มีผู้ป่วยโรคจิตสองคนมาหาหมอจิตเวชด้วยอาการเดียวกัน เขาเดินมาตัวเอียงๆ ยกมือสองข้างระดับหัวไหล่...หุบรักแร้เล็กน้อย...ขยับมือนิดๆ ทำท่าบินคล้ายนก....คือ...เขาคิดว่าเขาเกิดเป็นนก...
“สวัสดีครับ เป็นอะไรกันมาล่ะครับ”
“เป็นนกครับ” เขาตอบเหมือนกันทั้งคู่....คุณหมอก็เริ่มรักษาตามทฤษฎีที่ได้ร่ำเรียนมา...
เวลาผ่านไปๆ....การรักษาก็ดำเนินไปๆ...เรื่อยๆ.....จนคุณหมอเชื่อว่าเขาทั้งสองคนหายแล้ว
“ตอนนี้เป็นอะไรกันครับ” คุณหมอถาม
“เป็นคนครับ” เขาตอบ ...เอ้อ...ค่อยชื่นใจคนรักษาหน่อย
แต่จะเชื่อใจได้อย่างไรว่าหายเป็นปลิดทิ้ง....ต้องทดสอบ....
คืนวันนั้นคุณหมอนำตัวผู้ป่วยสองคนนั้นเข้าไปนอนพักในห้องเดียวกัน....ให้อยู่ด้วยกันทั้งคืน.... กะว่าถ้าหายแน่แท้ต้องสามารถอยู่ด้วยกันได้ เฉกเช่นคนปกติ
เช้าวันต่อมาก็พาสองผู้ป่วยออกจากห้อง เพื่อมาพูดคุยเป็นการทดสอบขั้นสุดท้าย
“เป็นไงบ้างครับ หลับสบายดีไหม”
“หลับสบายดีมากๆเลยละคร๊าบ”
“เออ..ดีๆ....แล้ววันนี้คุณเป็นอะไรกันล่ะ”
“ผมเป็นนกครับ....”
คุณหมอตกใจ...ไหนเมื่อวาน(มัน)หายจากนกกลับมาเป็นคนแล้ว ทำไมวันนี้(มัน)กลับมาเป็นนกอีกล่ะ(หว่า)
“อ๋อ....หมอไม่ต้องตกใจครับ ก็ผมเป็นนกฉัตรชัยไง้”
เฮ้อ!...โล่งอก.... คุณหมอดีใจไม่น้อย ที่อย่างน้อยหายแน่ๆคนนึงละนะ แถมวาดฝันว่าตนเป็นพระเอกยอดนิยมซะด้วย
“แล้วคุณล่ะครับเป็นยังไง” คุณหมอหันไปถามผู้ป่วยอีกคน
“เป็นนกเหมือนกันฮะ...”
คุณหมอต๊กกะใจ...อะไรกันอีกล่ะ(วะ)?
“แฮ่ๆๆ.....แต่หนูเป็นนกสินใจฮ่ะ”
ฮาๆๆๆๆๆๆๆ........
(มีตอนที่สองต่อค่ะ....เรื่องเล่า(ดัดแปลง)จากสองDJ…(อีก)... “ฉันกลายเป็นหนอน” )
สวัสดีครับ
อรุณสวัสดิ์ค่ะ..พ่อครูฯ
พ่อหมูอ้วน
อรุณสวัสดิ์ค่ะ
อิอิ นึกว่าคุณหมอก็เป็นลูกนก ที่ร้องเพลงคุณลำไย ไง อิอิ
เพื่อนหมอเคยเล่าให้ฟังเหมือนกันว่า คนไข้ชอบเอาหนังสติ๊กไปยิงกระจกชาวบ้าน ญาติก็เลยพามารักษา จนกระทั่งวันหนึ่งหมอเห็นอาการทั่วไปก็น่าจะดี คนไข้เริ่มมีความร่าเริงขึ้น ก็ทดสอบว่าหายหรือยัง ก็ถามว่าหากได้ออกจากโรงพยาบาลตอนนี้อยากทำอะไรมากที่สุด
คนไข้ตอบว่า อยากเอาหนังสติ๊กไปยิงกระจกโรงพยาบาล ชอบ...
หมอเห็นว่ายังไม่หายก็เลยให้อยู่ต่อ ครั้นต่อมารักษาอีก ๓ เดือน อาการดีขึ้นกว่าเดิมหมอก็เลยทดสอบอีกครั้ง ถามว่าถ้าได้ออกไปอยากทำอะไรมากที่สุด คนไข้บอกว่า
"นึกๆดูแล้ว อยากออกไปทำขนมขาย"
หมอนึกในใจว่า เออท่าจะให้ออกได้แล้วละ แต่ก็ยังอยากรู้ต่อจึงถามว่า ทำขนมขายแล้วเป็นไงต่อ
คนไข้ก็บอกว่า จะเอาเงินที่ได้ใส่กระปุกออมสินไว้
หมอก็นึกในใจว่า เออ เข้าท่า สงสัยให้ออกได้ตั้งแต่วันนี้เลย ขออีกคำถามเดียว แล้วเงินที่เก็บไว้จะไปทำอะไรต่อ
คนไข้ก็บอกว่า จะเอาไปซื้อหนังสติ๊กแบบเขาสัตว์ที่แกะลายสวยๆ แล้วเอามายิงกระจกโรงพยาบาล....แฮ่...
"สิ่งที่ดีที่สุด ก็ยังมีคนติ สิ่งที่แย่ที่สุด ก็ยังมีคนชอบ....นานาจิตตัง....ธรรมะคือธรรมะ ทุกอย่างย่อมเป็นไปตามกรรม" สาธุ............
ครับ ครับ แม่คู้น....คราวหน้าไม่เล่นพิเรนแล้วล่ะ....แต่มันสนุกอย่าบอกใครเลย.....จะพอๆ กับเจ้าปูจิ ปูจิของน้องซานมั้ยนะ ไม่อยากจะบอกว่า แป๊ะ แป๊ะ น่าจะสนุกกว่านะ......อิ อิ
พ่อดอกมะลิ
น้องแก้มยุ้ย
สวัสดีค่ะพี่ติ๋ว
ขำดีค่ะ นั่งหัวเราะ อิอิ อยู่คนเดียว 5555
มารายงานตัวเช่ินกันค่ะ กลับมาถึงบ้านตอนสามทุ่มกว่า เพราะว่าเดินไปสถานีไกล ต่อรถไฟฟ้า แล้วไปเอารถที่อาคารจอดแล้วจร แล้วถึงมาบ้าน ก่อนถึงบ้านโทรเช็คศิษย์พี่ใหญ่ พบว่าถึงโรงแรมเรียบร้อยก่อนเราตั้งนาน ^ ^
วันนี้ไปเจอกับศิษย์พี่ใหญ่ก่อนน้องซูซานไปถึง นัดกันที่ central world ศิษย์พี่ใหญ่ว่างช่วงบ่าย แต่พวกเราไม่ว่างกัน ก็เลยต้องเดินเล่นคนเดียว เดินไปเดินมาซื้อลำโพงคู่หนึ่งกับแอมป์ตัวนึง (ตอนนั้นตุ๋ยไปถึงพอดี) แจ๋วไหม 555 ไม่ต้องห่วง ไม่ได้แบกไปเกาหลีด้วย ให้เขาส่งไปเชียงใหม่ให้น่ะค่ะ
หลังจากนั้นก็นั่งคุยกันที่ร้านกาแฟจนน้องซูซานมาถึง หลังจากนั้นน้องซูซานเล่าแล้วนะคะ สนุกค่ะ ได้คุยเยอะเลยวันนี้ ถ้าพี่ติ๋วอยู่ด้วยคงสนุกมากขึ้นอีกเท่าตัว วันนี้เจอกันแต่ละคนแต่งตัวมาคนละแบบเลย ขำๆ ค่ะ ^ ^
แล้วคุยกันใหม่ค่ะ