Case Study ของวัดพระธรรมกายกับหนังสือปราบมาร


การที่จะได้พบคนมีความรู้จริงนั้น ขึ้นอยู่กับบารมีส่วนตัวของเราด้วย ถ้าดวงบารมีของเรามารยังระเบิดได้ โอกาสที่เราจะพบคนเก่งก็คลาดกันไปคลาดกันมา มารมันไม่ยอมให้คนเก่งกับคนเก่งมาพบกันอย่างเด็ดขาด
ผมได้ข้อมูลมาอย่างนี้ ขอตัดมาบางส่วน ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อเนื้อความโดยรวม ดังนี้

ผู้ถามเขียนถามคุณครูไม่ใหญ่ (ประธานสงฆ์วัดพระธรรมกาย) ความว่า

ช่วงที่บวชเป็นพระภิกษุตั้งแต่ ปี พ.ศ.2539 เป็นต้นมา ในพรรษาแรกนั้น เนื่องจากผมมีความศรัทธาในวิชชาธรรมกายอย่างมากล้น จนลืมเอาดวงปัญญานำหน้า จึงหลงใหลในเรื่องราวเกี่ยวกับวิชชาธรรมกายที่ละเอียดๆ ซึ่งเพื่อนสหธรรมมิกเป็นผู้นำมาให้อ่านหรือเล่าให้ฟัง  และโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ผมก็ถูกลวงให้ไปอยู่นอกวัด โดยสามเณรรูปหนึ่ง ซึ่งบัดนี้ได้ลาสิกขาไปจากวัดแล้ว  ซึ่งอ้างตัวว่าเห็นธรรมะละเอียด มักจะนำเรื่องราวเกี่ยวกับวิชชาธรรมกายที่ละเอียดๆ มาเล่าให้หมู่คณะฟังเป็นตุเป็นตะ  แต่ผมก็หลงเชื่อเพราะในตอนนั้นผมไม่เคยนึกคิดมาก่อนว่า  ผู้ที่บวชแล้วจะสามารถพูดโกหกได้  อีกอย่างถ้าเขาไม่รู้ไม่เห็นจริงแล้ว เขาจะเอาเรื่องราวต่างๆ มาเล่าให้เราฟังได้อย่างไร แต่คงเป็นเพราะกรรมมาบังตา  ผมเลยต้องเสียค่าโง่ไปครับ
 
          ต่อมาภายหลังผมจึงทราบว่าสามเณรรูปนั้น  ได้จดจำเรื่องราวดังกล่าว มาจากหนังสือเล่มหนึ่ง (ที่ชื่อว่า “ปราบมาร”) บวกกับผลการปฏิบัติธรรมที่ผิดเพี้ยน ไม่ตรงไปตามความเป็นจริงของตน มาประกอบเป็นเรื่องราวเป็นตุเป็นตะ

คำถาม
5.บุคคลประเภทที่ไม่รู้จริงแต่ชอบเอาธรรมะละเอียดมาอวดรู้นี้จะได้รับผลกรรมอย่างไร, ผู้ที่เขียนหนังสือ “ปราบมาร”  จนเป็นสาเหตุให้สามเณรนำมาใช้กล่าวอ้างให้คนหลงเชื่อนี้  จะได้รับผลกรรมอย่างไรครับ

คำตอบของคุณครูไม่ใหญ่

5.    บุคคลประเภทที่ไม่รู้จริง   แล้วเอาธรรมะละเอียดมาอวดอ้าง  เช่น  ผู้ที่เขียนหนังสือ “ปราบมาร” จนทำให้อดีตสามเณรผู้อ่านหลงผิดนั้น   จะทำให้มีวิบากกรรม  คือ  จะมีส่วนแห่งความเป็นบ้า  ,  จิตจะวิปลาสแปรปรวนถึงขั้นเป็นจิตประสาท    เมื่อตายแล้วก็จะไปอยู่ภพพิเศษที่ทุกข์ทรมานมากกว่าโลกันตนรกจ่ะ !

อ้างอิงจาก
http://www.dmc.tv/pages/casestudy/2549-08-28.html
http://www.geocities.com/tammaratt/CaseStudy

ถ้าดูใน VDO จะพบว่า ท่านได้กล่าวถึงเรื่องมีคนมาถวายหนังสือปราบมาร ท่านก็ว่าให้เอารูปหลวงพ่อสดออก แล้วให้เอาไปเผาไฟทิ้งเสีย ทำนองว่าหนังสือนี้ ทำให้คนเข้าใจวิชาธรรมกายผิดเพี้ยน และท่านก็รู้จักคนเขียนหนังสือเล่มนี้ดี ยังไม่หยุดเขียนอีกเหรอ

ถ้าท่านอยากดูรายละเอียด ก็ไปดูตาม link ที่แจ้งไว้ แล้วมาแสดงความคิดเห็นกันไหมครับ ว่าจะเป็นอย่างไรต่อ สนุกอีกแล้วครับท่าน

ท่านลองเข้าไปดูนะครับ ตรง VDO นาทีที่ประมาณ 22 กว่า จะเห็นหน้าผู้ตอบคำถาม สังเกตดีๆ สิครับ แววตาเป็นอย่างไร กิริยาเป็นอย่างไร เพราะกล้องเขาดี โฟกัสชัดเจน แต่กรุณาอย่าเอา VDO นี้ออกซะก่อนนะครับ

 

 ส่วนผมรู้สึกว่า นี่เป็นความเห็นของผมนะครับ ถ้าใครมาถามเรื่องธรรมะละเอียดๆ แหม คำนี้ช่างประดิษฐ์ได้ดีจริงๆ ครับ ผมลองสังเกตดู ในกรณีนี้ ท่านผู้ตอบรู้สึกจะไม่พอใจผู้แต่งหนังสือ วิชาปราบมาร และยังมีความสัมพันธ์มาเก่าก่อน แสดงว่าเคยเจอกันมาก่อนในอดีต โดยไม่แสดงรายละเอียดอื่นใด และสรุปว่าท่านผู้แต่งหนังสือปราบมารนี้ จะพบวิบากกรรม โดยตกนรกต่ำกว่าโลกันต์ เป็นนรกขุมพิเศษ

ผมก็เลยงง ความรู้เดิม โลกันตนรกนี่เป็นนรกขุมต่ำสุด อยู่ปลายขอบจักรวาล เป็นที่เย็นยะเยือก สุดที่จะหาความเย็นใดเท่าอีกแล้ว มีแต่ความมืดมิด อดอยากมากมาย จะต้องเสวยทุกข์อยู่ในนี้ เป็นอนันตกาล นานมาก นี่ก็ว่าต่ำที่สุดแล้ว แต่เอ ยังมีต่ำกว่านี้อีก มันจะเป็นนรกขุมไหนนะ เห็นมีบัญญัติใหม่ว่าเป็นขุมพิเศษ นี่ก็ถือว่าเป็นความรู้ใหม่นะครับ

ต่อมาผมว่าที่ต่ำที่สุดน่าจะเป็น เซฟ ที่ลงโทษผู้กระทำผิดต่อสายวิชาธรรมกายมากกว่า ผู้ทำให้วิชาต้องมัวหมอง เดินวิชาต่อตีนโจร ทำวิชาผิดเพี้ยนโดยทั้งที่รู้และไม่รู้ตัว เพราะไม่เคยเปิดตำรา มาศึกษาทบทวน คิดว่าตนเองมีวิชาเก่งที่สุด โดยไม่เคยแสดงหลักวิชาหรือหลักฐานอื่นใดมาให้เราได้อ่านเลย โปรดแต่งตำราวิชาธรรมกายให้เราได้อ่านสิครับ จะได้ตรวจสอบความรู้กันว่า ความรู้ที่ท่านเขียน ผิดถูกประการใด ลึกซึ้งเพียงใด ขยายความได้เพียงใด ซึ่งเป็นหนทางของนักปราชญ์ราชบัณฑิต แต่เก่าก่อนเดินทางมา เพราะความรู้จะสืบทอดได้ ถ้าไม่ท่องจำ ก็ต้องทำตำรา การท่องจำนั้น ไม่นานก็ผิดเพี้ยนกันได้ ทำเป็นตำราดีกว่า

การที่มีพระภิกษุสงฆ์ อ้างว่านอนหลับฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นมาเล่านิทานปรัมปราให้ฟังกันนั้น ดูท่าทางจะไม่ใช่นิทานปรัมปราเสียแล้ว เป็นการแสดงรู้ญาณของตน เพราะมีการแต่งสคริปต์ บทพูดมาอย่างดี ผู้พูดต้องมีญาณทัศนะที่เก่งกาจ มิฉะนั้น จะมาเล่านิทานปรัมปรา แบบนี้ไม่ได้ และก็ไม่ได้มีเรื่องเดียว เล่ามามากมายหลายเรื่องและออกดาวเทียมไปยังผู้คนต่างๆ เหล่าบรรดาผู้ฟังส่วนใหญ่ก็เชื่อว่า นี่มิใช่นิทานปรัมปรา แต่เป็นการสอบถามบุพกรรมของตนในเรื่องราวต่างๆ และส่วนใหญ่ก็เชื่อตามนั้น จะแสดงว่าเป็นนิทานปรัมปราจะมีสักกี่คน แล้วนี่ก็แสดงว่าวิชาธรรมกายของท่านเก่งมาก ตรวจสอบได้หมด ไม่ว่าจะเกิดมากี่รอบในการสร้างบารมี จากเหตุนั้นมาจนเหตุปัจจุบัน ท่านรู้หมด ไม่ธรรมดา ถือเป็นสิ่งสุดยอดผู้ทรงคุณธรรมผู้หนึ่งในปัจจุบันเลยนะครับท่าน

เรื่องเหล่านี้ คงไม่มีใครกล้าแตะ เพราะดูเหมือนจะเป็นศัตรูกัน แต่ต้องพูดกันในฐานะของผู้ใคร่ศึกษา ในธรรมมาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะแสดงรู้ญาณแบบนี้ เหมือนดังพระพุทธสิขีทศพล แสดงเป็นชาดกไว้เมื่อกาลเก่าก่อนจะได้หรือไม่ เพราะการยอมรับรู้ญาณแบบนี้นั้น ของสาธุชนจะมีมากน้อยเพียงใด มีอะไรมาตรวจสอบได้ หรือจะยกตนเหมือนดั่งพระพุทธองค์ ก็ไม่ทราบได้ หรือว่าตนปรารถนาเป็นบรมโพธิสัตว์ จึงแสดงสิ่งใดก็ได้ ในแวดวงของตนเอง เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ แตะแบบนี้ก็ต้องมีบทต่อมาเป็นลำดับๆ คงไม่จบง่ายๆ

สาธุ ท่านผู้เจริญ โปรดใช้โยนิโสมนสิการโดยแยบคาย ผิดถูกประการใด ข้าพเจ้าก็น้อมรับ พร้อมรับผิดชอบในสิ่งที่ตนแสดงนี้โดยธรรม อย่าเอานรกมาขู่ เอาสวรรค์มาล่อกันเลย เรื่องนี้ข้าพเจ้าผ่านมามากแล้ว ให้เอาความรู้นำ เอาความกล้าตาม เพื่อแสวงหาความรู้อันเป็นที่สุด ให้เราหลุดจากบ่วงของมาร เข้าสู่นิพพานอันเกษม และอย่าไปรู้คนเดียว ช่วยกันแสวงหาความรู้นั้นๆ มาเผยแพร่กันโดยธรรม จะได้เข้าดินแดนอันเกษมสุขกันถ้วนหน้า ด้วยกายมนุษย์นี้เทอญ

 
 
ผมขอยกตัวอย่างเนื้อหา จากหนังสือปราบมาร ภาค 4 ของคุณลุงการุณย์ บุญมานุช มาให้ท่านทั้งหลายพิจารณา โดยจะไม่ใส่ความคิดเห็นใดๆ ของผม ลงไป เพื่อให้ท่านได้ใช้ โยนิโสมนสิการ ของท่านเองอย่างเต็มที่ ขอเชิญอ่านเถิด

ตำรามีความสำคัญมาก อย่าเรียนแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน

     คำว่า “ภูมิปัญญาชาวบ้าน” เป็นคำที่ใช้ในยุคนี้ หมายถึง งานหัตถกรรม เป็นความสามารถพิเศษ เราทำงานนี้ขึ้นก็เลี้ยงตนเองได้ เช่น งานช่างฝีมือ งานทำอาหาร งานประดิษฐ์ต่าง ๆ เป็นต้น

     ข้าพเจ้าเสนอแนะว่า เรียนวิชาธรรมกายให้ยึดมั่นตำรา หมั่นเปิดตำราทบทวนความรู้ว่าความรู้ยังแม่นตำราอยู่หรือไม่? หรือว่าผิดเพี้ยนไปอย่างไร? เหมือนวัฒนธรรมของพระสงฆ์ จะต้องลงฟังปาฏิโมกข์ในอุโบสถทุก ๑๕ วัน เป็นการทบทวนวินัยของพระสงฆ์ว่ายังครบถ้วนดีอยู่หรือ? ตามหลักการที่ว่า “เจ็ดวันเว้นดีดซ้อมดนตรี อักขระห้าวันหนี” หมายความว่า การดนตรีของเรานั้น ไม่ซ้อมเพียง ๗ วัน ความชำนาญจะเฝือไปหมด ความรู้ทางหนังสือก็เช่นกัน ไม่ได้ทบทวนเพียง๕ วันเท่านั้น เหมือนกับว่าตัวหนังสือหนีไปหมดแล้ว ไม่มีอะไรเหลืออยู่แล้ว ความรู้ทางหนังสือไม่เป็นเองแล้ว เนื่องจากเราไม่หมั่นทบทวน นั่นเอง

     กล่าวถึงวิชาธรรมกาย อันเป็นศาสตร์ว่าด้วยการทำใจให้สว่างใส ตามความรู้ต่าง ๆ ที่หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านรวมไว้ให้นั้น มีทั้งหลักสูตรเบื้องต้น หลักสูตรระดับกลาง และหลักสูตรระดับยาก นั่นคือ เบื้องต้นก็ได้แก่ หลักสูตร ๑๘ กาย ระดับกลางได้แก่หลักสูตรคู่มือสมภารแหละหลักสูตรมรรคผลพิสดาร หลักสูตรระดับยากได้แก่วิชาปราบมาร มีตำราให้ศึกษาเรียนรู้แล้ว เราเคยเปิดตำราอ่านทบทวนบ้างหรือไม่? ถ้าเรียนอย่างภูมิปัญญาชาวบ้าน เคยทำอยู่อย่างไรก็ทำอยู่อย่างนั้น ข้าพเจ้าบอกได้เลยว่าไม่เป็นผลดี ให้เปลี่ยนวิธีใหม่ วิธีใหม่ก็คือ หมั่นเปิดตำราอ่านทวน เราทำเพี้ยนอยู่หรือเปล่า? หรือว่ายังแม่นตำราอยู่ เพื่อเราจะได้ปรับตัวให้ความรู้ถูกต้องเข้าไว้ เหมือนกับที่พระสงฆ์ ท่านลงฟังปาฏิโมกข์นั้น ไม่มีการผ่อนผัน ต้องบังคับตัวเอง

     เหตุใดที่ข้าพเจ้ากล่าวเช่นนั้น ? ก็เพราะข้าพเจ้าทำวิชาปราบมารมาถึงขั้นนี้แล้ว ได้รู้ได้เห็น ไม่เดินวิชาเพียงวันเดียว ความรู้ของเราเพี้ยนทันที เฝือไปหมด ไม่ได้เรื่องไปหมด ใช้การไม่ได้ ต้องมาเรียนตั้งต้นกันใหม่ กว่าความรู้จะเข้าที่ดังเดิม ต้องใช้เวลาขัดเกลานาน

     ท่านต้องเข้าใจว่า วิชาธรรมกายเป็นวิชาสำคัญที่มารเข้าพยายามล้มล้าง ถ้าวิชาธรรมกายดับไปไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ มารเขาจะทำงานเต็มมือ อธรรมก็จะชนะธรรม ความชั่วจะชนะความดี อกุศลชนะกุศล บาปชนะบุญ มรรคผลนิพพานจะล่มสลาย เพราะเราขาดสื่อแห่งการรู้เห็น

     กายธรรมคือสื่อแห่งการรู้เห็น ก็เมื่อมารดับวิชาเสียแล้ว เราจึงขาดสื่อแห่งการรู้เห็น วิธีที่มารจะทำลายวิชาได้ ก็คือ เขาสอดละเอียดมาที่ใจของเรา เอาดวงดำเข้าหุ้มเคลือบ เอาความมืดมัวมาเอิบอาบ เพื่อให้ใจของสัตว์โลกมืดบอด

     หากเราไม่หมั่นเดินวิชาให้ดวงธรรมใส แปลว่า มารจะเข้ายึดปกครองใจเรา หากใจเราขุ่นมัว หมายถึงว่าดวงธรรมขุ่นมัวแล้ว เราจะคิดทำชั่วทันที ย่อมหมายถึงว่า มารยึดธาตุธรรมเสียแล้ว โลกจะมืด โลกจะวุ่นวาย โลกจะเดือดร้อนด้วยประการต่าง ๆ

    ข้าพเจ้าจึงแนะนำ ให้หมั่นเปิดตำราทบทวนความรู้ ก็เพื่อไม่ให้มารยึดอำนาจปกครองใจเรานั่นเอง ไม่ว่าใคร ! ถ้าไม่มีความอายเสียอย่างเดียว ย่อมทำกรรมชั่วได้ทั้งนั้น ไม่เกรงกลัวต่อการทำบาป ไม่นึกละอายต่อการทำบาป นั่นคือ มารปกครองเต็มรูปแบบแล้ว

เป็นธรรมกายเหมือนกันแต่ไม่เหมือนกัน

     การตักตวงความรู้วิชาธรรมกายนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องตั้งแต่วันนี้ เป็นธรรมกายเหมือนกันแต่ไม่เหมือนกัน เพราะความรู้ต่างกัน วิชาธรรมกายนั้นมีเนื้อหาความรู้หลายหลักสูตร เหมือนปริญญาบัตรในทางโลก แต่ใครจะมีความรู้ระดับใด? เรื่องนี้ไม่ยากเลย ถ้าแก้โรคไม่ได้ แก้ทุกข์ร้อนปวงชนไม่ได้ ไม่เคยมีประวัติว่าทำได้เลย กรณีนี้ ไม่มีประกาศนียบัตรให้ แต่ก็เป็นธรรมกายเหมือนกัน

     หากเราศึกษาให้ดี เราจะทราบว่า ในสมัยที่หลวงพ่อมีชีวิตอยู่นั้น ใครแก้โรคได้ หลวงพ่อจะเรียกใช้ทุกวัน ห่างหลวงพ่อไม่ได้เลย วันหนึ่งหลวงพ่อจะไปสุพรรณบุรี คือบ้านสองพี่น้อง อำเภอสองพี่น้อง อันเป็นบ้านเกิดของท่าน ปรากฏว่ามีพระเณรอยากไปกับหลวงพ่อ เพราะอยากไปเที่ยวบ้านหลวงพ่อ แต่ว่าจำนวนผู้ติดตามมีจำนวนมาก หลวงพ่อก็บอกว่า “จะไปด้วยก็ได้ แต่ต้องแก้โรคได้” เพียงเท่านี้เองจำนวนผู้ติดตามก็ลดลงฮวบ

     ความรู้แก้โรคและความรู้ดับทุกข์บำรุงสุข เป็นความรู้สำคัญ เป็นความรู้ที่บ่งบอกอานุภาพธรรมกาย เราต้องเรียนรู้ให้ได้ ถึงเราจะไม่เก่งอย่างหลวงพ่อ ถึงเราจะไม่เก่งอย่างแม่ชีถนอม อาสไวย์ แต่เราก็ต้องทำได้บ้าง ทุกวันนี้มีใครแก้โรคได้บ้าง ไม่ได้ยินข่าวเลย เป็นเรื่องน่าเสียใจ ควรเรียนกันใหม่ ทบทวนความรู้กันใหม่ วางพื้นฐานความรู้กันใหม่ ตัดความฟุ้งซ่านทางปัญญาออกไป อย่าเดินวิชาแบบที่มารจูงรู้จูงญาณ ท่านต้องทำได้ หลวงพ่อของเราทำได้ เราก็ต้องทำได้ เพราะเราเรียนความรู้มาจากหลวงพ่อด้วยกันทั้งนั้น

     ใคร ๆ ก็อยากเรียนรู้ แต่การเรียนรู้นั้นไม่เหมือนวิทยาการในทางโลก ความรู้ในทางโลกนั้น เดี๋ยวนี้ใครมีเงินก็ไปเรียนต่างประเทศได้ทุกคน จะเอาปริญญาอะไรก็ได้ แต่ความรู้ทางวิชาธรรมกาย มารเขาขัดขวางตลอดเวลา ข้าพเจ้าก็เพิ่งรู้ในตอนที่อายุมากนี้เอง การที่จะได้พบคนมีความรู้จริงนั้น ขึ้นอยู่กับบารมีส่วนตัวของเราด้วย ถ้าดวงบารมีของเรามารยังระเบิดได้ โอกาสที่เราจะพบคนเก่งก็คลาดกันไปคลาดกันมา มารมันไม่ยอมให้คนเก่งกับคนเก่งมาพบกันอย่างเด็ดขาด เหมือนกับเราจะไปพบพระพุทธเจ้า เหมือนกับเราจะไปพบช้างเผือกในป่า เป็นความยากด้วยประการทั้งปวง

     เพราะเหตุใดจึงยากปานนั้น? คนเก่งไปเรียนกับคนเก่งเมื่อไร มารจะถูกดับอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วเรื่องอะไรที่มารมันจะยอมให้ผู้มีบารมีมาพบกัน นี่คือเหตุผล

     บอกแล้วว่า การเรียนวิชาธรรมกายไม่ง่ายเหมือนเรียนวิทยาการในทางโลก

     การที่ข้าพเจ้าพิมพ์ตำราวิชาธรรกมายออกเผยแพร่เป็นการขัดคำสั่งของมาร และการที่ข้าพเจ้าเอาเรื่องราวงานปราบมารออกมาเผยแพร่ เป็นการขัดคำสั่งของมารอย่างร้ายแรง หากข้าพเจ้าตายไป ถือว่ายตายคาสังเวียน! ถือว่าตายในสนามรบ!

     ท่านทั้งหลายอย่าได้เก่งกับข้าพเจ้าเลย ข้าพเจ้ายอมแพ้ทุกคนไม่ว่าใคร! อย่าได้วิจารณ์ข้าพเจ้าให้เสียเวลาของท่านเลย ข้าพเจ้ายอมแพ้ท่านในทุกรูปแบบ ท่านจะว่าอย่างไร ข้าพเจ้าไม่ตอบโต้ เพราะยอมแพ้ท่านแล้ว ท่านไม่ควรเสียเวลากับคนที่ยอมแพ้ท่าน เขายอมแพ้ท่านทุกรูปแบบแล้ว ท่านไปข่มเขาทำไม? เป็นการไม่สมควรเลย

     ท่านที่เก่งแล้ว ตำราของข้าพเจ้าไม่มีประโยชน์ต่อท่าน ท่านไม่ต้องอ่านให้เสียเวลา

     ข้าพเจ้าบอกท่านแล้วว่า ข้าพเจ้าไปเก่งกับมารเท่านั้น ท่านที่ไม่ใช่มาร ข้าพเจ้าจะไม่แตะต้อง แต่ถ้าเป็นมารแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด? จะต้องได้พบกับข้าพเจ้า จะได้ประลองวิชากับข้าพเจ้าแน่นอน แต่ใครที่มีธาตุธรรมเป็นมาร หรือครึ่งพระครึ่งมาร หรือข้างนอกบอกว่าเป็นพระแต่ข้างในไม่ใช่พระก็อยู่ในขอบข่ายถูกปราบด้วย

อ่านเรื่องปราบมาร กรุณาไปที่ www.kayadham.org

หมายเลขบันทึก: 139626เขียนเมื่อ 17 ตุลาคม 2007 23:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 08:37 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (25)

กำลังสนใจเรื่อง วัดพระธรรมกาย รู้สึกอยากศึกษา เเละ คิดว่า จะทำรายงานเรื่องนี้ อยากเข้าใจว่าเเท้จริงเเล้ว ดีหรือไม่ดีอย่างไร เเละ หลอกลวงเงินจริงหรือไม่ เเละ คนที่อยู่ ใน สำนักนี้ ล้วนเเล้ว ต้อง ทำบุญด้วยเงินจำนวนมากกันทั้งหมดเลยหรือไม่ โปรดชี้เเจงให้เข้าใจ ด้วยนะค่ะ ขอบคุณค่ะ

เรื่องวัดพระธรรมกายนั้น ขอแสดงความเห็นดังนี้

วัดเป็นวัตถุ เป็นที่รวมของหมู่ชน เป็นองค์กร ไม่มีความรู้สึกนึกคิด ที่มีความรู้สึกนึกคิดนั้น เกิดจากมนุษย์ที่เข้าวัด อาศัย ไปใช้ประโยชน์จากวัด ไม่ว่าจะเข้าไปในฐานะอะไร เช่นเป็นพระ แม่ชี อุบาสก อุบาสิกา นักท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นวัดพระธรรมกายจะดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับกลุ่มชนที่เข้าวัดนั้น

ในที่นี้ของดแสดงความเห็นเรื่องขององค์กร เพราะผมไม่ได้ไปวัดแห่งนี้นานแล้ว แม้จะเคยเข้าไปเก่าก่อน แต่ปัจจุบันมิได้เกี่ยวข้อง เรื่องการบริจาคนั้น มากน้อยขึ้นอยู่กับศรัทธาของผู้ทำ แต่ต้องพิจารณาดูว่า ศรัทธานั้นถูกสร้างมาจากเรื่องราวอะไร เพราะคนไทยส่วนใหญ่เป็นคนชอบบริจาค ไม่ตระหนี่ถี่เหนียว และเคารพพระภิกษุสงฆ์ เพราะถือว่าท่านเป็นเนื้อนาบุญ

เราต้องพิจารณาถึง เหตุแห่งการทำบุญ ว่าเงินนั้นนำไปทำอะไร ถ้าจะอธิบายทั้งหมด เป็นเรื่องที่ยาวมาก เพราะต้องเกี่ยวเนื่องกับหลายเหตุผลที่เกี่ยวข้อง

แต่ถ้าจะตอบให้สั้นและตรงจุดนั้น ในวิชาธรรมกาย เราจะรู้ว่า การทำบุญแต่ละครั้งนั้น จะเกิดดวงบุญ เป็นดวงกลมใส ณ ฐานที่ตั้งของใจ ฐานที่ 7 เรียกว่าศูนย์กลางกาย บุญจะมากน้อย วัดกันที่ขนาดของดวงบุญนั้น เมื่อบุญมากถึงเกณฑ์ จะกลั่นเป็นดวงบารมี ซึ่งบารมีนั้น จะแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ บารมี อุปบารมี ปรมัตถบารมี บารมีนั้นจะเป็นเกณฑ์ในการบรรลุธรรมของแต่ละท่าน ตามอธิษฐานที่ตนเองตั้งใจไว้ว้าจะเป็นอะไร เช่น เป็นมหาเสรษฐี เป็นพระปกติสาวก เป็นอสีติสาวก เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า เป็นพระพุทธเจ้า เป็นต้น

พระเดชพระคุณหลวงพ่อสด ได้เคยเทศนาไว้ว่า บุญที่เกิดจากการปฏิบัติธรรมตามวิชาที่ถูกต้อง ตรงตามที่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ได้ทรงบรรลุนั้น คือการปฏิบัติธรรมจนเข้าถึง รู้ เห็น และเป็นธรรมกาย โดยการเอา เห็น จำ คิด รู้ รวมเรียกว่าใจ ไปไว้ตรงศูนย์กลางกาย จนเกิดเป็นดวงกลมใส เรียกว่าดวงปฐมมรรค แล้วนิ่งไปตรงจุดเล็กใสโตเท่าปลายเข็มกลางดวงใส เรื่อยไป และต่อวิชาไปเรื่อยๆ ตามแนวการปฏิบัติธรรมวิชาธรรมกาย

เมื่อเราเห็นดวงปฐมมรรคนั้น หลวงพ่อกล่าวไว้ว่าได้บุญครอบฟ้า สามารถพาเราหลุดพ้นจากการเกิด แก่ เจ็บตายได้ จะไปสร้างวัดร้อยวัด ก็ไม่สามารถพาเราหลุดพ้นได้

แต่อย่าหลงประเด็น ถ้าคิดว่าอย่างนั้นก็เอาแต่นั่งสมาธิอย่างเดียวก็พอ ความคิดนี้ไม่สมเหตุสมผล เราจำเป็นต้องบำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญภาวนาให้ครบรอบ 3 นี้ เป็นวัฏจักร

เพราะฉะนั้นการบริจาคเงินมากน้อย จะได้บุญมากน้อยเพียงใด ต้องดูองค์ประกอบว่าวัตถุที่เราให้บริสุทธิ์ไหม ผู้รับบริสุทธิ์ไหม ทานนั้นเป็นประโยชน์ขนาดไหน ใจของเราบริสุทธิ์ขนาดไหนเวลาทำ ถ้าทุกอย่างบริสุทธิ์ก็ได้บุญมาก

ยังมีรายละเอียดอื่นอีกในเรื่องของบุญ ต้องศึกษาเพิ่มเติม

สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ การให้ธรรมะเป็นทาน ย่อมชนะการให้ทั้งปวง ธรรมะเป็นทานนั้น คือการสอนคนให้ปฏิบัติธรรมถูกต้อง โดยการวางไปตาม 7 ฐาน และให้ใจหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกาย แล้วเห็นดวงปฐมมรรค เรื่อยไปจนเห็นธรรมกายภายในตน จึงจะเรียกว่าธรรมะเป็นทาน ที่เป็นเนื้อเป็นหนังของบุญจริงๆ แบบนี้ ไม่ต้องเสียเงินมาก แต่ได้บุญและบารมีมากกว่าหลายเท่า

ส่วนจะเลือกบุญชนิดใด ให้ท่านใช้โยนิโสมนสิการของท่านตัดสินใจเองเถิด สงสัยอะไรสอบถามเพิ่มเติมได้นะครับ

พี่เจษฎาคับผมว่าพี่ตั้งใจนั้งสมาธิเพื่อให้เข้าถึงธรรมกายเถอะคับพี่  หลักวิชาก้อบอกอยู่แล้ว ห หยุด ด เป็นตัวสำเร็จ ก้อแค่นั้น ยิ่งสาดโคลนกันไปมาก้อมัวแต่จะทำให้วิชาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามัวหมองเปล่าๆ คนที่เขาไม่เข้าใจเข้าจะยิ่งว่าพวกเราทั้งหลายนี้บ้ากันนะคับ       ส่วนพี่กัลยาณมิตรวัดพระธรรมกายก้อให้ตั้งใจศึกษาตามแนวทางที่ตนเองได้เรียนรู้เถอะคับสิ่งไหนที่ว่าชอบประกอบด้วยกุศลก้อวัดกันที่ตอนขึ้นไปหาหลวงปู่ก้อแล้วกันคับ อนุโมทนาบุญ  สาธุ

ขอบคุณนะครับที่ช่วยเตือน การเขียนบางอย่าง ทางโลกดูเหมือนไม่ดี แต่มันเป็นแค่ลีลา ไม่ได้บอกนะครับว่าเราไม่เข้าถึงธรรมกาย เคยเห็นพระผู้ทรงอภิญญา ด่าคนไหมครับ คนส่วนใหญ่คงจะบอกว่าเป็นพระไม่ดี แต่จริง ท่านทรงอภิญญา อย่าตัดสินคนง่ายๆครับ จะเสียโอกาสกันเปล่าๆ

แต่หลักวิชา หยุดเป็นตัวสำเร็จนั้น ต้องเข้าใจให้ลึกซึ้ง เพราะเนื้อหาวิชาธรรมกายมีมาก เข้าใจน้อยก็ตีความได้น้อย เข้าใจมากก็ตีความได้มาก

ถ้าเราเห็นว่ามีบางสิ่งบางอย่างไม่ถูกต้องตามหลักวิชา ก็ต้องแสดงความรู้กัน เอาความรู้เป็นตัวนำ มัวแต่ปล่อยผ่านไป วิชาจะดับสูญ เพราะวิชาธรรมกายเป็นของไม่ง่ายนัก ถ้าง่ายคงไม่ดับไปเป็นพันปี

ส่วนความรู้นั้น ก็จะถกเถียงกันอีก ขึ้นอยู่กับโยนิโสมนิสการของท่านก็แล้วกัน

อ่านเรื่องที่ผมเขียน ต้องอ่านให้เข้าใจจริงๆ นะครับ อย่าอ่านผ่านๆ เพราะมิฉะนั้น จะเข้าใจคลาดเคลื่อน

       น่าจะเป็นเรื่องที่รู้ได้เฉพาะตน ปฏิบัติไปเถิด จะเกิดผล  คิดดี ทำแต่ดี (ให้ถูกดี ถึงดี และพอดี) น่าจะเกิดสิ่งดีๆในชีวิตครับ ท่านเจ้าของกระทู้ รู้อยู่แก่ใจ ว่าปัจจุบัน มาร ก็ยังคงอยู่ในตัวเรา แล้วขยับตามมาร หรือเปล่าลองถามใจดูครับ  คงให้ถามถึงพระในตัวก็น่าจะดีนะครับ

       อย่าลืม นอกจากปฏิบัติภาวนา แล้ว ทาน และศีลคงต้องมีอย่างครบถ้วนและยิ่งยวด

       ม่ายงั้นแล้ว ในสังสารวัฏอันยาวไกล เกิดมาภพชาติใด จะมีเพียงปัญญาที่เป็นเลิศ  แต่หามีทรัพย์และกายที่สมบูรณ์ไม่ ถึงมีก็กระพร่องกระแพร่งครับ

       สาธุกับทุกๆท่านครับ ที่ไม่ประมาท ในชาติ วัย และสังขาร ประสงค์จะปราบมาร ประหารกิเลส ให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ

       ส่วนเมื่อแต่ละคนหลับตาลาโลกแล้ว จะไปในภพภูมิใด ก็คงขึ้นอยู่กับการประกอบเหตุในปัจจุบันครับ

     มาร คืออะไร?  อยู่ที่ไหน? หน้าตาอย่างไร? ต้องการอะไร?

     เราจะแก้วิชาอย่างไร?  ฯลฯ กับอีกสารพันคำถาม.... ให้ศึกษา

     เอ๋! แต่ไม่เห็นชอบศึกษากันเลยนี่ครับ? ดูจากคำถามก็รู้แล้ว เอาเป็นประเด็นๆ ไป ไม่ใช่เหมารวมๆ ฟังแล้วแลดูดี เอะอะก็เรื่องเฉพาะตนพูดกันไม่ได้ หลักการมันมีอยู่ แต่เราไม่รู้เอง ไม่ใช่ทุกเรื่องจะเฉพาะตนหมด  

     ...เห็นคำตอบก็จะมีแต่ รอ รอ รอ ให้เข้าถึงพระธรรมกายก่อนแล้วทุกอย่างก็จะเปิดเองว่า โอ๊ะโอ๋! อะไรกันนี่ ไม่ได้เหมือนกับที่เราคิดเลย เคยอ่านธาตุธรรม 3 ฝ่ายที่หลวงปู่ชั้วเขียนไว้ไหม... 

      เอะอะก็จะมาปราบมาร คุณครับ ทหารที่เคยออกศึกน่ะนะ เขารู้ดีว่า ในภาวะสงครามมันเป็นยังไม่ ไม่สนุกหรอกครับ คุณไปหาดูเถอะ หัวหน้าที่ำวิชาในสมัยหลวงพ่อ ไม่มีใครกล้าพูดถึงมารหรอก เขารู้ดีว่า ไม่สนุก! แล้วเราก็มาเอะอะก็จะปราบมาร ปราบมาร 555

       คนที่พูดต้องมีหลักฐานในการทำวิชาด้วย และต้องบอกด้วยว่า ทำไปทำไม ทำไมต้องทำ จะพบว่า ถูกบังคับกันมาทั้งนั้นแหละ ถ้า้เลือกได้ไม่มีใครอยากทำหรอก

     คนที่เจอมา เอามาบอก ก็ไม่ฟัง หลวงพ่อสดก็บอกไว้แล้ว ครูสมัยก่อนก็บอกไว้แล้ว แต่เราปิดหูปิดตาตัวเองเอง

     มารู้อีกทีก็จะพบว่า บันได้ที่เราสู้อุตสาห์ปีนมานั้น เราพาดบันไดผิดกำแพงเสียแล้ว เสียเวลาไปอีกชาติหนึ่งโดยเปล่าประโยชน์ .... 

      อยากเจอคนจริงซักที พวกเอามัน เฮไหน เฮนั้นไม่เอาแล้ว เบื่ออ่ะ งู้งี้ๆ 

ได้อ่านหนังสือปราบมารมาหลายรอบ พิจารณาดูแล้ว เหมือนการ์ตูน พวกดาร์กอนบอลเลย ตกลง หนังสือ ปราบมาร จะดูคล้ายกับการ์ตูนมากกว่านะ ผมว่า อ่านหนังสือธรรมมะ น่าจะให้ความสุข ความสงบของใจเพิ่มขึ้น มากกว่า แต่ผมอ่านไปอ่านมา แล้ว ชักเกิดความฟุ้งซ่าน พิจารณาแล้วเหมือนการ์ตูนมากกว่า แต่ก็มันส์ดี ผมว่า น่าจะมีคนเอาไปสร้างหนังการ์ตูนนะ น่าจะดังโครต

เสียดายนะครับที่คุณเคยบวชที่วัดพระธรรมกาย คุณน่าจะดีกว่านี้ ไม่น่าหลงทางเลยครับ

เท่าที่อ่านดู คนที่เข้ามาชมในกระทู้นี้ น่าจะเป็นสาวกวัดธรรมกายซะส่วนใหญ่ เราไม่รู้หรอกนะว่า ที่วัดนี้มีอะไรดี เคยไปร่วมทำบุญที่วัดอยู่ 3-4 ครั้ง เพราะเพื่อนชวน เราว่าดีตรงการนั่งสมาธิร่วมกันเยอะๆเนี่ยแระ นอกนั้นเราว่าเฉยๆ แต่ระยะหลังไม่ไปแล้วละ เพราะรู้สึกว่า วัดนี้ดูดเงินคนไปทำบุญมากกว่า เราว่าการทำบุญ ไม่เห็นจะต้องเจาะจงว่า ต้องทำเท่าไหร่ ทำแล้วคุ้มแค่ไหน ทำแล้วจะได้รับกลับมาแค่ไหน เราเป็นคนชอบทำบุญ แต่ไม่หวังผลนะ แค่ทำแล้วรู้สึกสบายใจ ก็รู้สึกดี แค่นั้น อีกอย่างล่าสุด เพื่อนเรามาชวนไปทำบุญบอกว่า เราถามว่าเท่าไหร่ เพื่อนบอกว่าองค์ละ 15000 มีผ่อนส่งด้วย 10 งวด เราก็รู้นะว่าตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดี วัดคงรายได้ไม่เข้ามาเหมือน 2-3 ปีก่อน เราเลยไม่อยากทำ เพราะทำบุญนะ ไม่ได้ซื้อที่วี หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า คิดดูกันเองละกัน... d(:**:)b

สวัสดีค่ะคุณเจษฎา

วันนี้อยู่ว่างๆ เพราะได้หยุดงานมาหลายวัน เลยเข้าเวปมาอ่านกระทู้นี้ค่ะ

ก่อนอื่นฉันต้องขอขอบคุณคณะวิทยากรทุกๆ ท่าน ที่ได้กรุณาสละเวลาอันมีค่า (และทรัพย์ส่วนตัว)ที่ให้การอบรม ๑๘ กายฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เมื่อวันที่ ๕ เม.ย. ๕๒ ที่ผ่านมาค่ะ ขออนุโมทนาบุญอีกครั้งนะค๊ะ (จัดอีกเมื่อไรถ้าสะดวก มีโอกาสจะไปอีกนะค่ะ)

การสร้างบารมีนี่ ช่างมีอุปสรรคทุกรูปแบบนะค๊ะ ขอเป็นกำลังใจให้สู้ต่อไปค่ะ เขาเหล่านี้นก็อ้างตัวเองเป็นผู้เข้าถึงธรรมะกันทั้งนั้น ผู้เป็นฆราวาสอย่างเราๆ นี่ (สายของอาจารย์การุณย์ บุญมานุช) เขาไม่เชื่อถือและศรัทธาก็ช่างเขาเถอะนะ คนเราส่วนมากก็เชื่อถือศรัทธานักบวชกันทั้งนั้น ใครจะวิจารณ์ในทางเสียๆ หายๆ ก็ชั่งเถอะนะ เมื่อหลับตาลาโลกไปแล้วก็จะรู้ความจริงเองค่ะ สำหรับตัวฉันรู้จักหนังสือของอาจารย์การุณย์ บุญมานุช จากมิตรในธรรมที่เป็นนักปฏิบัติที่เข้าถึงธรรมะแล้ว และน้องชายผู้นี้แหละ ได้มาบอกบุญให้ฉันเป็นเจ้าภาพบริจาคหนังสือตำราเล่มต่างๆ ของอ.การุณย์ ให้กับเขาด้วย เป็นเงินดูเหมือนว่าประมาณสามพันกว่าบาท เมื่อประมาณเดือนธันวาที่ผ่านมานี้ และบอกว่าตำราของอ,การุณย์ มีค่ามากที่เขียนออกมาเป็นเล่มนั้นหาอ่านยากจริงๆค่ะ นอกจากผู้มีวาสนาบารมีเท่านั้น และฉันก็ได้รู้จักอ.การุณย์ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ได้รู้จักเว็บไซค์วิสดอมอินไซด์ และได้ดาวน์โหลดหนังสือของอ.การุณย์ ที่อนุญาตให้ดาวน์โหลดได้ เอามาเข้าเล่มอ่านค่ะ (ได้ตั้งจิตอธิษฐานขออนุญาตอาจารย์ เพื่อเอามาอ่านด้วยค่ะ) น่าจะรู้จักอ.การุณย์ เร็วกว่านี้นะ จะได้ไม่หลงทางงมงายเชื่อในสิ่งผิดๆ ที่ผ่านมาเสียเงินไปเปล่าๆ

ตอนนี้ ฉันมีหนังสือปราบมารของ อ.การุณย์ ภาค ๑ - ๔ ดาวน์โหลดมาอ่าน, ภาค ๕ - ๖ และปุจฉา-วิสัชนา ได้ซื้ออ่านจากอ.วันชัย ค่ะ ภูมิใจมากที่ได้อ่านหนังสือนี้ ทำให้ความเข้าใจและความเชื่อต่างๆ ต้องเปลี่ยนความเข้าใจและความเชื่อใหม่ค่ะ และผู้ที่เข้ามาอ่านข้อเขียนนี้คุณๆ จะมีใจเป็นอคติ ก็เรื่องของคุณๆ นะ

ผู้ที่ว่าหนังสือปราบมารของอ.การุณย์ เหมือนการ์ตูนนั้น ไมสมควรว่ากล่าวเช่นนั้เลยนะ ถ้าใจผู้อ่านที่ไม่เป็นกุศล ก็ไม่สมควรอ่านหรอก หนังสือแบบนี้สำหรับผู้มีบุญบารมีโชควาสนาบารมีเท่านั้น ที่สมควรจะได้อ่านค่ะ อยากคุยกับคุณเจษฎานานๆ แต่เผอิญว่าเวลามีจำกัดค่ะ (เวลานี่อยู่กรุงเทพฯ และใช้คอมฯ ของลูกสาวค่ะ) และเจอกันใหม่ในโอกาสต่อไปนะค๊ะ และขอสวัสดีอีกครั้งนะค๊ะ

ผมขอคัดความรู้มาเพิ่มเติม เพื่อให้ท่านได้อ่านให้แยบคาย

อย่ามาตั้งแง่เอาชนะกันเอง ในธาตุธรรมเดียวกันไม่มีประโยชน์เลย

มารเขาหาวิธีทุกอย่างที่จะให้วิชาธรรมกายดับ เพราะเขาทำสำเร็จมาแล้ว โปรดย้อนกลับไปดูเรื่องราวในอดีต เพียงแต่พระพุทธองค์เข้านิพพานไปแค่ ๕๐๐ ปีเท่านั้น วิชาธรรมกายสิ้นสูญ แล้วมรรคผลนิพพานขาดตอนตั้งแต่วันนั้น ข้าพเจ้าเคยทูลถามพระสมณโคดม “ขอพระองค์ได้ทรงโปรด ขอทูลถามเพื่อความรู้ พระองค์เข้านิพพานไปได้กี่ปีแน่ก่อนที่วิชาธรรมกายจะดับไป? เพราะบางท่านกล่าวว่า ๑,๐๐๐ ปี บางท่านว่า ๕๐๐ ปี ขอทูลถามว่ากี่ปีกันแน่?” ทรงตอบว่า “อยู่ในราว ๕๐๐ ปี ขาดเกินก็อยู่ราว ๆ นี้”

คราวนี้มาถึงประเด็นที่ข้าพเจ้านำความรู้มากล่าว บางท่านบอกว่าตำหนิเขา ข้าพเจ้าไม่ได้ตำหนิใครทั้งนั้น ที่กล่าวนี้ก็เป็นเรื่องของความรู้ มีความหวังดีต่อท่านที่มีบารมีธรรม ข้าพเจ้ารู้เห็นมาอย่างนี้ ท่านทั้งหลายไม่สนใจก็เรื่องของท่าน ข้าพเจ้ามีหน้าที่ทำวิชาปราบมาร รู้เห็นอะไรก็ควรที่จะนำมากล่าวไว้บ้าง ก็ต้องทำ! อย่างน้อยก็เป็นข้อคิดในวิถีทางการสร้างบารมีของท่าน หลังฉากของผู้กำกับการแสดงนั้น ไม่มีใครรู้เห็น กว่าจะรู้เห็นได้แต่ละอย่าง ก็เดินวิชากัน ๙-๑๐ ปี ข้าพเจ้าข้องใจเรื่องความร่ำรวยมานานแล้ว ว่าเป็นเพราะอะไร? มีอะไรเป็นเหตุ? มีอะไรในเบื้องหน้าและเบื้องหลัง? ก็เพิ่งได้รู้วันนี้! ถึงรู้ได้ไม่มาก แต่ก็พอบอกเล่ากันได้ นี่คืออานิสงส์ของการทำวิชาปราบมาร ต้องว่าเป็นความรู้สำคัญสุดยอด

วันนี้พูดกันอย่างนี้ ต่อไปวันหน้าจะยืนยันความรู้ดังเดิมหรือไม่? ยังตอบไม่ได้ เพราะมารเขาจะต้องมีความเคลื่อนไหวอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อไม่ให้ธรรมภาคขาวเท่าทันเขา เขาต้องคิดวิชาขึ้นใหม่แน่ เพื่อมาปิดรู้บังญาณของพวกเราต่อไป ตามที่กล่าวนี้ หากพวกเราช่วยกันเดินวิชา เรายังจะได้รู้เห็นอะไรอีกมาก เท่าที่นำมากล่าวนี้เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น ในส่วนที่ยังไม่สมควรนำมากล่าว ยังมีอีกมาก ด้วยเห็นว่ายังไม่สมควรแก่กาลเวลา

ผมว่าคุณอย่ามาว่าหลวงพ่ธัมมชโยด้วยคำที่รุนแรง(มาก)ขนาดนี้เลยนะครับเพราะหลวงพ่อท่านก็ไม่ได้เป็นใครที่คุณจะมาว่าเสียๆหายๆได้ ง่ายๆ เพราะถ้าท่านไม่มีดีท่านคงไม่ได้รับการยกย่อง เคารพจากคุณยายอาจรย์จันทร์ ขนนกยูง ขนาดนี้หรอกครับและนอกจากนี้ท่านก็เป็นศิษย์เอกของคุณยายอีกเช่นเดียวกัน แล้วที่มีคนไปขอเรียนวิชชาธรรมกายกับคุณยายแล้วท่านบอกว่ายายสอนให้หลวงพ่อธัมมชโยหมดแล้วไปเรียนกับท่านเองเถอะหล่ะ

คุณยายอาจารย์ท่านก็เชี่ยวในวิชชาธรรมกายจนได้รับคำชมจากหลวงพ่อวัดปากน้ำว่าหนึ่งไม่มีสองคุณคิดว่าท่านสอนธรรมมะใครจะไม่มีใครสำเร็จวิชชาเลยหรือแล้ว ดวงแก้วที่หลวงหลวงพ่อวัดปากน้ำให้คุณยายใช้ถือทำวิชชาแล้วคุณยายให้หลวงพ่อธัมมชโย(ก่อนกลับ)อีกหละ

พระผู้ใหญ่ที่วัดปากน้ำหล่ะครับคุณคิดท่านมีความรู้ความสามารถพอที่จะเชื่อถือได้หรือไม่ ถ้าได้ ท่านเคยกล่าวแสดงต่อหน้าคนเป็นแสนๆคนว่าหลวงพ่อธัมมชโย วัดพระธรรมกายท่านจะสั่งสอนอบรมทุกท่าน(พูดกับพระและคนที่มาในงานครั้งนั้น)ให้เข้าถึงพระธรรมกายได้ ท่านกล่าวไว้เช่นนั้นผมคิดว่าคนที่หลวงพ่อวัดปากน้ำได้มอบหมายรับหน้าที่ดูแลงานในวัดปากน้ำต่อจากท่านอย่างพระผู้ใหญ่รูปนั้นคงจะไม่โกหกใครนะครับ และตรงข้ามคำพูดของท่านก็

ต้องเป็นความจริงและน่าเชื่อถือจริงไหมครับ

หรือว่าจะเป็นลูกหลานของหลวงพ่อวัดปากน้ำที่เป็นญาติที่สัมพันธ์ทางสายเลือดที่(และเป็นคนที่เคยอุปฐากใกล้ชิด)ของหลวงพ่อวัดปากน้ำที่ได้นำเอาพระประจำตัวหลวงพ่อวัดปากน้ำมาถวายให้หลวงพ่อธัมมชโยของสำคัญขานดนี้น่าจะต้องอยู่กับคนสำคัญจริงไหมครับ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกหลานของหลวงพ่อวัดปากน้ำก็มานั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรมและทำบุญที่วดีพระธรรมกายไม่เคยขาด

และไหนจะคำทำนายที่หลวงพ่อวัดปากน้ำบอกับโยมพี่สาวของท่านอีกหล่ะครับที่ว่าผู้สืบทอดวิชชาจะมาเกิดที่สิงห์บุรี จะมาหาคุณยายจันทร์ในชุดนักเรียน

ผมว่าเหตุผลแค่นี้ก็น่าจะพอแล้วนะครับว่าสิ่งที่วัดพระธรรมกาย หลวงพ่อ และลูกศิษย์ทุกคนเป็นงานที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำได้สั่งและมอบหามยไว้ให้

ผมว่าอยู่ในสายธรรมเดียวกันทำไมต้องต่อว่ากันแรงๆ ทำไมไม่ช่วยกันรักษาและเผยแผ่วิชชาที่หลวงปู่อุตส่าห์เอาชีวิตเป็นเดิมพันคั้นกลับมาให้ลูกหลานช่วยกันรักษาและเผยแผ่ไปทั่วโลก ด้วยรักจากลูกหลานลวงปู่

พระพุทธองค์ตอนเสด็จดับขันธปรินิพพาน ยังให้พระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์เป็นศาสดาแทนพระองค์ ไม่เห็นตั้งบุคคลใดเป็นผู้สืบทอด ไม่แปลกใจบ้างหรือ

เพราะรักษาท่านเลยต้องอ่านบทความเหล่านี้

แยกภาษาคน กับภาษาธรรมให้ออก จะง่ายในการทำความเข้าใจ

ผมไม่รู้จักวัดพระธรรมกาย ไม่รู้จักวิชชาธรรมกายหรอกนะครับ รู้แต่ว่า ผมชอบพระ ชอบสะสมพระเครื่อง มีครูบาอาจารย์เป็นพระ

อยู่หลายๆรูป ที่ต่างจังหวัด

เห็นพระต้อง ยกมือไหว้พระไว้ก่อน ไม่ว่าท่านจะรักษาศีล227ข้อครบรึเปล่า? มีคุณวิเศษรึเปล่า?

ที่ต้องไหว้เพราะ มั่นใจว่าพระ รักษาศีลมากกว่าผม 5 ข้อแน่นอน แม้บางองค์จะรักษาไม่ครบ 227 ข้อ แต่ยังไงก็มากกว่าผม 5 ข้อ

อยู่ดี ครูอาจารย์ ผมสอนไว้เสมอตั้งแต่ผมยังหนุ่ม ผ่านชีวิตมา 50 กว่าปี ได้เจอผู้คนมามากมาย โดยเฉพาะ

-ผู้รู้จริง มักไม่อวดรู้

-ผู้ดีจริง ไม่อวดตัวว่าดีกว่าใคร

-คนรวยจริง มักไม่อวดรวย

-ผู้ใหญ่ ไม่นินทาผู้อื่น แม้คนผู้นั้นไม่ดี

-คนดูถูกคน ผู้นั้นมักไม่เจริญ

-คนอกัตญญู เป็นสิ่งบ่งบอกถึงคนชั่ว

อ่านมาทั้งหมดนี้แล้ว คุณฆ่าตัวเอง ชัดๆ

ที่คุณพูดว่า "อย่าหลงผ้าเหลือง ให้มากนัก พระผู้รู้แจ้ง อยู่ไหน รู้ไหม...."

บอกถึง นิสัย สันดาน ของตัวคุณเองว่า

คุณ "ไม่ได้รู้จริง และไม่ได้ดีจริง"

ไม่ชอบเลยครับ ที่คุณออกอาการ เหมาว่าพระไม่น่าเคารพ

แล้ว ครูบาอาจารย์ ของคุณไม่ใช่พระรึไงครับ?

ผมก็มีครูอาจารย์ ไม่เคยกล่าวจวงจาบท่านเลย

อ่านแล้วรู้สึกอย่างเดียวว่า....

"พวกคุณ เป็น ของเก๊"

หลวงพ่อใน vdoclip ท่านก็พูดถูก ที่ว่า

"การที่เราจะสังเกตหยาบๆว่า คนที่อ้างตัวว่ารู้เห็นธรรมะละเอียดนั้น ก็ดูที่เขามักชอบอวดอ้างว่า ตัวเองเห็นนั่นเห็นนี่, เป็นนั่นเป็นนี่ ตลอดเวลา พร่ำเพรื่อ แตกต่างจากคนอื่น เพื่อให้คนอื่นหันมาชื่นชมยกย่อง ทั้งๆที่สิ่งที่พูดนั้นไม่ตรงกับความจริง เนื้อหาผิดเพี้ยน โดยไม่เลือกกาลเทศะ เหมือนแท็งก์น้ำเปล่าที่ตีดัง"

เจษฏา ขอบอก นรกแดก ละท่านคราวเนี่ย

ขอบอกอีกอย่าง กระบือจริงๆเลยวะ ใครเข้ามาอ่านเขาก็รู้ว่าท่าน โครตอวดฉิบหาย

ทำไมไม่เอาวิชชา 18เทพอะไรเนี่ย ดูหวย ซื้อหวยให้ถูกไปเลยฟะ

แล้วมาขายประกันทำไม ไม่สมกับผู้รู้ผู้วิเศษอะไรเลย

เจตนาทำเพื่ออะไรวะ? อยากดังหรอ?

อีแบบนี้ ก็คงต้องหลอกเด็กต่อไปนะ แต่ อย่ารีบตายก่อนนะ เดี๋ยวขุมนรกมันไม่ลึกพอ อย่างท่านต้องอยู่นานๆลึกๆ

ขอบคุณที่มาอ่าน ทุกความเห็น ก็มีดีหลายมุม...

พระไม่ได้อยู่ที่ผ้าเหลือง.... คนห่มผ้าเหลืองปัจจุบัน มีทั้งสมมุติสงฆ์ อริยสงฆ์ หรือแค่ผู้ชายห่มผ้าเหลือง เช่นเป็นพระแล้วไปเอาผู้หญิงเป็นเมีย แล้วยังมาห่มผ้าเหลือง แบบนี้เรียกผู้ชายห่มผ้าเหลือง

แต่อริยสงฆ์ มีทั้งที่มีผ้าเหลือง และชาวบ้านไม่มีผ้าเหลืองก็มี

ไม่เข้าใจ ลองไปศึกษา กับวัดสามแยกก็ได้.. www.samyaek.com

ว่างเปล่า ว่างเปล่า... ยังไม่เจอคนรู้วิชาจริงซักคนที่มาให้ความเห็น....

ดิฉันมีความเคารพศรัทรา ในองค์หลวงปู่สด วัดปากน้ำ มานานจากที่ได้ ฟัง และอ่านเรื่องราวขององค์ท่าน แต่ไม่เคยได้ไปที่วัดปากน้ำ หรือฝึกวิชาธรรมกายแต่อย่างใด จนได้มาเจอกับ เวป wisdominside เห็นมีฝึกอบรมฟรีใน ๒๔ ชั่วโมง ซึ่งเหมาะกับดิฉันมาก เนื่องจากอยู่ต่างประเทศ จะได้กลับบ้านก็เพียงช่วงสั้น ๆ แต่ดิฉันก็ไปไม่ทันกับช่วงที่เปิดอบรม จึงติดต่อไปทางโทรศัพย์ที่อยู่ในเวป เนื่องจากดิฉันไม่มีความรู้ทางคอม (เป็นธรรมดาของ คนแก่ที่เป็นแม่บ้าน เปิดคอมอ่านเป็นก็บุญแล้ว) ก็ได้รับคำแนะนำให้โทรหาคุณเจษฎา ซึ่งก็ได้ตอบรับให้ความช่วยเหลือ เพราะสาเหตุสำคัญคือ ดิฉันต้องการให้ลูกชาย อายุ ๑๖ ปีที่ค่อนข้างก้าวร้าว ได้ฝึกพร้อมกันด้วย พอดิฉันและลูกกลับไปไทยช่วงเดือนธันวา ปี๕๑ ก็นัดคุณเจษฎามารับที่คอนโด พาดิฉันและลูกชายไปที่วัดปากน้ำด้วยกัน (เป็นสิ่งที่ดิฉันปลาบปลึ้ม และอยากไปมานานแล้วแต่ไปเองไม่เป็น) เราได้ไปกราบ สรีระของหลวงปู่ ทำบุญกับวัด(ต้องการทำเอง โดยที่คุณเจษฎาไม่ได้บังคับ) และคุณเจษฎาก็ได้สอนวิชา ๑๘ กายให้เราแม่ลูก ดิฉันทำไม่ได้ แต่ลูกที่ดูกระด้าง ไม่ค่อยมีความเคารพเท่าที่ควรกลับทำได้ และทำตามได้ดี คงเป็นเพราะว่า คุณเจษฎาวางตัวเข้ากับลูกได้แบบผู้ชายด้วยกัน แต่ลูกยังได้ไม่ครบ จึงต้องมาต่อที่คอนโด เพราะได้มาครึ่งแล้วทิ้งไปก็เสียดาย คุณเจษฎาเธอก็มาสอนต่อให้จนลูกได้ครบ ทั้งหมดนี้คุณเจษฎาไม่เรียกร้องเงินทองเลย แม้แต่ค่าน้ำมันรถที่พาไปวัดปากน้ำ เธอก็ไม่ยอมรับ ดิฉันต้องการมอบเงินค่าเหนื่อยที่มาสอนให้ลูกชายถึงบ้าน เธอก็ไม่รับ ดิฉันต้องบอกว่ามันทำให้ดิฉันไม่สบายใจ เหมือนเอาเปรียบ แค่ได้เห็นลูกมีความสนใจและทำสมาธิได้ ก็ดีใจมากแล้ว เธอเลยบอกว่ารับแต่จะเอาไปทำบุญพิมพ์หนังสือต่อ ซึ่งดิฉันก็ได้บุญต่ออีก ที่พิมพ์มาทั้งหมดนี้เป็นความจริง ไม่ได้ต้องการจะมาโปรโมทใคร เพราะไม่เคยรู้จักมาก่อน และที่เพิ่งมาเขียนบอกก็เพราะว่าอย่างที่บอก คือไม่มีความรู้เรื่องคอม เพิ่งจะเปิดอ่านห้องนี้วันนี้เอง จากการเอาลูกศรไปชี้กดไปมั่ว ๆ ก็เลยมาเจอและอ่านข้อความทั้งหมดในหน้านี้ สงสารทึ่คุณเจษฎาและกลุ่มทุกท่านที่เธอทำความดีกลับมาโดนโจมตี ว่าหลอกลวงเงิน จึงขอมาเล่าความจริงที่เกิดกับตนเองให้ทุกท่านได้ทราบ (ไม่รู้ว่าจะกลับมาเข้าห้องนี้ได้ถูกอีกไหมก็ไม่รู้) ดิฉันขอขอบคุณ คุณเจษฎาและคณะที่ได้ช่วยดิฉันและลูกโดยไม่หวังผลตอบแทน ขอโมทนาในบุญธรรมทานนี้ ขอให้คุณและคณะมีแต่ความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปทั้งทางโลกและทางธรรมค่ะ

กำลังสนใจ อยากฝึกสมาธิเหมือนกัน แต่กำลังหาอาจารย์เก่งๆอยู่

ตอนแรกนึกว่า คุณเจษฏาคงจะเก่ง เพราะดูจากเว็ปเห็นไปสอนคนได้มาแล้ว

แต่พอมาอ่านทั้งหมดนี้แล้ว ช็อคเลยครับ เห็น ตัวตนที่แท้จริงของคุณเจษฏา

สรุปคงไม่เอา คุณเจษฏา มาเป็นอาจารย์ แน่นอนครับ...แล้วก็ถึงบางอ้อ แล้วครับ ว่า ต้องหาครูดี ให้เจอก่อนที่จะฝึกสมาธิ

และถ้าตัวคุณเจษฏาเองเป็นผู้รู้จริง ปฏิบัติได้จริง เป็นครูได้แล้ว ตัวของคุณเองย่อมรู้ดีที่สุด คนอื่นไม่รู้ย่อมเป็นเรื่องธรรมดา

ถ้าผมเสีย เงินและเวลาโดยไม่ได้อะไร ก็เท่ากับถูกหลอก

(ผมเป็นทนายนะครับ ขอแสดงความเห็นว่า ลักษณะการจัดอบรมของทีมงานคุณ เจษฎา สุนันท์ชัย

อาจจะเข้าข่าย หลอกลวงได้นะครับ ถ้ามีผู้เสียหายหลายคนมาแจ้งความและมีหลักฐานชัดเจน ว่าเสียทรัพย์ หรือถูกหลอก)

คนรู้จริง ต้อง นิ่งๆ ไม่อวดรู้ และไม่ยกตนข่มท่าน

จริงๆไม่อยากเข้ามาแสดงความคิดเห็นอยากลืมๆจบๆไป แต่เคยเจอกับตัวคะ

มันดูๆแล้ว คุณเจษฏา คล้ายๆกับ คนในเว็ปนี้เลยคะ

http://www.youtube.com/watch?v=n2R67B1SAzk

เคยติดต่องานกับคุณ การุณย์ บุญมานุช ที่แต่งหนังสือปราบมาร

แกชอบอัดบุหรี่เยอะมาก อยู่ใกล้ๆแล้วเหม็นมาก ถ้ามาสอนสมาธิคงไม่เชื่อแน่นอนคะว่าแกนั่งสมาธิบรรลุธรรมะแล้ว

ถึงคุณ แม่น้องเพียว

มีแต่พ่อแม่ของเรา กับ พระพุทธเจ้าและก็พระอรหันต์เท่านั้น ที่ยอมให้ฟรีๆ นอกนั้น ของฟรี ไม่มีในโลก

ทุกคนทำอะไรย่อมหวังผล แต่ถ้าศรัทธาให้ฟรีๆ ก็แล้วไป

แต่สำหรับผมเคยให้เพราะศรัทธา แต่มาเสียดายภายหลังเพราะ

โดนสำนักของ นายการุณย์นี้ หลอกค่าหนังสือกับค่าอบรม มาแล้ว ตอนไปที่วัดปากน้ำ ได้เจอบุคลที่มานั่งสมาธิเป็นประจำเล่าให้ฟังว่า นายการุณย์ เป็นผู้เอาตำราของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ที่ท่านเรียบเรียง ไว้ให้สำหรับ "ผู้ฝึกสมาธิจนบรรลุธรรมได้เท่านั้น" แต่เนื่องจาก ทางวัดไม่ได้มีการ ทำลิขสิทธิ์ไว้ นายการุณย์จึง เอาไปทำลิขสิทธิ์เป็นของตัวเอง

("คล้ายๆพันธ์ข้าวหอมมะลิของไทย แต่ฝรั่งเอาไปจดลิขสิทธิ์เป็นของตัวเอง ทำให้คนไทยกินข้าวไทยอยู่ดีๆ ฝรั่งก็มาอ้างเป็นเจ้าของเพราะตัวเองไปจดลิขสิทธิ์") แล้วใส่จินตนาการ ว่าเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ มาสอนคนอื่น เพื่อหวัง แรงศรัทธา จากผู้คน และพิสูจน์อะไรไม่ได้เลย โดยเฉพาะ เรื่องมารอะไรเนี่ย ที่สำนักนี้มักจะเอาเป็นจุดขาย เพราะมันพิสูจน์อะไรไม่ได้ และมันเกินวิสัยของมนุษย์ธรรมดาทั่วไปจะทำได้

สำหรับผมเริ่มสงสัย ตั้งแต่พฤติกรรมของพวกทีมงานนี้ ก็ไม่ได้เป็นคนวิเศษอะไร ดูได้จากพฤติกรรมการ พูด คุย การดำเนินชีวิต และยิ่งชัดเจน ที่นายเจษฏา คุยธรรมมะออกอาการ อวดรู้ คุยโว ว่าตนรู้เช่นนั้น เช่นนี้ ยิ่งเป็นที่แน่ใจว่า นายเจษฏากับพวก ไม่ได้รู้เห็นธรรมมะ เหมือนในหนังสือหรือตำราอะไรเลย เพียงแต่อ่านแล้วจำๆ เอามาเติมสี ใส่ใข่ให้มันดูตื่นเต้น ทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่า กลุ่มคนในสำนักนี้ เป็นผู้วิเศษ เพื่อเรียกความศรัทธาจากผู้ที่ได้ฟ้งได้พบเห็น

และที่สำคัญ ว่ามีโยงไปเกี่ยวกับเรื่อง เงิน เด็ก และสตรี ด้วยรึเปล่า ?

ตอนนี้ผมให้ทางเจ้าหน้าที่ dsi ตามสืบเก็บข้อมูล ถ่ายรูป, vdo และตาม webpageของสำนักนี้ ไว้เป็นหลักฐาน

รอรวบรวม ผู้ที่เสียความรู้สึก ว่าตนเอง "โดนคนสามัญ ธรรมดา เอาตำราของสูงของพระผู้มีชื่อเสียง มาเรียกศรัทธา เพื่อหวัง?"

หรือทีมงานพวกนี้ตบะแตก ทำเรื่องเสียหายร้ายแรง เกี่ยวกับเด็กและผู้หญิง

ความลับไม่มีในโลกครับ วันไหน น้ำลด ตอที่อยู่ใต้น้ำย่อมผุดให้เห็น แต่จะเป็นตออะไร เป็น "ตอแหล" หรือว่า"ตอไม้" ก็คงต้องดูกันไป

"ต้องดูกรณี สำนักเณรแอ ต้องระวังครับโดยเฉพาะเด็กและผู้หญิงทั้งหลาย"

สาธุ สาธุ ทุกความเห็น

มาจับผิด ฟ้องศาล ให้ได้นะครับ ส่งมาตรวจสอบเยอะๆๆ ชอบจริงๆๆ

สงสัยมาขู่ผิดคนแล้วล่ะครับ 5555++ ตอนนี้กิจกรรมของเราโยงเด็ก กับสตรีเยอะมากครับ เพราะกลุ่มสตรีมาปฏิบัติธรรมกับเรามากกว่าบุรุษ เรื่องเงินก็เกี่ยวนะครับ เพราะมีคนบริจาคมา เงินยังอยู่กับผมอยู่เลย เป็นหมื่นนะครับ... มาจับสิครับ...อิอิอิ ตอนนี้จัดอบรมหลักสูตรวิชา 18 กาย ซึ่งเป็นเนื้อหาเบื้องต้นของวิชชาธรรมกาย จัดมา 18 รุ่นแล้วนะครับ รุ่นต่อไปกำลังจะเปิด รีบมาจับผิดนะครับ พากันมาเยอะๆๆๆๆๆๆๆ ซักล้านคนยิ่งดี จะได้สอน จนเห็นดวงปฐมมรรค ต่อจนได้กายธรรมกลับบ้าน เป็นบารมีติดตัวไป ช่วยหามาเยอะๆ นะ

ต่อไปผมจะมีโครงการสร้างพระ 1,000,000 องค์ แต่เป็นการสร้างพระในใจคน เอาซัก 1 ล้าน ไม่เก็บเงินซักบาท ว่าจะทำแข่งกับโครงการบวชพระ 100,000 รูปทั่วไทยซักหน่อย คุณจะเชื่อไหมล่ะ ผมก็ชอบคุยโวโอ้อวดแบบนี้แหละครับ

แอบมาสมัคร ตอนเราเปิดอบรมนะครับ จะได้มาจับผิด มากันเยอะๆๆ นะครับ ตอนที่เราอบรม... ยินดีต้อนรับ

ผมมาอ่านความเห็นคนแบบนี้ทีไร ยิ่งทำให้ วิริยะแก่กล้ามากขึ้นในการสร้างบารมี.... พวกเราเวลาสอนก็อ้างตำราทั้งนั้นแหละครับ สิ่งที่ท่านเขียนไว้จึงถูกต้อง 100%

"ทองแท้ ไม่แพ้ไฟ..... เกิดมาสร้างบารมี ทำความดีเพื่อปวงชน." .... บอกตัวเองนะครับ ไม่ต้องเห็นด้วยก็ได้

ขอบคุณแม่น้องเพียวนะครับ

หวังว่าน้องยังเดินวิชาอยู่นะครับ....

กำลังใจที่มีให้ ขอกลับไปเป็นบารมี ขอสิ่งที่ดีดี จงบังเกิดในดวงใจ

ผมปล่อยกระทู้นี้ไว้ ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หลายอย่างที่เกิดขึ้นไม่เกินสิ่งที่คาดไว้....

ธรรมภาคพระ ไม่เคยให้เผาตำราของธรรมภาคพระ.....

แนะนำถึง คุณแม่น้องเพียว

ผมเคยฝึกนั่งสมาธิที่บ้าน แบบที่พระอาจารย์ที่เคยอยู่วัดปากน้ำสอนเป็นประจำ ปรากฏว่า ตัวผมไม่เคยเห็นอะไรเลยเหมือนกัน แต่เด็กๆจะเห็นได้ง่าย

มีอยู่วัน ลองชวนหลาน2คน อายุ 10 กว่าขวบ มาลองฝึกนั่งสมาธิด้วย บอกวิธีแบบที่พระอาจารย์สอนผม ปรากฏว่าหลาน เห็นดวงสว่าง จึงถามพระอาจารย์ ท่านจึงบอกว่า เด็กจะเห็นง่ายกว่าผู้ใหญ่ เพราะความคิดฟุ้งซ่านรำคาญใจน้อย ใจนิ่งเร็ว จึงเห็นธรรมมะง่ายๆ ถามใครๆ ก็บอกเด็กจะเห็นง่ายครับเป็นเรื่องธรรมดา

เพราะขนาด ผมยังไม่เห็นอะไรเลย แค่จำวิธีการมา บอกให้หลานทำตาม หลานมันยังทำได้แบบง่ายๆ ไม่ถึง 10 นาที ไม่เชื่อคุณลองไปบอกเด็กๆ ให้ จินตนาการดวงแก้วไว้ที่กลางท้องๆ สิ ไม่เกิน 10 นาที เดี๋ยวก็เห็นกันง่ายเป็นส่วนใหญ่

สมาธิแนวของหลวงปู่สดวัดปากน้ำปฏิบัติง่าย มุ่งผลไปที่จิตใจสงบ ทำให้อยากอยู่แบบสันโดษ อารมณ์ดีสบายขึ้น ใจเย็น การงาน การเรียนดีขึ้นเป็นหลัก แบบใครๆก็ฝึกได้

ไม่จำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญสอน เพราะบางทีผู้เชี่ยวชาญที่อ้างตัวว่าเชี่ยวชาญ มักยังไม่เห็นอะไรเป็นส่วนใหญ่

"ยิ่งคนปฏิบัติธรรมได้แล้วจนถึงเก่งระดับอาจารย์ ที่รู้ๆมา จะชอบอยู่เงียบๆ ไม่ชอบคุยไม่ขี้อวด ว่าตัวเองเห็นโน่นเห็นนี่ เห็นพญามัจจุราชพญามาร อะไรหรอกครับ"

ส่วนทีมงานของคุณเจษฏานี้ ลองพิจารณากันเองก็แล้วกันครับ

สำหรับผม คงไม่ได้กินตังค์ผมแน่

ผมโครตเกลียดพวก ขี้อวดมากๆ เช่นพวกอวดรวย พวกนี้มักรวยไม่จริง ไปคิดเอาเองครับ

"ไม่เก็บเงินซักบาท"

"ต่อไปผมจะมีโครงการสร้างพระ 1,000,000 องค์ แต่เป็นการสร้างพระในใจคน เอาซัก 1 ล้าน ไม่เก็บเงินซักบาท ว่าจะทำแข่งกับโครงการบวชพระ 100,000 รูปทั่วไทยซักหน่อย คุณจะเชื่อไหมล่ะ ผมก็ชอบคุยโวโอ้อวดแบบนี้แหละครับ "

"โครงการสร้างพระ 1,000,000 องค์ ไม่เก็บเงินซักบาท"

"โครงการสร้างพระ 1,000,000 องค์ ไม่เก็บเงินซักบาท"

"โครงการสร้างพระ 1,000,000 องค์ ไม่เก็บเงินซักบาท"

คุยโวโอ้ดวด ถ้าเป็นนักบวช ก็จะถูกจับ สึก ข้อหา อวดอุตริ แถม มาบวชอีกก็ไม่ได้ มีขุมนรก รองรับหลังความตาย

คุยโวโอ้ดวด ถ้าเป็น คนทำมาหากิน ก็จะโดนจับติดคุก ข้อหา ลับ ลวง แหล 18 มงกุฏ แถมมีขุมนรก รองรับหลังความตาย

คนมีปัญญาเข้ามาดู จะได้รู้กันแล้วว่า ไอ้พวก "คุยโว้โอ้อวด" "ไม่เก็บเงินซักบาท" มันทำมาหากินกันแบบนี้เอง

1.เก็บเงิน (อ้างบริจาคเพื่อ...) แบบนี้"เธอเลยบอกว่ารับแต่จะเอาไปทำบุญพิมพ์หนังสือต่อ ซึ่งดิฉันก็ได้บุญต่ออีก " ที่มาจาก "แม่น้องเพียว"

2. ขายหนังสือ (ต้นทุนได้มาจาก การบริจาค) ใช้กลยุทธแบบ สุภาษิต "อัดยายกินขนมยาย" แล้วทำไมไม่แจกคนไปเลยละ คนบริจาคเขาจะได้บุญ เหมือนที่เขาได้รับรู้เจตนาจากพวกคุณว่า จะเอาไป ทำบุญพิมพ์หนังสือต่อ อย่างนี้มันก็หลอกกันนี่

3. คนมาปฏิบัติธรรม ไม่ได้ผล = เพราะ ตัวคนสอน ไม่มีคุณวิเศษจริง แถมยังปฏิบัติไม่ได้วิชาอะไรเลย แล้วจะสอนใครได้ คงได้แต่ "คุยโวโอ้อวด" แบบที่เอาประกาศตามเว็ป ของตัวเอง ว่าเห็นโน่น รู้นี้ ติดต่อกับ พระผู้มีชื่อเสียงอยู่ สั่งราชการ มาอย่างโน่นอย่างนี้

แบบนี้ เขาเรียกว่า สำนัก หมอผี ออนไลน์ หลอก ต้มชาวบ้าน

"โครงการสร้างพระ 1,000,000 องค์ ไม่เก็บเงินซักบาท" "ผมก็ชอบคุยโวโอ้อวดแบบนี้แหละครับ "

"โครงการสร้างพระ 1,000,000 องค์ ไม่เก็บเงินซักบาท" "ผมก็ชอบคุยโวโอ้อวดแบบนี้แหละครับ "

"โครงการสร้างพระ 1,000,000 องค์ ไม่เก็บเงินซักบาท" "ผมก็ชอบคุยโวโอ้อวดแบบนี้แหละครับ "

....แต่รับ บริจาค ค่า "ทำบุญพิมพ์หนังสือต่อ เพื่อ ขาย"......

สรุป ดีมากๆเลย ที่ยอมเปิดเผยตัวเอง ว่า ชอบ "คุยโวโอ้ดวด"

จะcopy ไว้เป็น แสงสว่าง ให้กับผู้คนทั่วไปที่ สงสัย เกี่ยวกับ ทีมงาน ของพวกคุณ =)

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท