ช่วงปิดเทอม เรามีโปรแกรมเยี่ยมบ้านยาย (เด็ก ๆ ต้องเรียกว่า ยายทวด) ที่ จ.ระยอง เพื่อไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ยายทวดที่ล่วงลับไปได้ 2 ปีเศษ ปีนี้ต้องอาศัยพาหนะรถปรับอากาศประจำทาง เพราะคนขับรถ(กิตติมศักดิ์) ไปราชการชายแดน จ.นราธิวาส ลูก ๆ ชวนให้แม่ขับรถไปเอง แม่บอกขอยกธงเพราะรู้สึกสายตาไม่ค่อยดี ขอนั่งรถแบบสบาย ๆ ดีกว่า การนั่งรถอันยาวนานถึง 11 ชั่วโมง ทำให้ได้คิดถึงสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต น่าสังเกต อายุประมาณนี้แล้ว โอกาสที่จะคิดถึงเรื่องราวในอดีตจะเกิดขึ้นบ่อย ๆ ประจวบเหมาะกับเวลาที่กำลังเดินทางกลับบ้านเกิดด้วย
อ.บ้านค่าย เป็นอำเภอเล็ก ๆ ห่างจากตัวเมืองเพียง 12 กม. สมัยเด็ก ๆ เรียนหนังสือที่โรงเรียนประถมในอำเภอ พอขึ้นมัธยมคนในอำเภอนิยมส่งลูกหลานไปเรียนในเมือง โรงเรียนประจำจังหวัดชื่อว่า ร.ร. ระยองวิทยาคม ข่าวว่าเดี๋ยวนี้ก็ยังมีชื่อเสียงอยู่ (เข้ายาก ตามค่านิยม) กลับมาบ้าน ชอบคุยกับญาติถามหาคนนั้นคนนี้ น้าบอกบ้านเราเปลี่ยนไปเยอะ คนแปลกหน้าก็เยอะตามจำนวนโรงงานที่มาเปิด ตกเย็นพาลูก ๆ ไปเดินตลาดโต้รุ่ง อุดหนุนร้านขนมหวาน หม้อแกง เปียกปูน สังขยา ชื่อร้าน "ป้าถวน" ซึ่งดิฉันเป็นขาประจำตั้งแต่วัยเยาว์ ตอนนี้มรดกความรู้เรื่องขนมคุณภาพนี้ ตกเป็นของรุ่นหลานแล้ว แต่ฝืมือไม่แปรเปลี่ยน พยายามมองหาคนที่เราเคยรู้จัก คุ้นเคยในอดีต ก็เห็นไม่กี่คน นอกนั้นแปลกหน้าอย่างที่น้าบอกจริง ๆ ด้วย มาคิดอีกทีคนที่เห็นเราก็คงคิดว่าเราเองก็เป็นคนแปลกหน้าสำหรับเขาเหมือนกัน 23 ปีผ่านไป (เท่าเวลาที่มาพักพิงแถบอีสาน) ระยองเปลี่ยนไปเยอะมากกก ถ้าถามว่าจะกลับไปอยู่ที่บ้านเดิมไหม๊ คงต้องคิดหนักมาก (ค่อนไปทางปฏิเสธ) มีหลายอย่างที่เปลี่ยนไปแบบไม่น่าชื่นชม เช่น จำนวนโรงงานที่มีอยู่แถบทุกหัวระแหง ของแพง ปัญหาสังคม ฯลฯ เมืองเล็ก ๆ สงบ สวยงาม แบบเมื่อก่อนไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว ดิฉันจำได้ว่าสมัยเด็ก ในอำเภอบ้านค่าย ไม่ค่อยมีเรื่องขโมย โจร นาน ๆ จะได้ยินสักที ชาวบ้านอยู่กันแบบพึ่งพาอาศัย บ้านเรือนปลูกติด ๆ กัน เอื้ออาทร นั่งคุยกับคนบ้านใกล้กันเป็นเจ้าของร้านขายของจิปาถะ ของใช้ ของกิน เสื้อผ้า เครื่องสำอางค์ บ่นว่าเดี๋ยวนี้ขายของไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน เพราะคนส่วนใหญ่มีรถยนต์แทบทุกบ้าน ไปในเมืองได้วันละหลายเที่ยว ที่แย่กว่านั้นก็คือ มีห้างใหญ่มาเปิดเป็นดอกเห็ด ร้านค้าเล็ก ๆ เหี่ยวเฉากันเป็นแถบ แถมในหนึ่งสัปดาห์มีตลาดนัดอีก 2 วัน
พาลูกขี่มอเตอร์ไซค์ไปเล่นใน โรงเรียนวัดไผ่ล้อม ซึ่งเป็น ที่บ่มเพาะวิชาความรู้ขั้นปฐมบท ให้เด็กหญิงตัวดำ ๆ คนนี้ อาคารไม้สองชั้นยังตั้งอยู่เด่นกลางสนามหญ้า ภาพในอดีตผุดขึ้นมาให้หวนระลึกถึงชีวิตที่สนุกสนาน สดใส ไม่ต้องแบกภาระ เรียน เล่น นอน อยู่ในสถานที่แห่งนี้ ได้เดินดูบอร์ดที่ติดรูปครูไว้ เห็นภาพครูอนงค์กับครูสมเกียรติ ที่ดิฉันรักและให้ความเคารพ ยังสอนอยู่ รู้สึกปลื้ม น่าเสียดายที่เป็นช่วงปิดเรียน ไม่งั้นคงได้เข้าไปคารวะคุณครูในดวงใจ พูดถึง "ครู" ในสมัยก่อนเราบูชาครูไว้เป็นที่สองรองจากพ่อแม่ แล้วครูก็ทำหน้าที่ได้สมกับเป็นปูชนียบุคคลจริง ๆ ต่างกับสมัยนี้ที่มีข่าวครู (บางคน) ประพฤติเรื่องเสื่อมเสียให้ได้เห็นอยู่บ่อย ๆ
เป็นโอกาสดีที่ได้พาลูกไปดูสถานที่ที่เราวิ่งเล่นตอนเด็ก ๆ เล่าเรื่องประกอบภาพไปในตัว เด็ก ๆ บอกชอบให้แม่เล่าเรื่องแม่เด็ก ๆ สนุกดี ดิฉันนึกในใจชอบก็ดีแล้วลูกเอ๋ย แม่จะใช้เรื่องเล่าเร้าพลังของแม่นี่แหละสอดแทรกความคิด คุณธรรม ความดีงาม ให้ลูกได้เรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน ส่วนลูกจะรับไปได้แค่ไหนก็ขึ้นกับตัวลูกเองนะลูก
ขอบพระคุณค่ะ ค่อยโล่งใจไปหน่อย
ขอบพระคุณป้าแดงค่ะ ที่เข้ามาเยี่ยมในวันหยุด ระยองก็ยังมีส่วนที่น่าชมอยู่มาก ไม่เลวร้ายไปเสียหมดค่ะ