นิวเคลียร์ในอิสราเอล(ต่อ)


เลือดไม่ใช่น้ำตา:บทสรุปสงครามเลบานอน – อิสราเอล
                 ในปี ค.ศ. 1953 ฝรั่งเศสกับอิสราเอลได้ลงนาในข้อตกลง การร่วมมือกันทางนิวเคลียร์ซึ่งทางการอิสราเอลได้เปิดเผยให้ประชาชนรู้ในปีต่อมา ฝรั่งเศสช่วยเหลืออิสราเอลสร้างปฏิกรณ์เพื่อการวิจัยขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ที่ ไดโมนา ในทะเลทรายเนเกรฟ  ปฏิกรณ์ดังกล่าวสร้างเสร็จในปี ค.ศ.1963 หรือ ค.ศ 1964   ปฏิกรณ์ที่ทะเลทรายเนเกรฟสามารถผลิตพลูโทเนียมได้พอสำหรับทำระเบิดอะตอมปีหนึ่งประมาณ 1 ถึง 2 ลูกได้ ปฏิกรณ์แห่งนี้ถูกเก็บเป็นความหลับสุดยอด   แต่ในปี ค.ศ. 1960เครื่องบินจารกรรมของสหรัฐรายงานว่าได้ค้นพบปฏิกรณ์ปรมาณูของอิสราเอลที่ ไดโมนา ที่นายเดวิ เบนกูเรียน  นายกรัฐมนตรีอิสราเอล จึงยอมรับว่ามีปฏิกรณ์ปรมาณูอยู่ที่นั้นจริงๆ  และแถลงว่าเป็นปฏิกรณ์มีจุดมุ่งหมายเพื่อการวิจัย                    ในขณะเดียวกันความร่วมมือระหว่างฝรั่งเศสกับอิสราเอลมีมากยิ่งขึ้น มีรายงานว่าบริษัทฝรั่งเศสช่วย อิสราเอล สร้างโรงงานแยกพลูโทเนียมที่ได้จากปฏิกรณ์ปรมาณูที่ไดโมนาฝรั่งเศสกับอิสราเองยังทำงานร่วมกันที่ฐานขีปนาวุธของอิสราเอลที่ เจริโก ซึ่งขีปนาวุธที่ยิงได้ไกล 260 ไมล์ สามารถส่งหัวรบนิวเคลียร์ไปยังเป้าหมายหลายแห่งในตะวันออกกลางและมีรางานว่านักฟิสิกส์อิสราเอลช่วยพัฒนาฝรั่งเศสพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อให้การผลิตพลูโทเนียมที่ไดโมนาได้ปริมาณมากๆ อิสราเอลต้องใช้ยูเรเนียมมากกว่าที่ได้จากเหมืองยูเรเนียมของตนที่บริเวณทะเลทรายเนเกรฟ แต่อิสราเอลไม่สามารถซื้อยูเรเนียมอย่างเปิดเผยในตลาดได้ เพื่อไม่ทำให้เกิดความสงสัยจากประเทศต่างๆ  ดังนั้นมีรายงานว่าอิสราเอลมีแผนโจรกรรมยูเรเนียมเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1968 มีการกล่าวว่าสายลับอิสราเอลได้วางแผนโจรกรรมยูเรเนียม 200 ตัน บนเรือขณะแล่นอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนหายไป  เรือบรรทุกยูเรเนียมลำนั้นเดินทางกลับจากกรุงแอนตเวร์ป เดินทางไป เจนัว  นอกจากนั้นอิสราเอลอาจได้พลูโทเนียมจากความช่วยเหลือของฝรั่งเศส และได้ยูเรเนียมจากสหรัฐอเมริกา  โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐอเมริกาแกล้งทำไม่เห็น ซึ่งองค์การสืบความลับ  CIA ของสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1976 มีความเห็นว่า ขณะนั้นอิสราเอลมีระเบิดอะตอมมีอำนาจทำลายเท่ากับ เจ้าหนูน้อย   พังเมืองฮิโรชิมา และได้คาดหมายว่าพอถึงปี สุดท้ายของศตวรรษนี้ ในคลังอาวุธของอิสราเอลจะมีระเบิดนิวเคลียร์มากกว่า 100 ลูก อิสราเอลมีเทคโนโลยีสูงพอจนไม่จำเป็นทดลองระเบิดนิวเคลียร์ของตน เพราะทำเช่นนั้นประเทศอาหรับรอบๆอิสราเอลย่อมแน่ใจว่าอิสราเอลมีอาวุธนิวเคลียร์ที่ร้ายแรงและเพิ่มความพยายามที่จะมีอาวุธเช่นนั้นไว้ตอบโต้ การปล่อยให้เป็นเรื่องของความคาดหมายเท่านั้นย่อมเป็นเรื่องดีกว่า(ธนู  แก้วโอภาส , ม.ป.ป : 141)                    อิสราเอลเป็นประเทศแรกที่พลังงานนิวเคลียร์ในภูมิภาคตะวันออกกลางซึ่งมีการสร้างโปรแกรมที่ยาวนานที่สุดในการวิจัยเกี่ยวกับนิวเคลียร์ในภูมิภาคนี้ นักวิทยาศาสตร์ที่เข้าร่วมนั้นซึ่งได้รับการป้องกันเป็นพิเศษ และยืนยันได้ว่าแผนกระบวนการพลูโทเนียมเป็นกระบวนการที่ใหญ่ที่สุดและเป็นกระบวนการที่ลักษณะที่ดีที่สุดข้องนักวิทยาศาสตร์ที่เข้าร่วม  ถึงแม้ว่าการดำเนินงานะไม่ปรากฏหลักฐานที่ชัดเจนว่านักวิทยาศาสตร์ของประเทศอิสราเอลมีการทดลองมาตลอด แต่หลักฐานที่มีอยู่ทั้งหมดนั้น สามารถที่เป็นบทพิสูจน์ว่าเจ้าหน้าที่นิวเคลียร์ของอิสราเอล คือ Mordechai  Vanunu  ซึ่งเขาได้วางแผนการจัดเรียงอุปกรณ์ที่ใช้ในการหลอมและการแยกพลูโทเนียมออกจากกันได้  การมีอาวุธนิวเคลียร์มิใช่แค่ประเทศอิสราเอลที่มีสลับซับซ้อนในการพัฒนาด้านอาวุธนิวเคลียร์เท่านั้น  แต่ประเทศอาหรับก็มีเช่นกัน เช่นประเทศปากีสถานก็มีการพัฒนาในด้านอาวุธนิวเคลียร์ซึ่งได้ประสบผลสำเร็จ เช่นกัน ในปี ค.ศ.1974 หน่วยลับของ The US Central  Intelligence Agency ( CIA ) ก็ได้ระบุว่าอิสราเอลได้ยึดอาวุธนิวเคลียร์ในประเทศปากีสถาน เพื่อมิให้ประเทศอาหรับครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ เกรงว่าประเทศอาหรับจะมีอาวุธนิวเคลียร์แล้วจะไปโจมตีประเทศตน  จึงยึดอาวุธนิวเคลียร์ไว้เป็นของตน เพื่อให้อิสราเอลนั้นมีอำนาจและมีอิทธิพลในการโจมตีและทำสงครามกับประเทศอาหรับได้โดยไม่ต้องเกรงกลัว เพราะว่าประเทศอาหรับไม่มีอาวุธที่ร้ายแรงที่จะทำการต่อสู้กับประเทศของตนได้ มีแต่ประเทศอิสราเอลเท่านั้นสามารถมีอาวุธนิวเคลียร์และมีอำนาจในการทำสงครามกับประเทศใดก็ได้ ซึ่งพวกเขาเชื่อว่า ก่อนที่อิสราเอลจะมีการสร้างอาวุธนิวเคลียร์นั้นหรือจะดำเนินการวิจัยเรื่องนิวเคลียร์ เขาจำเป็นที่ต้องมีการสำรวจปริมาณของยูเรเนียมที่มีอยู่ในครอบครองของอิสราเอล ซึ่งสิ่งเหล่านี้พวกเขาให้ความสำคัญอย่างมากกับเรื่องนี้ อุปกรณ์พื้นฐานในการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ และการสร้างอาวุธนิวเคลียร์นั้นจะต้องเป็นความลับในระดับหนึ่ง ไม่ให้บุคคลภายนอกรับรู้เพื่อความปลอดภัยในการดำเนินการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ อิสราเอลได้พยายามเป็นอย่างมากและเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ในการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อนำยูเรเนียมมาประดิษฐ์เป็นอาวุธทีมีค่าต่อการปรับให้เป็นหัวรบนิวเคลียร์(Shyme   Bhatia,1988 : 34)                    ผู้เชียวชาญชาวตะวันตกได้วิเคราะห์ว่านี้มิใช่ครั้งแรกที่อิสราเอลมีอุปสรรคในการเริ่มต้นสร้างอาวุธนิวเคลียร์แต่พาเขาเองก็ได้พยายามกระทำจนสำเร็จ คิดว่าอีกประมาณ 12 ปีข้างหน้า อิสราเอลก็จะประสบผลสำเร็จ   Moroccan ซึ่งเป็นชาวยิว ได้ตั้งรากฐานในอิสราเอล เขาเองรู้สึกไม่พอใจเกี่ยวกับการแยกดังกล่าวก็คือ ยูเรเนียม และพลูโทเนียม  ซึ่งเขาเองก็มีความชำนาญในเรื่องของนิวเคลียร์ด้วย  Mordechai  Vanunu   ก่อนที่เขาจะทำงานที่ศูนย์กลางการวิจัยนิวเคลียร์นิวเคลียร์ที่อิสราเอล หรือที่ ไดนาโม เขาก็ได้ให้คำสัมภาษณ์ในหนังพิมพ์ London – base  Sunday  Times ว่าเขาเป็นคนหนึ่งที่อิสราเอลให้ความสนใจ เกี่ยวกับการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ซึ่ง Mordechai  Vanunu  ได้เปิดเผยว่า อิสราเอลเป็นประเทศที่มีความลึกลับเกี่ยวกับแผนกระบวนการพลูโทเนียม อิสราเอลได้ดำเนินอย่างลับๆที่ศูนย์การวิจัยนิวเคลียร์ไดนาโม ประเทศอิสราเอล และอิสราเอลมีหัวหน้ากระบวนการที่มีระดับมาตรฐานและมีห้องปฏิบัติการที่เพรียงพร้อม                    แผนกระบวนการสร้างนิวเคลียร์กับความช่วยเหลือของฝรั่งเศส หลังจากการให้สัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์  The Sunday Times ว่าศาสตราจารย์ Francis Perrin  เป็นเจ้าหน้าที่สูงสุดของฝรั่งเศสซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับพลังงานนิวเคลียร์หรือพลังงานเกี่ยวกับอะตอม จากปี ค.ศ.1970 และมีการร่วมมือระดมความคิด     ในปี 1957 ได้มีการติดต่อกับรัฐบาลฝรั่งเศสให้ช่วยเหลือในการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ที่ ไดโมนา และแผนกระบวนการ Mordechai  Vanunu  จะใช้ที่ตึก Machon 2  เป็นสถานที่ทำงาน  ซึ่งเป็นโรงงาน หรือ โกดังสินค้า แต่มันเป็นพียงภายนอกเท่านั้นความเป็นจริงแล้วเป็นสถานที่ที่ใช้ในการหลอมหรือผลิตนิวเคลียร์อย่างลับๆ  การสร้างอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งมีกระบวนการและส่วนประกอบที่สำคัญอันได้แก่ พลูโทเนียม เครื่องจักรต่างๆ  นิวเคลียร์จะมีพลังงานเชื่อเพลิงจะแตกต่างกับพลังงานทั่วไปถึง 140 เชื่อเพลิง ทำให้ไดนาโมสามารถที่จะยกระดับจาก 26 MW ถึง 150 MW  ซึ่งอิสราเองต้องใช้ผู้ชำนาญทางด้านวิศวกรรมศาสตร์   จากการดำเนินงานของอิสราเอลสามารถใช้พลังงานเชื่อเพลิงที่สกัดจากพลูโทเนียมมีมากถึง 40 กิโลกรัมต่อปี.   Mordechai Vanunu กล่าวว่าพลังงานที่อยู่จะแสดงถึงความสะดวกในการสร้างสิ่งต่างๆเนื่องจากความชำนาญในการผลิต 6 ลีเทียมของไอโซโคปของไฮโดรเจนและไอโซโทปของไฮโดรเจน เมื่อศักยภาพของอิสราเอลกับอาวุธนิวเคลียร์ ผลิตภัณฑ์ที่น้อยที่สุดของลิเทียม ไอโซโคปของไฮโดรเจนและไอโซโทปของไฮโดรเจน แสดงถึงชาวอิสราเอลมีเครื่องจักรที่ใช้ในการส่งเสริมการสร้างอาวุธนิวเคลียร์โดย 10 เท่า Mordechai Vanunu  ได้ใช้กล้องถ่ายอย่างลึกลับ ได้มากกว่า 60 ภาพ ซึ่งภาพเหล่านั้นเป็นภาพที่เกี่ยวกับการทำงานของระเบิดนิวเคลียร์ เช่นภาพ ภาพการแตกของระเบิดนิวเคลียร์  โดยผู้มาชมเกี่ยวกับการทำงานของอิสราเอลนั้น เฉพาะคนพิเศษเท่านั้น บุคคลภายนอกไม่สามารถเข้าไปได้นอกจากจะได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่นิวเคลียร์ของอิสราเอล  ผู้เชียวชาญอังกฤษและชาวอเมริกา ได้สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับนิวเคลียร์ Mordechai  Vanunu   ได้ให้เหตุผลว่า อิสราเอลสร้างพลังงานนิวเคลียร์ซึ่งเป็น ประเทศที่พัฒนาทางด้านนิวเคลียร์เป็นอันดับ 6 ของโลกซึ่งรองจาก สหรัฐอเมริกา   สหภาพโซเวียต  จีน  ฝรั่งเศส  และอังกฤษ  Dr. Theodore Taylor อดีตที่ปรึกษาด้านอาวุธนิวเคลียร์ของอิสราเอล ซึ่งได้ให้สัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์ The Sunday Times กล่าวว่าอิสราเอลจะใช้ระยะเวลาไม่นานในการพัฒนาทางด้านอาวุธนิวเคลียร์ อิสราเอลจะมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในการสร้างอาวุธนิวเคลียร์และจนกระทั่งประสบผลสำเร็จ   Dr. Frank Barnaby นักฟิสิกส์นิวเคลียร์ชาวอังกฤษ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการของหน่วยงาน  The  Stockholm   International  Peace  Research  Institute  กล่าวว่า จากภาพที่ Mordechai  Vanunu ได้เก็บไว้ จะเป็นภาพที่บ่งบอกถึงข้อสรุปภาพถ่ายที่ทดลอง  Mordechai  Vanunu  กล่าวว่าอิสราเอลมีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครองอยู่ในระหว่าง 100 200 ลูก และยังมีอีกมากมายที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์(Shyme   Bhatia,1988 :36)
คำสำคัญ (Tags): #ตะวันออกกลาง
หมายเลขบันทึก: 140106เขียนเมื่อ 19 ตุลาคม 2007 14:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 พฤษภาคม 2012 22:01 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท