ความรักมักเป็นอย่างนี้.....


   ไม่ทราบมีใครเคยเจอกันบ้างหรือเปล่า  ภาพของคนตาย  หัวกะโหลกแยกออกเป็นกระบิเหมือนแตงโมโดนทุบ    ก้อนสมองไหลปนก้อนเลือดที่ทะลักออกมาเป็นลิ่มๆส่งกลิ่นคาวคละคลุ้งทั่ว     เธอ....เป็นหญิงสาวอายุราว 20 เศษ ดวงตาเธอเหลือกถลนอ้าปากค้าง  แต่มือขวายังกำปืนลูกโม่ขนาด .38 ไว้แน่น

   เขา...เป็นร่างของชายหนุ่มอายุน่าจะเลยวัยสามสิบ    โดนคมกระสุนจากปืนกระบอกเดียวกันเจาะเข้าที่หน้าผาก  และหน้าอกที่ละ 1 นัด  สภาพศพนุ่งกางเกงลำลองขาสั้นไม่สวมเสื้อ  ไม่มีเลือดไหลจากบาดแผลสักหยด  นอนตายอยู่บนเก้าอี้โยกใกล้ๆกัน

   โน่นห้องครัว...เลยไปประมาณ4วาเศษๆ  หญิงวัยประมาณ 30 นั่งตัวสั่นหน้าซีดเผือด   เธอประคองทารกอายุราว 1 ขวบไว้กับอก  ท่าทางยังตื่นตระหนกไม่หาย....

    ปีนั้น...ผมยังเป็นนักข่าวอยู่กับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่ง   ชึวิตยังครื้นเครงอยู่กับความโลดโผนโจนทะยาน  ค่ำไหนนอนนั่น หิวตรงไหนกินตรงนั้นไม่อินังขังขอบกับชีวิตมากมายนัก

   แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องเอาจริงเอาจังมากๆก็คือ จะตกข่าวไม่ได้....โดยเฉพาะอย่างยิ่งข่าวอาชญากรรม  พอได้ยินสัญญาณวิทยุถึงคดี 288 (รหัสวิทยุ)ก็ต้องรีบเผ่นผลุงไปทันที

   เป้าหมายเป็นบ้านทาวน์เฮาส์ 2 ชั้นลึกเข้าไปในซอย 50 เมตรเห็นจะได้  ไปถึงเจอกลุ่มไทยมุงรายรอบเต็มไปหมด   มีเจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนหนึ่งคอยกันไม่ให้คนเข้า

   แต่ผมเป็นนักข่าว....ผ่าน

   ที่เกิดเหตุอยู่บนชั้น 2 ผมก้าวยังไม่เลยบันไดขั้นสุดท้ายก็โชยกลิ่นคาวเลือดเต็มจมูก

   ห้องนั่งเล่นประมาณ5-6ตารางเมตร  เต็มไปด้วยเลือดสดๆเป็นลิ่มๆ  สีแดงคล้ำจนเกือบเป็นน้ำตาลแสดงว่าเริ่มจะแข็งตัวแล้ว  แต่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงนี้ยังไม่น่าเกิน 30 นาที

   ผมถ่ายภาพผู้ตายไว้อย่างละเอียดทุกแง่มุม  เลนซ์ซูมแสดงบทบาทของมันเต็มที่  เพราะเข้าใกล้มากกว่านี้มีหวังเหยียบกองเลือด ลื่นหัวทิ่มแน่นอน...ถึงกระนั้นก็ค่อนข้างลำบากเหมือนกันเพราะที่เกิดเหตุแคบเอามากๆ  ผมต้องใช้ทั้งเทเลและไวด์เก็บภาพจนครบทุกมุม

   ผู้ตายที่เป็นผู้หญิงดูจากบัตรประจำตัวระบุว่าเป็นนักศึกษา  หนาตาดีทีเดียว   ส่วนผู้ชายทำงานธนาคารแห่งหนึ่ง   ทั้งคู่เรียนภาคสมทบในมหาวิทยาลัยเดียวกัน ส่วนผู้หญิงเคยเป็นนักศึกษาฝึกงานที่นั่น  และกำลังบรรจุเข้ามาเป็นพนักงานประจำที่เดียวกัน....

   ถามหญิงที่นั่งอุ้มเด็กตัวสั่นอยู่ในครัวปรากฏว่า   เธอเป็นภรรยาผู้ตาย  ก่อนเกิดเหตุเธอทำอาหารอยู่ได้ยินเสียงสามีร้องว่า "อะไรกัน" แล้วเสียงปืนก็ดังขึ้น 2 นัด เธอวิ่งออกมาดูเห็นหญิงสาวคนนี้กำลังเอาปืนจ่อหัวระเบิดกะโหลกตัวเองพอดี....เห็นจะๆเต็มตา...เธอบอก

   ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าหญิงสาวคนนี้มาที่บ้าน2-3ครั้ง  มาในฐานะ"ครูสอนพิเศษ"ให้ลูกชายคนโตอายุ 6 ขวบ  แต่เรื่องความสัมพันธ์ที่เกินเลยกว่านั้น เธอไม่เคยทราบมาก่อน...

   ลูกชายผู้ตายฝ่ายชายบอกว่า เห็นน้า...เข้ามาถือถุงกระดาษสีน้ำตาลมาด้วย  นึกว่าจะมาสอนพิเศษอีก  แต่ไม่โทร.มาบอกก่อนเหมือนทุกครั้ง  เจอกันหน้าบ้านก็เลยถามว่ามาหาพ่อเหรอ  แต่น้า....ไม่ตอบ

   ถุงสีน้ำตาลที่ว่าจมกองเลือดอยู่ใกล้ๆร่างหญิงสาว  ตำรวจบอกว่าน่าจะเป็นถุงใส่ปืน 

   ตำรวจเก็บปืนไว้เป็นหลักฐานพร้อมสอบสวนเพิ่มเติมไปถึงเจ้าของ  และกลุ่มเพื่อนของผู้ตายทั้ง 2 คน  ความลับเลยกระจ่าง

   คดีนี้ไม่มีอะไร...เรื่องชู้สาว

   ทั้งคู่รู้จักกันเพราะฝ่ายหญิงเป็นนักศึกษาฝึกงาน  และมีความสัมพันธ์กันอย่างลับๆ  ตอนแรกฝ่ายหญิงไม่รู้ว่าฝ่ายชายมีภรรยาแล้ว  ต่อเมื่อรู้ก็คิดจะตีจาก  แต่ฝ่ายชายไม่ยอม  โดยบอกว่าจะขอหย่ากับภรรยาเพื่อแต่งงานกับฝ่ายหญิง  แต่รอให้ภรรยาคลอดลูกคนเล็กก่อน

   ฝ่ายหญิงเลยใจอ่อนและยอมคบกับฝ่ายชายมาเรื่อยๆ  แต่ยิ่งคบก็ดูเหมือนจะแค่เปลืองตัวเปลืองใจ  เพราะฝ่ายชายไม่มีทีท่าจะหย่ากับภรรยา  ทั้งที่ลูกคนเล็กก็จะอายุเลยขวบเข้าไปแล้ว   พอถามถึงสัญญาที่เคยให้ไว้  ฝ่ายชายก็ดูเหมือนจะบ่ายเบี่ยง  ทำเป็นเหยียบเรือสองแคม  ประมาณจะให้ฝ่ายหญิงเป็นภรรยาคนที่ 2  และยิ่งนานวันฝ่ายชายก็ดูทำตัวเหินห่างด้วย

   นั่นเป็นเรื่องที่ทำให้ฝ่ายหญิงคิดหนัก และคิดมาก  เพื่อนๆบอก

   ส่วนเจ้าของปืนมีศักดิ์เป็นลุงของฝ่ายหญิง  ด้วยอาชีพข้าราชการและเป็นปืนมีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย  ตำรวจจึงคืนให้  และเขาเล่าให้ฟังว่า  ฝ่ายหญิงมาเรียนหนังสือและพักอยู่ด้วยตั้งแต่ชั้น ปว.ส.  และเคยเล่าให้ฟังเหมือกันว่าไปรับงานเป็นครูสอนพิเศษ  สำหรับเรื่องส่วนตัว...ตนไม่เคยรับทราบแต่ก็สังเกตุเห็นผู้ตายมีอาการเหงา ซึมเหมือนกัน  เคยถามแต่ผู้ตายบอกว่าไม่มีอะไร

   สรุปแล้วคดีนี้ไม่พ้นเรื่องของหัวใจกับความรัก  ผู้หญิงอาจรักมากและมีความหวัง   ส่วนผู้ชายอาจรักเหมือนกันแต่เป็นรักที่ต้องแบ่งออกเป็นส่วนๆ  หรือบางทีอาจเป็นรักหลอกๆที่คอยเก็บไข่แดงกินไปวันๆก็อาจเป็นได้เหมือนกัน   เรื่องนี้ข้อเท็จจริงต่างๆ ใครรัก ใครหลอก อยู่ที่ผู้ตายทั้ง 2 คนนั่นแหละแต่....เอ...ใครจะไปถามล่ะ  นอกจากจะคอยระวังว่า ความรักที่จบลงด้วยความตายแบบนี้  อย่าให้เกิดกับตัวเองก็พอ...

   หรือคุณว่าไม่จริง?

 

 

   

หมายเลขบันทึก: 142547เขียนเมื่อ 28 ตุลาคม 2007 14:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:14 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ผู้ชายหลายคนแยกแยะความจริง กับ ความฝัน ของตัวเองไม่ได้  มัวเมา อยู่ในโลกของสิ่งที่ตนเองฝันที่อยากจะมีชีวิตแบบคนหนุ่มอยู่ตลอดชีวิต

 

หารู้ไม่ว่าหนทางแห่งทุกข์กลับไปตกอยู่คนที่เป็นบุคคลที่สาม หรือ สี่

 

หากจะเลือกก็เลือกความจริง แล้วชีวิต..และสังคมจะไม่เจอปัญหาแบบนี้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท