วันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๔๘ ผู้เขียนได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนของสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม (สคส.) เพื่อเข้าร่วมการประชุมจัดการความรู้เพื่อการปลดหนี้ครู ที่โรงเรียนวัดบางฝ้าย อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ ๓๐ คน ประกอบด้วย คุณไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ในฐานะที่ปรึกษาโครงการพัฒนาชีวิตครู, ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) จังหวัดสมุทรปราการ, ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อเพื่อสังคมและชุมชน จากธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่, ผู้จัดการธนาคารออมสิน สาขาต่างๆ ของจังหวัดสมุทรปราการ และตัวแทนเครือข่ายพัฒนาชีวิตครูกลุ่มที่ ๑ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ นำโดย ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดบางฝ้าย คุณพงษ์ศักดิ์ ธีระวรรณสาร ในฐานะประธานกลุ่มใหญ่ และผู้อำนวยการโรงเรียน ในฐานะประธานกลุ่มย่อยจากโรงเรียนต่างๆ อีกจำนวนหนึ่ง
โครงการพัฒนาชีวิตครูเป็นโครงการความร่วมมือระหว่าง ๓ ฝ่าย คือ กลุ่มข้าราชการครู, กระทรวงศึกษาธิการ และธนาคารออมสิน ซึ่งโครงการฯ ดังกล่าว ดำเนินการมาเป็นระยะเวลา ๕ ปีแล้ว โดยมีการให้บริการครอบคลุมทั่วทั้ง ๗๖ จังหวัด มีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเข้าร่วมเป็นสมาชิกโครงการฯ แปดหมื่นกว่าคน มีสมาชิกที่ได้รับการกู้เงินไปแล้วเกือบหกหมื่นคน คิดเป็นจำนวนเงินถึงสี่หมื่นล้านบาท และแม้ได้มีการศึกษาวิจัยผลของการดำเนินโครงการฯ พบว่า ข้าราชการครูที่เข้าร่วมโครงการฯ ส่วนใหญ่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาหนี้สิน มีการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย มีการวางแผนการใช้จ่าย และมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของสมาชิกไปในทิศทางที่ดีขึ้น มีการรวมกลุ่มที่เข้มแข็งมากขึ้น โดยสมาชิกคนใดหรือกลุ่มใดปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เป็นตัวอย่างที่ดี ธนาคารออมสินก็จะมีการมอบรางวัลเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้ และจัดสรรเงินสนับสนุนตอบแทนพิเศษ จำนวน ๑% แก่กลุ่มใหญ่เพื่อเป็นรางวัลตอบแทนความดีที่สมาชิกปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และตัวชี้วัดที่ธนาคารกำหนด โดยกลุ่มใหญ่จะเป็นผู้บริหารจัดการเงินดังกล่าว ตามมติของที่ประชุมกลุ่ม แต่จากการดำเนินการก็พบว่า ยังมีสมาชิกบางส่วนที่มีปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของโครงการฯ เช่น ไม่มีการออมทรัพย์หลังจากได้รับเงินกู้แล้ว ขาดการดำเนินกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างต่อเนื่อง มีพฤติกรรมก่อหนี้สินเพิ่มเติม เป็นต้น
เหล่านี้จึงเป็นที่มาของการจัดการประชุมจัดการความรู้เพื่อการปลดหนี้ครูในครั้งนี้ โดยได้เลือกพื้นที่อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการก่อน เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความเข้มแข็ง และมีสมาชิกที่มีวิธีการปลดหนี้หรือการบริหารจัดการหนี้ที่ดี คือ มีใครทำได้ดีแล้วบ้าง และใครยังคงมีปัญหาอีกบ้าง ซึ่งน่าจะเป็นกรณีศึกษาและพื้นที่นำร่องในการดำเนินโครงการจัดการความรู้เพื่อการปลดหนี้ครูได้ต่อไป
โดยคุณไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุม พร้อมทั้งได้นำกระบวนการหรือเครื่องมือการจัดการความรู้มาใช้ในการประชุมครั้งนี้ด้วย ซึ่งคุณไพบูลย์ ได้แสดงบทบาทการเป็น "คุณอำนวย" และ "คุณลิขิต" ควบคู่กัน โดยให้อาจารย์ที่เป็นประธานกลุ่มต่างๆ เล่าเรื่องความสำเร็จในการปลดเปลื้องภาระหนี้สินให้บรรเทาลง ซึ่งช่วยทำให้คุณภาพชีวิตของอาจารย์ดีขึ้น ในช่วงแรกๆ อาจารย์แต่ละคนยังไม่สามารถเล่าเรื่องออกมาได้มากนัก คุณไพบูลย์ ได้ใช้ความเชี่ยวชาญช่ำชองในการนำกิจกรรมกลุ่ม ทำให้อาจารย์แต่ละคนสามารถเล่าเรื่องความสำเร็จในการปลดหนี้ ทั้งของตนเองและเพื่อนอาจารย์คนอื่นๆ ได้อย่างลื่นไหล บางคนสามารถเล่าออกมาอย่างไม่กลัวอายเลยว่า เป็นหนี้อยู่ถึงสามล้านบาท ต้องจ่ายดอกเบี้ยเดือนละกว่าสามแสนบาท เคยคิดจะลาออกจากการเป็นอาจารย์ และจะไปค้ายาบ้าด้วยซ้ำไป แต่ในที่สุดก็มีวิธีการมีการวางแผนในการใช้ชีวิตใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการขายทรัพย์สินบางส่วนไปเพื่อนำมาใช้หนี้ โดยเฉพาะนำเงินไปใช้หนี้เงินกู้นอกระบบก่อน การลดละเลิกเหล้าบุหรี่ทั้งหมด ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตตนเองใหม่ ไม่ก่อหนี้เพิ่มเติม พร้อมทั้งสมัครเข้าเป็นสมาชิกโครงการฯ ดังกล่าว แม้ว่าจะยังเป็นหนี้กับธนาคารออมสินอยู่ แต่เป็นหนี้รายเดียว ไม่ได้เป็นหนี้รอบตัวเหมือนเช่นเดิม ทำให้เหลือเงินเกือบสองหมื่นต่อเดือน หลังจากหักชำระหนี้ให้ธนาคารออกสินแล้ว ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ไม่ต้องเครียดว่าจะหาเงินมาใช้หนี้ได้อย่างไร ไม่ต้องคอยหลบหน้าเมื่อเจ้าหนี้มาทวงเงินถึงในโรงเรียน เป็นต้น
ไม่มีความเห็น