ทบทวนสักนิด....ถ้าคิดจะส่งโครงานเข้าประกวด


ข้อคิดการส่งโครงงาน
    ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการตัดสินโครงงานหลายครั้งในปี2550 ตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม 2550 เป็นกรรมการตัดสินโครงงานวิทยาศาสตร์ ประเภทสิ่งประดิษฐ์วิทยาศาสตร์ ช่วงชั้นที่ 4 เนื่องในงานศิลปหัตถกรรมภาคกลางและภาคตะวันออกและที่พึ่งผ่านมาเป็นโครงงานคุณธรรมขั้นต้น โครงการการประกวดโครงงานคุณธรรมเฉลิมพระเกียรติ "เยาวชนไทยทำความดีถวายในหลวง" ประจำปี 2550 ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสมุทรปราการ เขต2  ต้องขอชมว่านักเรียนปัจจุบันนี้เก่งมากโดยเฉพาะโครงงานวิทยาศาสตร์ประเภทสิ่งประดิษฐ์  บางชิ้นงานสามารถพัฒนาต่อยอด แต่สิ่งที่ผมจะแนะนำคงเป็นเรื่องการเขียนรายงานโครงงานที่ส่งเข้าประกวด  เพราะเป็นการเพิ่มคุณค่ากับโครงงานที่เข้าประกวด ดังนี้

     1.ครูผู้สอนโครงงานควรศึกษาโครงงานให้ท่องแท้  โดยเฉพาะร่างโครงงานว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง  ซึ่งโครงงานที่ สพฐ. จัดประกวดไม่ว่าจะเป็นโครงงานวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ พุทธศาสนา เป็นต้น
มีหัวข้อคล้ายๆกัน  คุณครู(ที่อ่าน)เชื่อหรือไม่ว่า....  รายงานที่ส่งถึงมือกรรมการมีรูปแบบเหมือนการศึกษาอิสระหรือวิทยานิพนธ์ในระดับปริญญาโท(แบบ 5 บท)... ให้นักเรียนเขียนรายงานโครงงานนะครับ
ไม่ใช่วิทยานิพนธ์

      2.ข้อนี้เสนอแนะแบบรวมๆนะครับ... การเขียนวัตถุประสงค์ เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า ความมุ่งหมายของเรื่องที่ศึกษามีความสอดคล้องกับโครงงาน  ลักษณะการเขียนใช้การบรรยายด้วยถ้อยคำที่กระทัดรัดเรียงจากวัตถุประสงค์หลัก ไปหาวัตถุประสงค์ย่อย.....สมมุติฐานการศึกษาในโครงงาน  จำเป็นที่จะต้องมีหรือไม่  ผมเคยบอกแล้วว่า...ไม่ใช่การทำวิทยานิพนธ์  สำหรับโครงงานแล้วผู้ทำโครงการมิได้มุ่งตอบคำถามใดเนื่องจากเป็นการพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ จึงไม่ต้องเขียนสมมุติฐานก็ได้   แต่ต้องเขียนถึงเหตุผล  แนวคิดสำคัญหรือทฤษฎีที่จะใช้ในการจัดทำโครงงานครั้งนี้ 

     3.การนำเสนอผลการศึกษานักเรียนต้องนำเสนอในรูปของตารางผลการทดลอง  และมีข้อความอธิบายใต้ตาราง...ไม่ใช่เมื่อแสดงตารางผลการทดลองแล้วต่อด้วยกราฟแท่ง(ไม่มีคำอธิบาย)

     4.การสรุปผลการจัดทำโครงงาน  ผู้เขียนรายงานไม่สามารถสรุปได้ว่าโครงการที่ทำการศึกษาหรือจัดทำนั้นตอบวัตถุประสงค์ของเรื่องที่ศึกษาหรือยัง....ตอบครบทุกข้อหรือไม่..เรียกง่ายๆว่าสรุปไม่ลง
ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้คุณครูควรแนะนำนักเรียนให้ปรับเปลี่ยนวัตถุประสงค์หรือถ้ามีมากว่า  5  ข้อ..ก็ตัดทิ้งไปก็ได้

     5.บางโครงงานให้นักเรียนนำเสนองานด้วยโปรแกรม PowerPoint ข้อแนะนำว่าแต่ละสไลดควรมีเฉพาะหัวข้อสำคัญๆเท่านั้น   ไม่ควรนำเสนอด้วยข้อความยาวๆเต็มพืดไปหมด(ไม่ควรพิมพ์ผิดด้วย)และที่สำคัญที่สุดอย่านำสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับโครงการมานำเสนอ

     6.การเขียนบรรณานุกรม  ครูผู้สอนจะต้องสอนนักเรียนด้วย  ที่สำคัญควรยึดแบบสถาบันใดสถาบันหนึ่งเป็นหลัก.......ที่ต้องระวังให้มากคือการที่นักเรียนไปค้นคว้าจากอินเตอร์เน็ตที่เรียกว่า"Search Engine"ไม่ใช่บอกว่า Google.com หรือ  Yahoo.com เท่านั้น ต้องบอกว่ามาจากWeb Site ใดด้วย
หมายเลขบันทึก: 141063เขียนเมื่อ 23 ตุลาคม 2007 08:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:09 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ขอบคุณค่ะ ที่นำความรู้มาแบ่งปัน เพราะอยู่ที่เขตก็ทำหน้าที่เป็นกรรมการตัดสินโครงงานเหมือนกันค่ะ ปัยหาที่พบมากคือ ครูที่ปรึกษาโครงงานนำปริญญานิพนธ์มาทำเป็นโครงงานเด็ก  มันวิลิศมาหราเกินไป ค่ะ บางทีรับไม่ได้  บางทีต้องตัดใจไม่ให้เข้ารอบค่ะ เพราะอยากได้โครงงานที่เป็นของเด็กจริงๆ นะค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท