ว่าไปแล้วเกือบทุกปีจะพยายามพาลูกไปที่งานสัปดาห์หนังสือปีนี้ก็เช่น
เดียวกัน เมื่อวันที่ 23 ที่ผ่านมา พาลูกชายคนโตไปเพราะว่าคนน้องไม่
ค่อยสบาย พอรู้ว่าจะไปงานสัปดาห์หนังสือความกระตือรือร้นก็ปรากฏ
ขึ้นมาในทันที คุณพ่อครับพี่ค่ายขอซื้อ โดเรมอนนะครับ แล้วคิดว่าจะ
ซื้ออะไรฝากน้องละ(แคมป์ อยู่ในช่วงที่กำลังหัดอ่านพูดไปแล้วก็เพิ่ง
อ่านได้บ้างในปีนี้แหละ หลายคนอาจคิดว่าช้าไปก็ได้สำหรับอายุ 7 ปี
แล้วเพิ่งอ่านออก) พี่ค่ายคิดว่าแคมป์น่าจะอยากได้ โดราเบส เล่ม 6
ซื้อไปฝากแคมป์ด้วยนะ ซึ่งจริงๆแล้วคงเป็นความอยากได้ของตัว
เองแต่เอาน้องมาอ้าง ซึ่งก็ดีครับจะได้มีส่วนร่วมด้วย วันนั้นก่อนไปที่
ศูนย์ประชุมก็ไปที่ท่าพระจันทร์ก่อนกะว่าจะไปซื้อเทปที่ภรรยาต้องการ
ก่อนแต่ก็รอไม่ไหวเพราะว่าร้าน น้อง เปิด10.00 น.จึงตัดสินใจไม่รอดี
กว่า จะได้อยู่ที่ศูนย์ประชุมนานหน่อย ว้นนี้เป็นวันหยุดคนแน่นมากๆ
เลย หลังจากเข้ามาก็ให้ลูกไปขอแผนที่งานมา ไปที่ไหนดีละพี่ค่าย ไป
ที่เนชั่นโซน C พยายามให้ลูกมีส่วนร่วมมากที่สุดหลังจากนั้นใช้เวลา
ไม่นานก็มาถึงบู๊ทเดอะเนชั่นคนแน่นมากเลย พี่ค่ายตรงดิ่งเข้าไปเลือก
โดเรมอนมาได้ประมาณ 5-6 เล่มพอแล้วคุณพ่อพี่ค่ายว่าพอแล้วนะไป
หาที่อ่านดีกว่าแล้วพี่ค่ายอ่านรอคุณพ่อก่อนก็ได้ นี่พี่ค่ายคุณพ่อเลือก
ให้ลูกนะทดลองอ่านดูนะ ผมก็เลือกหนังสือเด็กให้อีก 2 เล่มคือเรื่อง
ตินตินซึ่งเป็นหนังสืออ่านแบบมีรูปภาพเหมือนกัน เราไปทานข้าวก่อน
แล้วกันนะแล้วค่อยดูว่าจะดูอะไรเพิ่มหรือเปล่า ด้วยความรู้สึกส่วนตัว
นะครับคิดว่าหนังสือเด็กที่ขายในปัจจุบันนั้นราคาแพงมาก เช่นโดเร
ม่อนที่ซื้อมาราคา ปกเล่มละ 85-95 บาท ซึ่งคิดว่าคงมีคนไม่มากนักที่
สามารถเข้าถึงหนังสือเหล่านี้ได้เด็กๆตามชนบทคงยากที่จะซื้อหามา
อ่านได้ เพราะว่าเปรียบเทียบกับตัวเองในอดีตหากเป็นหนังสือที่มีรูป
ภาพประกอบจบในตอนก็หาซื้อเล่มละ 1 บาทมาอ่าน และผมว่าสำหรับ
เด็กๆที่เริ่มหัดอ่านนั้นหนังสือที่มีรูปภาพช่วยกระตุ้นความอยากรู้ของ
เด็กๆได้ดีที่เดียว มีวิธีไหนที่จะทำให้หนังสือเหล่านี้ราคาถูกลงและ
สามารถทำให้เด็กๆในชบบทสามารถเข้าถึงได้มากกว่านี้บ้างครับ มีอยู่
ครั้งหนึ่งคุณตา คุณยายของเด็กๆมาที่บ้านและไปทำธุระที่ โฮมโปรกัน
พี่ค่ายก็ขอให้ผมซื้อเจ้าโดเรมอรนี่แหละ เล่มละ 95 บาทผมดูแล้วก็
บอกว่าแพงให้หาที่ถูกกว่านี้ประเภทที่ไม่ม่สี แต่ลูกก็ไม่ยอมอยากจะได้
ในที่สุดคุณยาย ทนไม่ไหวก็เข้ามาและบอกว่าไหนลูกอยากได้หนังสือ
เหรอมายายซื้อให้ไปหบิบมาเลยเข้าทางเลยครับ จำได้ว่าวันนั้นคุณ
ยายดูราคาเจ้าโดเรมอนนี่อยู่หลายรอบเลยก่อนที่จะจ่ายเงินเพราะว่า
ราคาพอๆกับหนังสือของยายเลยและยังเดินทางกลับมาไม่ถึงสระบุรี
เลยก็อ่านจบเรียบร้อยแล้ว แต่ดีที่เด็กนั้นถึงแม้ว่าอ่านจบแล้วก็อ่านใหม่
ได้อีกไม่รู้จักเบื่อ......และหลังจากนั้นไปพักที่สงขลาคุณตาไปหาร้าน
เช่าหนังสือให้ยืมมาอ่านที่ร้านคิดเล่มละ 1 บาท คุณตาบริการไม่อั้น
เลยจนรู้จักคุ้นเคยกับเจ้าของร้านเลยละ
หลังจากเพิ่มพลังไปเรียบร้อยก็ไปต่อ คราวนี้ไปที่สำนักพิมพ์นานมีก็ไป
หาหนังสือเด็กอีกนั้นแหละครับก็ได้มาอีก 4-5เล่ม คุณพ่อเอาผจญภัยใน
ถ้ำลึกอีกเล่มก็พอนะครับ สรุปแล้ววันนั้นก็ได้หนังสือเด็กมาหลายเล่ม
ส่วนของผู้ใหญ่ก็ได้มาเล็กน้อยจากสำนักพิมพ์หมอชาวบ้านและเรื่อง
ราวของอาศรมวงศ์สนิท(สถานที่พักกายพักใจยามเหนื่อยล้าในสมัย
เรียน ได้เรียนรู้ชีวิตอีกรูปแบบหนึ่ง) ที่จริงแล้วงานสัปดาห์หนังสือใน
ส่วนตัวผมก็ไม่ได้ตื่นเต้นมากนักหากแต่ถ้าเป็นเด็กๆบรรยากาศของคน
รักการอ่านมาเจอกันมากๆสามารถกระตุ้นให้เด็กเกิดแรงบันดานใจใน
การอ่านเพิ่มขึ้นอีกมากเลยละครับ ก็จากการได้อ่านนี่แหละครับที่บาง
ครั้งก็เอามาเป็นเรื่องเล่าเป็นนิทานให้ลูกฟัง บางครั้งลูกก็เอาเรื่องราวที่
ได้อ่านมาถาม ทำให้มีเรื่องคุยเล่นกันเมขึ้น ดังนั้นหากใครอยู่ใกล้ๆแล้ว
ยังไม่ได้ไปก็ไปเถอะครับอ่านหนังสือกันมากๆ เห็นว่าการอ่านเฉลี่ย
ของคนไทยเพิ่มขึ้นนะก็น่ายินดีด้วยเห็นว่าๆกันว่า 2 เล่ม/คน/ปี
เสร็จสินภาระกิจเดินทางต่อมารอรถตู้ที่อนุสาวรีย์เพื่อเดินทางกลับ
หมวกเหล็กเหมือนเคยครับรออยู 2 ชม. กลับถึงบ้านก็ทุ่มกว่าๆแล้วมี
ความสุขครับ