นายปอง พรหมทอง หรือคุณพ่อปอง พรหมทอง ท่านเกิดเมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ.2466 ที่ตำบลท่าพญา อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ท่านได้สมรสกับคุณแม่หวง สุขยืน (สกุลเดิม) และได้มาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บ้านบนเนินเมื่อปี พ.ศ.2490 โดยได้มีบุตรธิดาด้วยกัน 10 คน เป็นบุตรชาย 6 คน และบุตรหญิง 4 คน ลูกๆหลานๆของท่านทุกคนต่างได้รับการศึกษาและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและชีวิตครอบครัวทุกคน
คุณพ่อปอง พรหมทอง ท่านเป็นบุคคลที่มีความคิดความอ่านที่ดีคนหนึ่ง เป็นที่รู้จักของผู้คนทุกคนซึงให้ความเคารพรักและนับถือท่านมาตลอด คุณพ่อปองท่านเป็นคนที่ขยันมีความอดทนอดกลั้นในการทำงาน เป็นคนที่ประหยัด รู้จักใช้จ่ายไม่ฟุ่มเฟือย ถือว่าเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกหลานและผู้ใกล้ชิดมาโดยตลอด คุณพ่อปอง พรหมทอง ได้ยึดถืออาชีพ เกษตรกรรม ทำนา ทำสวนและอาชีพประมงมาโดยตลอด ส่วนคุณแม่หวงคู่ชีวิตที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ก็เป็นแม่บ้านที่ดี อาศัยว่าเป็นคนใจดีมีความเมตตาขยันหมั่นเพียร ช่วยเหลือจนเจือคุณพ่อปองกันมาตลอด โดยเจียดเวลาทุกๆเช้า ช่วยกันทำขนมจีนเป็นการค้าขายหารายได้อีกทางหนึ่งซึ่งในการขายขนมจีนของท่านในแต่ละวันนั้นจะต้องใช้เรือเป็นพาหนะที่จะนำขนมจีนไปขายยังสถานที่ต่างๆ ซึ่งเป็นการสร้างรายได้อีกด้านหนึ่งที่คุณแม่หวงได้ทำมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเป็นการช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระการใช้จ่ายของครอบครัว
ถึงแม้จะมีความเหนื่อยยากลำบากเพียงใด คุณแม่หวงก็ไม่เคยย่อท้อสู้ทนอดออมเก็บเล็กผสมน้อย เพื่อที่จะได้นำเงินส่วนนี้นำไปส่งเสียให้ลูกๆได้เล่าเรียนหนังสือ เพื่อให้ลูกๆได้มีการศึกษาสามารถยืนบนรากฐานของชุมชนในสังคมและดำเนินชีวิตของตนเองและสร้างชีวิตครอบครัวของตนเองให้เข้มแข็งสามารถนำเอาหลักปฏิบัติของตนเองและสร้างชีวิตครอบครัวของตนเองให้เข้มแข็งสามารถนำเอาหลักปฏิบัติของคุณพ่อปองนำมาปฏิบัติและเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตต่อไป
องค์ความรู้ของเรื่องที่ศึกษา รวบรวม
ทุกช่วงเย็นของทุกๆวันในฤดูการณ์ของการนำนาข้าว ซึ่งในการทำนาในแต่ละปีจะอยู่ในราวๆเดือนตุลาคม ถึงพฤศจิกายนของทุกปีที่อยู่ในเขตอำเภอปากพนัง และจะเป็นช่วงฤดูฝนของภาคใต้ฝั่งตะวันออกและในช่วงนี้อีกเช่นกันที่ถือได้ว่าเป็นช่วยมรสุมซึ่งจะเป็นช่วงที่น้ำทะเลจะหนุนเข้ามามากซึ่งก็เป็นธรรมดาที่เป็นปรากฏการณ์อย่างนี้มาช้านาน จากน้ำทะเลที่มีระดับความเค็มที่ค่อนข้างสูงได้หนุนเออล้นเข้ามาตามช่วงฤดูการณ์เข้ามาผสมน้ำฝนที่ตกหนักลงมาโดยตลอดจนทำให้มีน้ำในปริมาณที่มาเออล้นสองฝั่งคลอง จนทำให้เกิดน้ำกร่อยขึ้นมา ตามระบบธรรมชาติที่เหมาะสมบวกกับที่เป็นฤดูการวางไข่ของสัตว์น้ำแต่ละชนิด แต่ละสายพันธุ์ อาทิเช่น กุ้ง หรือว่ากุ้งก้ามกราม (กุ้งแม่น้ำ) กุ้งแตะ กุ้งป้อม หอย ปู ปลา ไม่ว่าจะเป็นปลากระบอก ปลาแขบงหมู ปลาหมอ ปลากดขาว ปลาหมอแตก หรือปลาแม้น ปลากะพงขาว ซึ่งปลาเหล่านี้จะสามารถวางไข่ได้ก็ต่อเมื่อน้ำมีระดับความเค็มในปริมาณที่ไม่มากนัก
จากการที่ช่วงฤดูนี้ เห็นได้ว่าจะมีพวกกุ้งปลาและสัตว์อื่นๆเข้ามาวางไข่หรือว่ามาหากินตามแถบชายฝั่งเป็นจำนวนมากซึ่งเหมาะแก่การออกหากุ้ง หาปลา ตามชายฝั่งของคุณพ่อปองเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งวิธีการจับกุ้ง ปลาของคุณพ่อปองคือการนำเรือที่ได้ประดิษฐ์หรือว่าสร้างขึ้นมาเองซึ่งเรียกว่าเรือเซียด คือการนำต้นไม้ทั้งต้นมาขุดให้เป็นเรือ ขนาดลำเล็กพอดีไม่ใหญ่จนเกินไป ขนาดกว้าง 60 – 80 เซนติเมตร มีความยาวประมาณ 8 – 10 เมตร สามารถนั่งได้คนเดียวเวลาออกไปหากุ้ง หาปลา
ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้ในการจับสัตว์น้ำก็เป็นเครื่องมือที่คุณพ่อปองประดิษฐ์ขึ้นมาเองทั้งนั้น โดยนำวัตถุดิบที่หาได้จากธรรมชาติ เช่น การนำไม้ไผ่ทั้งลำ (ทั้งต้น) โดยเลือกที่มีลำต้นที่ตรงและมีขนาดพอดีมีความประมาณ 7 – 8 เมตร นำมาเจาะรูที่ลำไม้ไผ่ให้ห่างกันประมาณ 2 นิ้ว แล้วเจาะตลอดแนวทั้งลำต้นไม้ไผ่ลำนั้น รูเล็กๆขนาด 1 หุน แล้วนำไม้ไผ่ที่ตัดผ่าเตรียมไว้ยาวประมาณ 40 เซนติเมตร เสียบเข้าไปในรูที่เจาะไว้แล้ว ทำเป็นซี่ๆ เหลาให้ปลายเรียวอ่อน สามารถดีดน้ำได้ ลักษณะคล้ายหวีที่ใช้หวีผม ซึ่งคนในท้องถิ่นเรียกว่า “คันเซียด” เวลาใช้งานต้องเอามาผูกติดไว้กับแคมเรืออีกด้านหนึ่งแล้วถางส่วนปลายออกไป ให้ปลายเรียวของซี่เซียดที่ทำไว้จมน้ำไปครึ่งเพื่อให้ซี่เซียดไปคราดถูก กุ้ง ปลา ในขณะที่พายเรือไปตามริมบาง(ริมคลอง) หรือริมป่าชายเลน ทำให้กุ้งปลาตื่นตกใจกระโดดลงในลำเรือ ที่ดักเฉลียงไว้กับคันเซียดพร้อมทั้งมีตาข่ายขึงดักไว้ด้วย
อีกวิธีหนึ่งที่คุณพ่อปอง พรหมทอง ท่านมีความภูมิใจและมีความสามารถในการหาปลาโดยการทำผีหลอก หรือจับประหลาด้วยวิธีการทำผีหลอกให้ปลาตกใจ แล้วกระโดดลงในลำเรือเองการจับปลาด้วยวิธีนี้ ชาวบ้านในท้องถิ่นเรียกว่า “การทำผีหลอก” การทำผีหลอกจะต้องใช้เรือเซียดเหมือนกัน แต่ไม่ต้องใช้คันเซียด เป็นการพัฒนารูปแบบจากประสบการณ์หรือภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่คุณพ่อปอง พรหมทอง ดัดแปลงมาใช้
โดยการนำไม้กระดานบางๆมาตอกด้วยตะปูประกอบกันจนเป็นแผง ยาวประมาณ 2 เมตร กว้างประมาณ 80 เซนติเมตร ใช้สองแผงต่อเรือหนึ่งลำ จะต้องทากระดานด้วยสีขาว เมื่อเวลามองจากความมืดจะดาวโพลนเหมือนกับรูปเรือที่ดูจากด้านข้าง เพื่อใช้สำหรับผูกติดเข้ากับลำเรือทางด้านขวามือ แล้วปล่อยแผงกระดานด้านหนึ่งลงไปในน้ำ ริมน้ำ (ริมบาง) แล้วพายเรือกระทบชายฝั่งเข้าไปเรื่อยๆ
เป็นเรื่องภูมิปัญญาชาวบ้านที่เยาวชนคนรุ่นใหม่ไม่รู้จักแล้ว ถ้าไม่มีการจารจารึกไว้ให้อ่าน ก็จะไม่รู้จัก และเรื่องราวก็จะสูญหายไป
ใครรู้ที่อยู่ของคุณทนง พรหมทอง ได้โปรดกรุณาแจ้งด้วย
สนุกมากที่ได้อ่านระวัติคน จังหวัดเรา