ภารกิจของโครงการคือ สนับสนุนการพัฒนาชุมชนสาธิตให้เป็นชุมชนคู่เคียงมหาวิทยาลัยตามปนิธานที่ตั้งไว้เมื่อตอนจัดตั้งมหาวิทยาลัย
เป้าหมายและความหมายของชุมชนคู่เคียง คือ (ในตัวโครงการ)
1)เป็นชุมชนพึ่งตนเองอย่างยั่งยืน มีสวัสดิการที่พอเพียงต่อการดำเนินชีวิต ไม่ขาดไม่เกิน ทั้งทางร่างกาย จิตใจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
(ที่ระบายสี ผมเติมเอง)
2)เป็นพื้นที่เรียนรู้เพื่อดำเนินพันธกิจ4ด้านของมหาวิทยาลัยอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์ต่อชุมชน สังคม และสร้างชื่อเสียงด้านวิชาการให้กับมหาวิทยาลัย และเป็นต้นแบบของการพัฒนาชุมชนอื่นๆ
3)สร้างรายได้ให้กับมหาวิทยาลัย
ผมนึกถึงโครงการชุมชนอินทรีย์ของจังหวัดที่ดำเนินการครอบคลุมทุกหมู่บ้าน/ตำบล แน่นอนว่าพื้นที่ชุมชนสาธิตมีส่วนเหลื่อมกับหมู่บ้าน/ตำบล จะประสานให้เข้าสู่ระบบของรัฐโดยเนียนเข้าไปในงานอย่างไร? ทั้งจังหวัดและอบต.
จะประสานการทำงานร่วมกับหน่วยพัฒนาองค์กรอย่างไรให้เกิดประโยชน์ เป็นการสร้างความเข้มแข็ง พัฒนามหาวิทยาลัยเป็นองค์กรเรียนรู้โดยมีโจทย์ในพื้นที่ชุมชนเป็นสนามเรียนรู้ร่วมกัน
ผมนึกถึงตัวอย่างของบริษัทปูนซีเมนต์ที่จัดกลุ่มพนักงานเป็นทีมเรียนรู้กลุ่มละ5-6คนลงไปศึกษาชุมชนรายรอบ คิดวิเคราะห์แนวทางการพัฒนาชุมชนอย่างมีส่วนร่วม ลงไปดำเนินโครงการร่วมกับชุมชน
ตัวอย่างของสำนักวิชาพยาบาลของเราเองที่เคยฟังผศ.ดร.เกียรติกำจร บรรยายให้ผู้เยี่ยมชมจากม.ราชภัฏเชียงใหม่เรื่องการเรียนการสอนของสำนักที่ให้นักศึกษาลงไปเป็นสมาชิกของครอบครัวในชุมชนสาธิต ร่วมศึกษาเรียนรู้สุขภาวะ การป้องกัน สร้างเสริม และเยียวยาคนในครอบครัว
ตัวอย่างของมอ.ที่อ.ประสาท มีแต้มจากคณะวิทยาศาสตร์ทำวิทยาเขตสีเขียว โดยให้นศ.จัดกลุ่มเรียนรู้ ศึกษาสภาพแวดล้อมในวิทยาเขต ทำประเด็นปัญหาเพื่อพัฒนาวิทยาเขตในหลักสูตรการเรียนการสอนทุกๆเรื่อง เช่น การใช้พลังงาน การบำบัดน้ำเสีย เป็นต้น
เรามีโครงการPBLของสำนักวิชาสหเวชก็น่าจะใช้พื้นที่ชุมชนสาธิตเป็นพื้นที่เรียนรู้ หรือทำอยู่แล้ว?
เพื่อนผมบอกว่าเดี๋ยวนี้เขาไม่ใช้PBLแล้ว เขาใช้RBLคือ Result Base Learning ผมไม่มีประสบการณ์ทั้งสองอย่าง
ผมเห็นว่า ในเบื้องต้นคณะกรรมการโครงการควรกำหนดนโยบายโดยตั้งปณิธานร่วมกันว่าจะพัฒนาชุมชนสาธิตให้เป็นชุมชนคู่เคียงมหาวิทยาลัย(เอาจริงนะ)
ให้รองอธิการบดีที่รับผิดชอบภารกิจแต่ละด้านของมหาวิทยาลัยทำการบ้านเพื่อเสนอแนวคิดและวิธีการดำเนินงานให้ผู้รับผิดชอบเชิงระบบตามกลไกของส่วนศูนย์สถาบันและสำนักวิชารับทราบและให้ข้อเสนอแนะ เพื่อร่วมกันจัดทำยุทธศาสตร์ ยุทธการและแผนงาน/โครงการ
แนวนี้ผมเลียนแบบมาจากการนำเสนอABC Researchของสกว.และการเข้าร่วมจัดทำroadmap เศรษฐกิจพอเพียงของอ.อภิชัย พันธเสน
ด่านแรกสำคัญที่ควรฟันฝ่าคือ ภาวะผู้นำทางความคิดของผู้บริหาร มิใช่ให้ผู้จัดการเสนอ รับทราบ เห็นชอบ มอบหมายดำเนินการ
ด่านที่2คือ ภาวะผู้นำการบริหารแบบมีส่วนร่วม
ด่านที่3คือ กระบวนการจัดการความรู้
ทั้งหลายทั้งปวงมิใช่งาน "รูตีน"แน่ (ยืมศัพท์ของอ.วิจารณ์ พานิช)
สงสัยผมทำหน้าที่ตามภาระงาน30%ผิดไปแล้ว ขอจบดีกว่า
สวัสดีคะ พี่ภีม
ปล.ปีที่แล้วได้ไปร่วมงานวันเด็กที่โรงเรียนชุมชนใหม่ร่วมกับน้องๆ ชมรมอาสา ไม่ทราบว่าทาง ศบว. มีการคุยเรื่องนี้กันหรือไม่คะ อยากไปร่วมงานอีกและได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมกับชุมชน
ขอบคุณคะ