อาหารที่ไม่ควรรับประทาน
1. ขนมหวานทุกชนิด เช่น ทองหยิบ ฝอยทอง เม็ดขนุน สังขยา ขนมหม้อแกง ขนมจีบ กาลาแม ข้าวเหนียวแดง ข้าวเหนียวแก้ว ข้าวเหนียวมูน ขนมเปียกปูน ขนมเค้ก อาหารเชื่อมทุกชนิด เช่น ลูกตาลเชื่อม มะตูมเชื่อม กล้วยเชื่อม มันเชื่อม ฯลฯ ขนมแกงบวชต่าง ๆ เช่นกล้วยบวชชี มันแกงบวช และอาหารที่มีรสหวานทุกชนิด
2. น้ำหวานต่าง ๆ เช่น น้ำหวานทุกชนิด โอเลี้ยง น้ำอัดลม ทุกชนิด น้ำผึ้ง แยม นมข้นหวาน ช็อคโกแลต ทอฟฟี่ ลูกกวาด น้ำตาลก้อน ฯลฯ
3. ผลไม้กวน และผลไม้ต่าง ๆ เช่น ลูกพรุน สับปะรด กล้วยกวน ทุเรียนกวน ลูกเกด กล้วยตาก ลำไยแห้ง เป็นต้น
4. ผลไม้กระป๋อง และขนมน้ำกล้วยกวนเชื่อมต่าง ๆ เช่น เงาะกระป๋อง ลำไยกระป๋อง แห้วกระป๋อง วุ้นน้ำเชื่อม เฉาก๊วยน้ำเชื่อม เป็นต้น
5. ผลไม้ที่มีรสหวาน ได้แก่ ทุเรียน ขนุน ลำไย ลิ้นจี่ น้อยหน่า น้อยโหน่ง อ้อย มะขามหวาน ละมุด องุ่น มะม่วง
ควรกินอย่างไร
- กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ กินผักให้มากขึ้น
- กินข้าวตามกำหนด ถ้าไม่อิ่มให้กินผักเพิ่ม
- กินผลไม้ที่รสหวานน้อย เช่น ส้มโอ ฝรั่ง พุทรา
- ใช้เต้าหู้ ถั่วต่าง ๆ ทำอาหารให้มากขึ้น
- ใช้มำมันพืชแทนไขมันสัตว์ เช่น น้ำมันรำข้าว
- กินอาหารให้ตรงเวลา
- กินยาตามแพทย์สั่ง อย่างเคร่งครัด
- ควรกระจายอาหารออกเป็นทื้อย่อย ๆ คือ กินทีละน้อย แต่กินทุกมื้อ เพื่อให้ร่างกายค่อย ๆ ย่อยอาหารได้ง่ายกว่ากินทีละมาก ๆ
ผลไม้ที่รับประทานได้ในปริมาณจำกัด
เงาะ รับประทานได้ 4 ชิ้นขนาดคำ
มังคุด รับประทานได้ครั้งละ 2 ผลใหญ่
มะม่วงสุก รับประทานได้ครั้งละครึ่งผลใหญ่
ส้มเขียวหวาน รับประทานได้ครั้งละ 1 ผล
กล้วยหอม รับประทานได้ครั้งละครึ่งผล
กล้วยน้ำว้า รับประทานได้ครั้งละ 1 ผลเล็ก
ส้มโอ รับประทานได้ครั้งละ 2 กลีบ
แตงโม รับประทานได้ครั้งละ 10 ชิ้นขนาดคำ
มะละกอ รับประทานได้ครั้งละ 2 ชิ้นขนาดคำ
สับประรด รับประทานได้ครั้งละ 6 ชิ้นขนาดคำ
องุ่น รับประทานได้ครั้งละ 10 ผลเล็ก
ชมพู่ รับประทานได้ครั้งละ 2 ผล
ไม่มีความเห็น