายุเพื่อให้มีโอกาสเปลี่ยนสายงานที่จำเป็นต้องเปลี่ยน ไม่ใช่ล็อกเอาไว้ตลอดชีวิตไม่ตายเปลี่ยนไม่ได้อย่างนี้เห็นแก่ตัวไม๊ ควรมีระบบเงื่อนไขที่ให้อิสระในการเปลี่ยนสายงานกับคนทำตามสมควร  สรุปข้อนี้คือ ค่าสมัคร ค่าต่อสมาชิกภาพ ถ้ามีต้องไม่แพงและมีความยืดหยุ่นพอดีพอควร

            5.สินค้าต้องจำเป็นแก่การบริโภคประจำวันครับ มีแต่เสริมอาหาร หรือดื่มเพื่อสุขภาพอย่างเดียวไม่ควรเลือกครับ เพราะควรเอาเงินไปซื้ออาหารหลักมารับประทาน ไม่ใช่กินอาหารเสริมแล้วคิดว่าดีนะครับ เสริมจะดีถ้าร่างกายย่อยหรือดูดซึมไม่ดีเช่นในภาวะเจ็บป่วย อย่างนี้ต้องเสริมครับ หมอหลายคนไม่ยอมรับอาหารเสริม แต่จากประสบการณ์ผม คนที่เจ็บป่วยได้กินอาหารเสริมจะฟื้นตัวเร็ว  คนที่กินอาหารไม่ครบหมู่ปริมาณไม่ครบถ้วน อย่างนี้ก็ต้องกินเสริมถ้ามีเงินซื้อ สรุปว่าอาหารเสริมสำคัญแต่ต้องไม่ใช่มีแต่อาหารเสริม ต้องมีผลิตภัณฑ์บริโภคทั่วไปอยู่ด้วย เพราะอย่างที่บอกแต่ต้น กินอาหารหลักดีกว่า และซื้อของบริโภคตามจำเป็นเช่นสบู่ยาสีฟันผงซักฟอกพวกนี้

             บางบริษัทคิดได้ดังนี้ ไปเอาพวกข้าว กะปิ น้ำปลา ปลากระป๋อง บะหมี่สำเร็จรูป มาขายด้วย ขอเตือนว่าสินค้าเหล่านี้จำเป็นต่อการบริโภคทั่วไปก็จริงครับ แต่หาซื้อได้ทั่วไปไม่จำเป็นต้องซื้อกับศูนย์จำหน่ายหรือคลังสินค้า หรือมาซื้อกับเรา นิสัยคนไทยชอบสะดวกต่อไปก็จะไม่สำเร็จครับ อย่าลืมนะครับ สิ่งใดมีที่ร้านชำหรือร้านสะดวกซื้อทั่วไป สิ่งเหล่านั้นจะมาเป็นตัวกวนกับธุรกิจเครือข่ายที่เราทำอยู่ครับ เสนอแนะให้เลี่ยงอย่าไปทำเลย  หลายบริษัทใหญ่ๆตอนนี้คิดว่าตัวเองใหญ่ เลยถูกพวกคนฉลาดคนเก่ง(ลวง) ไปให้ข้อมูลความน่าจะรวย แต่ให้ไม่หมด(หลอก)เพื่อเป็นผู้จัดการ สร้างบริษัทลูกมาทำขายตรงกันมาก แล้วต่อมามีผลกับเราคนลงมือทำ เพราะไปชวนใครสมัครก็สมัครง่ายๆด้วยเหตุผลน่าฟัง สินค้าจำเป็นมีหลากหลายครบครัน แต่ต่อมาจะพบว่าไม่มียอดซื้อเข้ามา เพราะเขาต่างไปซื้อกับร้านสะดวกซื้อใกล้บ้านเขาดังกล่าว  น่าจะระแวดระวังไตร่ตรองให้รอบคอบกว่านี้   สรุปข้อนี้คือ ผลิตภัณฑ์ต้องจำเป็น ใช้แล้วหมดไปต้องซื้อซ้ำ แต่มีคุณภาพหรือความจำเพาะเจาะจงเพียงพอที่ต้องไปซื้อที่ศูนย์จำหน่ายหรือซื้อหากับท่าน

                6.ผลตอบแทนที่เป็นคะแนน ต้องเท่ากับหรือใกล้เคียงกับเงินบาท ที่จ่ายออกไป   บางบริษัทสินค้าราคา 200 บาท ให้คะแนนเรา 20 คะแนน เวลาปันผลเอาคะแนนมาคิด บริษัทรวยขึ้น เราแย่ลงเพราะไม่คุ้มค่าเงินบาทที่จ่ายออกไป  ตรงนี้เลือกซื้อแต่ของมีราคาบาทเท่ากับคะแนนก็จะดี เช่น ครีม 120 บาท เท่ากับ 120 คะแนน อย่างนี้จะดีสุด(อย่าไปหาที่คะแนนมากกว่าบาทเลย) แต่บางบริษัทไม่ทำมาให้เลือก ก็อย่าเลือกบริษัทนั้นซะดีไม๊ครับ สรุปว่า พิจารณาเรื่องคะแนนที่เอามาคำนวณค่าตอบแทนด้วยว่า ดีกับบริษัทหรือดีกับเราคนลงมือทำ

                7. เวลาที่เป็นสมาชิก กับการลงมือธุรกิจ เป็นคนละเรื่องกัน ต่อคำถามที่มักได้ยินถามว่า "คุณทำมานานเท่าไรแล้ว" ถามได้แต่ไม่ใช่ประเด็นครับ  ตามตัวอย่างนี้ครับ.......... มีคนหาปลา 2 คน ออกไปหาปลาในแหล่งน้ำเดียวกัน แหล่งน้ำนี้มีปลาอยู่มากพอที่จะใช้วิธีทอดแหจับปลาได้  คนหนึ่งยืนอยู่ในน้ำ มือถือแห(เครื่องมือใช้จับปลาชนิดหนึ่ง)จะเหวี่ยงออกไป แต่ถือรีรออยู่อย่างนั้น หรือเหวี่ยงทอดนานๆสักครั้งหนึ่ง  เปรียบเทียบกับคนที่สองที่มาด้วยกัน แต่เหวี่ยงทอดแหออกไปบ่อยครั้งมาก จึงได้ปลามากกว่าคนแรก........ชัดเจนนะครับว่า การสมัครเป็นสมาชิกนานๆไม่ใช่ว่าจะทำให้เขาประสบความสำเร็จ  แต่การทำตามแผนการตลาดอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอต่างหาก ที่จะทำให้สำเร็จในการทำงานเครือข่าย  สรุปข้อนี้คือเวลาที่ทำอย่างต่อเนื่อง ในโอกาสที่เหมาะสมครับ  

              8.ตัวเราคนลงมือทำ จะต้องมีคุณสมบัติที่สำคัญด้วย นั่นคือต้องรู้ว่า สิ่งที่กำลังทำอยู่นี้ทำเพื่อเป้าหมายอะไรในชีวิต  ถึงตอนนี้บางคนอาจทำงง  เอ๊ะชีวิตฉันมีเป้าหมายอะไร คงต้องมีล่ะครับ ให้มันชัดเจนและนิ่งพอแล้วกัน เมื่อตัดสินใจลงมือทำแล้วต้องเข้าใจต่ออีกว่า มันเป็นเรื่องที่มีจรรยาบรรณนะ พึงระลึกถึงและปฏิบัติตามจรรยาบรรณทางธุรกิจเครือข่ายด้วย เช่น ไม่ขายตัดราคา ไม่แย่งสายงาน ฯลฯซึ่งสมัครเข้าไปแล้ว บริษัทที่ได้มาตรฐานเขาจะมีกำหนดไว้ให้ถือปฏิบัติ  ต่อไปก็การรู้จักทำตามคำแนะนำของผู้สำเร็จและแผนการตลาด หรือระบบช่วยสำเร็จอื่นใดก็พิจารณาเอา สรุปข้อนี้ เราคนทำต้องตัดสินใจเลือกMLMที่ดี(ดังข้อที่กล่าวมาแล้ว)  ศึกษาให้รู้จริง ทำจริง ทำต่อเนื่อง  ก็จะสำเร็จเอง จะมากหรือน้อยแล้วแต่โอกาสการเข้าพบผู้มุ่งหวังของท่าน 

              9 การได้รับความเข้าใจ การสนับสนุนจากครอบครัว สามีอนุญาต ภรรยาเห็นชอบ อะไรทำนองนี้  ซึ่งต้องมีฐานความคิดมาจากความไม่ประมาทในการดำรงชีวิต  ยกตัวอย่างให้เห็นชัดคือ ครอบครัวหนึ่ง สามีทำกิจการมีรายได้มาก บอกให้ภรรยาลาออกจากงานมาดูแลลูก ซึ่งก็ดูดี มีทำกันทั่วไป แต่อยู่มาวันหนึ่ง สามีเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตไป .......ลองจินตนาการดูเองว่า ความลำบากจะตกแก่ใครบ้าง   ยกตัวอย่างอีกสักเรื่อง   รถยนต์ราคาแพงๆก็ยังมียางอะไหล่เก็บเอาไว้ เพราะผู้ผลิตรถยนต์เล็งเห็นว่า การเดินทางอาจเกิดเหตุไม่คาดฝัน จำเป็นต้องเปลี่ยนยาง..........แล้วชีวิตครอบครัวของท่านมี"อะไหล่"อะไรสำรองไว้  เงินประกันชีวิตหรือหลักทรัพย์ที่เก็บไว้ไม่เพียงพอหรอกครับ สมัยนี้ก็รู้ว่าลูกหลานต้องต่อสู้ดิ้นรนขนาดไหน แค่เรียนพิเศษลงทะเบียนไม่ทันยังไม่ได้เรียนเลย   สรุปข้อนี้ว่า เครือข่ายMLMนี่ละ เป็นตัวสำรองฉุกเฉินที่ดีที่สุดในปัจจุบัน  

           10 การเอื้อเฟื้อ แบ่งปันโอกาส ในการประสบความสำเร็จ โดยทั่วไปจะมีการแบ่งปันในรูปแบบการประชุม โปรดเข้าใจว่าการทำงานกับคนหมู่มาก ใช้วิธีประชุมจะได้ผลที่สุด เมื่อตัดสินใจทำธุรกิจเครือข่านMLMทุกชนิด หลีกไม่พ้นการประชุม แต่ผู้รู้บอกว่า ควรมีการประชุมหรือมีกิจกรรมกลุ่มเพื่อกระตุ้นให้เกิดการทำงาน อย่างพอดี หมายถึงไม่ถี่เกินไปจนเครียด และไม่ห่างเหินจนจำกันไม่ได้.....หัวใจคนมันอ่อนนุ่ม มีลักษณะซึมซับเหมือนฟองน้ำ อยู่ในสิ่งแวดล้อมใดก็จะซึมซับรับรู้เรื่องราวเหล่านั้นไว้แล้วแปรเป็นพฤติกรรมออกมา   ข้อนี้สรุปว่า การที่ตัวเราได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบเครือข่ายผู้บริโภคหรือMLM อย่างสม่ำเสมอ พอดีๆ จะนำพาเราไปสู่ความสำเร็จในการลงมือทำเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง  

            11.ว่าด้วยแชร์ และมันนี่เกมส์....... มีกล่าวถึงในหนังสือพิมพ์แล้ว ขอยกมากล่าวถึงเนื่องจากเข้าข่ายสร้างความเสียหายได้มากดังนี้คือ .......มีการนำเสนอระบบการซื้อขายสินค้า แต่ให้ค่าตอบแทนสูง เช่นซื้อข้าว 1,450 บาท รออีก3 เดือนได้รับผลตอบแทนมากกว่า 2,000บาท พร้อมทั้งมีการแจกรางวัลบ้าน รถยนต์ และบอกว่าเป็นสหกรณ์ ไม่ผิดกฎหมาย เสียภาษีถูกต้อง อันนี้ต้องดูผลประกอบการจริงด้วยสามัญสำนึกว่า ซื้อข้าวสาร(หรือสินค้าประกอบอื่นๆ)มา 100 บาท ควรขายได้กำไร200บาทเลยหรือเท่าใด เพียงพอจ่ายตอบแทนให้เราได้จริงตามสามัญสำนึกทั่วไปหรือไม่ ถ้าจ่ายมากๆเขาเอาเงินมาจากไหน  ท่านลองตรองดู เพราะถ้ากำไรมากๆแบบนี้เขาขายเองก็ได้....ทำไมต้องระดมทุน.....คิดว่าพระเจ้ามาโปรดหรือไง!...... และการระดมทุนแบบนี้ไม่ผิดกฏหมายขายตรง  เสียภาษีถูกต้องก็ไม่ผิดกฏหมายภาษี  ขายตามราคาที่กรมการค้าภายในกำหนดก็ไม่ผิดกฏหมายพานิชย์ แต่.......ผิดกฎหมายฟอกเงิน! ท่านทราบหรือไม่.....  และไม่ใช่สหกรณ์ที่จะช่วยชาติให้พ้นภัยเศรษฐกิจด้วย เพราะสหกรณ์ต้องร่วมกันเป็นเจ้าของแล้วจ้างพนักงานมาเป็นผู้จัดการ ไม่ใช่บริษัทใดบริษัทหนึ่งมาเป็นเจ้าของแบบนี้ ซึ่งการระดมทุนแบบนี้เป็นภัยต่อเศรษฐกิจเสียเอง  จริงอยู่ตอนนี้ท่านอาจได้กำไรมากมาย ได้บ้าน ได้รถยนต์ แต่นั่นมันหมายถึงเขาเอาเงินลงทุนที่กองรอไว้ 3 เดือนมาจ่ายให้คนชุดแรกๆ และทำโปรโมชั่นโฆษณาเพื่อดึงเงินเข้าบริษัทมากๆ จากการที่ท่าน "อยากได้" จึง "ลงทุน" ซื้อของมาสต็อกไว้หรือ "ฝากขาย"ทีละมากๆ กันทั่วถ้วนนั่นเอง  .......จนเมื่อวันหนึ่ง เมื่อมีการแจ้งจับโดยอัยการ...เนื่องจากผิดกฏหมายฟอกเงิน.......(ไม่ต้องรอให้มีผู้เสียหายร้องทุกข์เพราะรัฐเป็นผู้เสียหาย สามารถให้อัยการร้องแจ้งจับเอง) บริษัทก็ต้องปิดตัวลง เงินเขาก็จ่ายไปหลายทาง (จ่ายให้อำนาจสนับสนุนเบื้องหลังที่ทำให้เขายังคงเปิดบริษัทระดมทุนอยู่ได้.....ทั้งที่ผิดกฎหมาย....แต่อาจถูกสั่งปิดตัวหลังเลือกตั้ง....ก็มันผิดกฎหมายนี่จะปล่อยต่อไปได้อย่างไร.....เพราะการใช้เงินได้ใช้ไปแล้ว!)  รับรองว่าได้เงินคืนไม่ครบกันแน่ๆ นั่นล่ะความสูญเสีย.....จะเรียกร้องคืนมาอย่างไรก็ไม่ได้เงินมาครบ  เพราะเงินจ่ายไปหลายทางแล้วนั่นเอง ล่าสุดแชร์ข้าวสารเชียงใหม่เป็นข่าวให้พิจารณา...คำถามคือ วันนี้คุณถอนทุนคืนได้หรือยัง!....เรื่องเหล่านี้สรุปว่าไม่ใช่MLM ไม่ใช่ขายตรงหลายชั้น แต่เป็นแชร์ลูกโซ่หรือ"มันนี่เกมส์" คนไทยชอบเสี่ยงดวง ท่านจะเล่นต่อก็เชิญ แต่การที่จะไปชักชวนคนอื่นมาเล่นด้วยนั้น พึงสังวรว่า เราจะเสียคนถ้าเขาเสียหายเพราะการชักชวนของท่าน   

             เรื่องที่กล่าวมานี้ เป็นปฐมบท ของประสบการณ์เรียนรู้ตรงที่สะสมมา 20 ปี  เหมาะสำหรับคนที่มองเห็นโอกาส คนที่ไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต ต้องการมีโอกาสในชีวิต จะได้ศึกษาเก็บเกี่ยวไว้สร้างรายได้จากรายจ่าย ที่ยังไงก็ต้องจ่ายออกไปอยู่แล้ว  ได้นำไปเป็นข้อคิดในการปฏิบัติจริง เป็นชุมชนนักปฏิบัติ(CoP – Community of Practice)ตัวจริงด้านเครือข่ายของผู้บริโภค(MLM.) ซึ่งในโอกาสต่อไปจะได้บันทึกเรื่องราวที่เกี่ยวข้องด้านนี้มาเพิ่มให้อีก

 

หมายเลขบันทึก: 143179เขียนเมื่อ 31 ตุลาคม 2007 06:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 01:57 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท