1. กำหนดแนวทางและวิธีดำเนินการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา
2. กำกับ ติดตาม ให้ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา
3. เสนอสถานศึกษาแต่งตั้งคณะบุคคลทำหน้าที่ตรวจสอบทบทวนและรายงานคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา
4. ให้สถานศึกษาจัดระบบสารสนเทศที่มีข้อมูลอย่างเพียงพอต่อการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษาการจัดระบบบริหารและสารสนเทศ เป็นหัวใจสำคัญของการบริหาร เพื่อให้เกิดคุณภาพ การศึกษา ตามหลักการบริหารนั้น การประกันคุณภาพภายในเป็นกระบวนการบริหารจัดการ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ต้องการ หลักการและกระบวนการบริหารดังกล่าวเป็นสิ่งที่ใช้ในการทำงานให้ประสบความสำเร็จ โดยมีกระบวนการวางแผน ทำตามแผน ตรวจสอบ ประเมินผล และปรับปรุงพัฒนาอยู่เสมอ เพื่อให้การทำงานได้ผลและมีคุณภาพดี (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, 2543 : 8) ครูและผู้บริหารจะต้องร่วมกันพัฒนานักเรียนให้มีคุณภาพดี จะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องผู้บริหารและครูในสถานศึกษามีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน ว่าต้องการพัฒนานักเรียนให้มีคุณสมบัติอย่างไร ต้องช่วยกันคิด และช่วยกันวางแผน (Plan) ว่าจะต้องทำอย่างไร แล้วช่วยกันทำ (Do) ช่วยกันตรวจสอบ (Check) และปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง (Action) เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาปรับปรุงให้ดีขึ้นอยู่ตลอดเวลา โดยร่วมกันทำงานเป็นทีม (สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ, 2545 : 9) ระบบสารสนเทศทางการศึกษานั้นมีความสำคัญ เพราะ ระบบสารสนเทศทางการศึกษาเป็นการรวบรวมข้อมูลทางการศึกษา ดำเนินการประมวลผลและวิเคราะห์ให้เป็นสารสนเทศ ระบบสารสนเทศที่ดีจะต้องเป็นตัวแทนของเหตุการณ์ มีหลักฐาน มีการวิเคราะห์แปลความหมายของข้อมูล มีการเสนอ รายงานสรุปและการเผยแพร่ ระบบสารสนเทศจึงเป็นระบบที่ได้จัดตั้งขึ้นเพื่อปฏิบัติภารกิจเกี่ยวกับข้อมูลดังต่อไปนี้ (วีระ, 2539 : 7) คือ 1. รวบรวมข้อมูลทั้ง ภายใน ภายนอก ซึ่งจำเป็นต่อหน่วยงาน 2. จัดระบบเกี่ยวกับข้อมูลเพื่อให้เป็นสารสนเทศที่พร้อมจะใช้ประโยชน์ได้ 3. จัดให้มีระบบการจัดเก็บเป็นหมวดหมู่ เพื่อสะดวกต่อการค้นหาและนำไปใช้ 4. มีการปรับปรุงข้อมูลอยู่เสมอ เพื่อให้อยู่ในสภาพดีมีคุณภาพทันสมัยตลอดเวลา สถานศึกษาที่มีระบบสารสนเทศที่สมบูรณ์ ครบถ้วน เป็นปัจจุบันเรียกใช้ได้สะดวก และตรงกับความต้องการ จะช่วยให้สถานศึกษาสามารถดำเนินงานพัฒนาคุณภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการสร้างความมั่นใจอยู่บนฐานวิชาการ หลักฐานข้อเท็จจริงตรวจสอบได้ มีการวิเคราะห์ประมวลผลที่เป็นวิทยาศาสตร์ เพราะสารสนเทศทั้งหลาย นอกจากใช้ในการวางแผนและประกอบการตัดสินใจแล้ว ยังนำไปสู่การพัฒนาความคิด และแสดงทางเลือกใหม่ ๆ ในการดำเนินการต่าง ๆ ด้วย (สำนักงานทดสอบทางการศึกษา, 2544 : 8) เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการพัฒนาคุณภาพตั้งแต่ระดับผู้บริหารจนถึงระดับปฏิบัติ สำนักงานทดสอบทางการศึกษา (2544 : 115) ได้แนะนำการจัดระบบสารสนเทศภายในสถานศึกษา เพื่อให้เหมาะกับการนำไปใช้ โดยจำแนกเป็นระบบย่อยพอสรุปได้ ดังนี้ 1. ระบบสารสนเทศเป็นพื้นฐานของสถานศึกษา ประกอบด้วยข้อมูลและสารสนเทศที่เกี่ยวกับภาพรวมของสถานศึกษา 2. ระบบสารสนเทศเกี่ยวกับผู้เรียน เป็นระบบสารสนเทศที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้เรียนทั้งหมด 3. ระบบสารสนเทศการบริหารงานวิชาการ เป็นการจัดระบบสารสนเทศเกี่ยวกับหลักสูตรและการเรียนการสอน 4. ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการ สารสนเทศประเภทนี้ต้องประมวลผลรวมมีการเปรียบเทียบข้อมูลอย่างถูกต้องทันสมัย 5. ระบบสารสนเทศเพื่อการรายงาน เป็นการนำข้อมูล สารสนเทศทั้งสี่มารวมกับส่วนที่กล่าวข้างต้น มาสรุปรวมกันแล้วเขียนเป็นรายงานต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สรุปได้ว่าการจัดระบบบริหารของสถานศึกษานั้นต้องเอื้อต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา เป็นระบบ และสารสนเทศต้องเป็นข้อมูลที่ผ่านการประมวลผล ครอบคลุมงานทุกด้าน ถูกต้องทันสมัย และจัดเก็บเป็นหมวดหมู่สามารถนำมาใช้ได้อย่างรวดเร็วทันความต้องการรวมทั้งใช้ประกอบการวางแผนและตัดสินใจได้เป็นอย่างดี
ไม่มีความเห็น