วิถีแห่งโนบิตะ ชัยชนะของคนไม่เอาถ่าน


การมีจิตใจดี และการมองโลกในแง่ดี เห็นแสงสว่างที่ปลายถ้ำเสมอๆ จะช่วยให้ก้าวข้ามอุปสรรคไปได้
 



คำเตือน : หนังสือเล่มนี้ไม่เหมาะกับคนที่คิดว่าตัวเองเก่งไปซะทุกอย่าง

คำโปรยบนปกเรียกร้องความสนใจในการหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่านมากทีเดียว

โดราเอม่อน เป็นการ์ตูนในดวงใจเด็กๆ มาหลายยุคหลายสมัยแล้ว
แต่คนญี่ปุ่นเขาไม่ดูเฉยๆ ครับ เขามี "โดราเอม่อนศึกษา" ขึ้นมา ตอนนี้ผู้เขียน (โยโกยาม่า ยาสุยุกิ) เป็นอาจารย์สอนวิชานี้ในมหาวิทยาลัยฟุคุยาม่า
อาจารย์กรำงานหนักในการศึกษาโดราเอม่อน อ่านหลายรอบ ทำฐานข้อมูล เพื่อใช้วิเคราะห์พฤติกรรมของโนบิตะอย่างถี่ถ้วนครับ

จะเห็นได้ว่าคนญี่ปุ่นเขาทำเรื่องจากง่ายๆ ใกล้ตัว ทำอย่างจริงจัง ที่แน่ๆ ไม่มีใครหาว่าบ้า ในประเทศของเขา
เรื่องญี่ปุ่นนี่คุยกันไม่รู้จบครับ ใครอยากมองญี่ปุ่นในหลายๆ มุม แนะนำให้อ่านหนังสือเล่ม โตเกียวไม่มีขา ของนิ้วกลม จะเห็นญี่ปุ่นหลายด้าน จะได้รู้ว่าทำไมเขาจึงเป็นชาติมหาอำนาจได้
มีประเด็นหนึ่งที่อยาก Share คือเรื่องอัจฉริยะที่ฮิตกันตอนนี้ ที่บอกให้ทำงานอดิเรกที่ไม่เกี่ยวกับงาน เพื่อพัฒนาสมอง คนญี่ปุ่นทำแบบนี้ทั้งประเทศ แถมงานอดิเรกที่เขาทำนี่ช่วยสังคมด้วยนะครับ ถ้าจำไม่ผิดอ่านเจอจากหนังสือเล่ม ภูมิคุ้มใจ ของ เพลงดาบแม่น้ำร้อยสาย
ก็ไม่แปลกหรอกครับที่ประเทศเขาจะพัฒนา ถ้าทฤษฏีเรื่องอัจฉริยะนี้เป็นจริง ญี่ปุ่นก็มีอัจฉริยะเต็มเมืองเลยครับ

กลับมาเล่มนี้ ยืมจากคุณลวิตร์ (ท่านนี้เคยให้ยืมหนังสือเล่ม โตเกียวไม่มีขา ด้วย สงสัยชอบแนวญี่ปุ่น)
อ่านเล่มนี้แล้วสิ่งที่ได้คือ ทำไมคนที่สุดแสนด้อยค่าอย่างโนบิตะจึงประสบความสำเร็จได้
ในความด้อยค่าที่เราเห็นนั้น โนบิตะจะมองโลกในแง่ดี, มีจิตใจดี และมีความมุ่งมั่น ไม่ยอมแพ้ แม้ความสามารถจะมีจำกัด สิ่งหนึ่งในตอนท้ายที่ผู้เขียนบอกเอาไว้ว่าแรงบันดาลใจให้ลุกขึ้นสู้ทุกสถานการณ์คือ คำสอนของคุณยายของโนบิตะ ที่ให้โนบิตะเป็นเหมือนตุ๊กตาล้มลุก พร้อมจะลุกขึ้นมาเสมอ ซึ่งโนบิตะก็จำมาทำตามอย่างสม่ำเสมอ

ส่วนโดราเอม่อน มีหลายคนบอกว่านี่คือแบบอย่างของคุณอำนวย (Facilitator) กล่าวคือ โดราเอม่อนไม่ได้สักแต่เอาของมาช่วยอย่างเดียว เขาจะดูก่อนว่าโนบิตะสู้อย่างเต็มที่แล้วในสถานการณ์นั้นๆ หรือยัง และยังสามารถเลือกของวิเศษมาใช้ได้อย่างเหมาะสม แถมในเรื่องยังสอนเราตลอดว่า แม้จะเป็นของวิเศษ หากเราใช้อย่างไม่มีขอบเขต ไร้สติ ก็จะนำพาความเดือดร้อนมาได้เช่นกัน
ฉากสุดท้ายก่อนโดราเอม่อนจะกลับโลกอนาคต ยังขอความมั่นใจจากโนบิตะ เหมือนที่คุณยายขอให้โนบิตะรับปากเรื่องจะเป็นดั่งตุ๊กตาล้มลุกเลยครับ

สรุปว่า การมีจิตใจดี และการมองโลกในแง่ดี เห็นแสงสว่างที่ปลายถ้ำเสมอๆ จะช่วยให้ก้าวข้ามอุปสรรคไปได้

โดยส่วนตัวคิดว่าคงไม่มีใครที่จะมีความสามารถจำกัดเช่นโนบิตะ ดังนั้นหากเราสามารถเอาลักษณะด้านดีของโนบิตะมาปรับใช้ เชื่อว่าความสำเร็จคงอยู่ไม่ไกล

ส่วนคนที่จะเป็นคุณอำนวย หรือในชีวิตจริง เป็นครู, เจ้านาย หรือ พ่อแม่ ก็สามารถเอาโดราเอม่อนเป็นตัวอย่าง ไม่ช่วยจนกว่าจะถึงเวลาอันควร แต่เมื่อไหร่ที่จะช่วย คงต้องตั้งสติ แล้วลองนึกเอาเป็น Case by case ไปแล้วกัน อันนี้บางครั้งต้องใช้ความรักหรือความรู้สึก (Sensing) เข้าช่วย
ไม่ต้องกลัวช่วยผิดหรอกนะครับ ในการช่วยเหลือคนของเรา ผมว่าบางครั้งโดราเอม่อนก็ตัดสินใจผิดพลาดในการช่วยโนบิตะเหมือนกัน

ขอบคุณคุณลวิตร์นะครับ สำหรับหนังสือดีๆ ที่ให้หยิบยืมกันมาอ่าน

หมายเลขบันทึก: 143145เขียนเมื่อ 30 ตุลาคม 2007 22:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 10:23 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ชอบประโยคนี้ค่ะ "........ไม่ช่วยจนกว่าจะถึงเวลาอันควร แต่เมื่อไหร่ที่จะช่วย คงต้องตั้งสติ แล้วลองนึกเอาเป็น Case by case ไปแล้วกัน อันนี้บางครั้งต้องใช้ความรักหรือความรู้สึก (Sensing) เข้าช่วย
ไม่ต้องกลัวช่วยผิดหรอกนะครับ..........''

หนังสือน่าอ่านนะคะ

โห..แนะนำหนังสือได้เยี่ยมเลยคะ  อ่านจบบันทึกนี้ อยากไปในเมือง ร้านหนังสือเลยแหละ

....ชัยชนะของคนไม่เอาถ่าน...

ดีๆ..รู้สึกมีเพื่อนแฮะ...

 

P 

ครูหน่อยครับ ถูกใจจนต้องโทรมาบอกอย่างนี้ อยากจะส่งหนังสือให้ยืมเลยนะครับเนี่ย แต่ไม่ใช่ของผมนี่สิ เลยได้แต่คิดไว้ก่อน

จะรอหนังสือนะครับ ได้ยินแว่วๆ ว่ากำลังเดินทางมาหาผม

ได้ดูโดเรม่อนตามพี่ชาย แล้วเราก็ติดงอมแงม กันมาจนถึงหลาน

เจ้าหลานน้อย บอกชอบ ชิซูกะ แต่ไม่อยากเป็นโนบิตะ อิ อิ :)

บันทึกของคุณขับช้า ช่างเปรียบเปรย พ่วงมาเรื่องคุณอำนวย ด้วย เจ๋งค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท