วันที่ฉันต้องมาเป็นครู ---->> วันที่ได้ถ่ายทอดและเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน


สอนเด็กต่างชาติ..ทำให้ฉันหวนมองเด็กไทย..เหมือนและต่างกัน..หลากหลายมุมมอง

...วันที่ฉันต้องมาเป็นครู... และแล้วหลังจากเรียนจบหมาด ๆ โชคชะตาก็นำพาให้ฉัน ได้มา "เป็นครู" ครูอาชีพที่ฉันไม่เคยใฝ่ฝันจะเป็น... เพราะคิดว่าตัวเองคงสอนใครเค้าไม่ได้ดี...หร๊อก.. เหอะ ๆ และแล้ววันนี้ก็เป็นครูได้เกือบ 3 เดือนแล้ว.. ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้จบวิชาชีพครูมา...และที่สำคัญไม่ได้จบ สาขาที่สอนด้วย...ความวุ่นวายพัลวันก็เกิดขึ้น..เพราะ เพิ่งรู้ก่อนโรงเรียนเปิดเพียงสองวันว่า..ต้องสอนคอมพิวเตอร์นะ..เหอะ ๆ ตอนนั้นอะขำไม่ออกเล๊ย..เพราะสอนคอมเด็ก ประถมนะพอทำได้แห่ล่ะน้า..แต่ที่หนักใจกว่า คือ เราอะต้อง สอนหลักสูตรเดียวกับประเทศอังกฤษนั่นหมายถึง ทุกอย่างฉันต้องปรับตัว เปลี่ยนแปลง และที่สำคัญ คือ ต้องทำใจให้ได้ และแล้ววันนี้ก็ผ่านมาได้เกือบ 3 เดือนแล้ว..ฉันดีใจนะ..ที่ อยู่มาถึงวันนี้(แม้มันอาจจะยังไม่มากมายนัก)แต่วันนี้วันที่ฉํน เป็นครูสอนอยู่โรงเรียนนานาชาติ และดูแลห้องสมุดไปด้วย มันทำให้ฉันได้เรียนรู้ไปพร้อม ๆ กับได้ถ่ายทอด ซึ้งฉันก็มีความ สุขดีในระดับหนึ่ง... และเมื่อฉันมาอยู่ตรงนี้ มันทำให้ฉันคิดว่าเด็กสมัยนี้กับสมัยที่ฉํนเรียนประถมหรือมัทธยมต้นมันต่างกันหรือ หรือต่างกัน เพราะที่นี่เด็กต่างชาติ และลูกครึ่งเป็นส่วนใหญ่กันแน่.... ฉันได้มีโอกาสนั่งฟังพี่ซึ่งเป็นครูภาษาไทยสอนภาษาไทยเด็กพวกนี้...เค้าสอนเรื่องตัวการันต์..บอกว่าตัวใหนมีตัวการันต์ ไม่ต้องอ่านออกเสียง...สอนไปสอนมาครูภาษาไทยสอนกัน ตั้งน่าน..และแล้วเมื่อจะหมดเวลา..ก็เป็นธรรมดาที่ครูจะต้อง ถามว่า "เข้าใจมั๊ย" และแล้ว ความแตกต่างที่ฉันสัมผัสได้ คือ ทุกคนพร้อมใจตอบกันอย่างพร้อมเพรียงกันว่า "ไม่เข้าใจ" และก็มีอีกหลาย ๆ คำถามตามมา ว่าทำไม ๆ ๆ และทำไม อย่าง นั้นและอย่างนี้สารพัด พอบอกว่าเป็นคำยืม ก็ถามต่อว่าทำไมต้องยืม พอบอกว่ายืมจากอังกฤษบ้าง บาลี บ้าง ก็บอกว่าทำไมต้องเลือกที่จะยืม..เหอะ ๆ เด็กฝรั่งมันช่างกล้า...ซึ่งเด็กไทย สมัยนี้เป็นแบบนี้รึเปล่า ฉันนั้นก็ไม่ได้รู้และไม่มีโอกาสได้สัมผัส แต่อยากรู้จริง ๆ นะ เพราะหลังจากเหตุการณ์นั้นฉันเลยนั่งกับตัวเองคิดย้อนไปเมื่อครั้งวันวาน...ฉันจำได้ว่าฉันไม่เคยสงสัย..จำได้ว่าตอนนั้นขอเพียงครูบอกอะไร ฉันก็เชื่อโดยไม่ต้องถามเหตุผล เพราะเหตุผลของฉันคือ เพราะคนที่สอนฉันเค้าเป็นครู...แต่ฉันก็จำได้นะ ไม่ใช่เฉพาะวิชาภาษาไทยเท่านั้น ในหลาย ๆ วิชาที่ฉันเรียน เมื่อครูถามทุกคนก็จะตอบอย่างพร้อมเพรียงกันเสมอว่า เข้าใจ(อิอิ แต่แบบประมาณว่าไม่เต็มปากเต็มคำ)...นั่นหมายถึงจะบอกว่าไม่เข้าใจก็ไม่ได้ เพราะครูต้องถามต่อว่า ตรงใหน และทำไม ซึ่งทั้งอายทั้งกลัว ทั้งบอกไม่ถูก.. นั่นคือ ความทรงจำวัยเยาว์ของฉันและเพื่อน ๆ และฉันก็เชื่อว่าเด็กไทยส่วนใหญ่ ณ ตอนนั้นก็เป็นแบบที่ฉันกล่าวมา...แล้วเด็กไทยในวันนี้ละ .. เปลี่ยนไปแค่ใหน ใครรู้บอกฉันที..เปลี่ยนไปกล้าพูด กล้าคิด และกล้าแสดงออกเหมือน ๆ กับเด็กลูกครึ่งที่ฉันสำผัสรึเปล่าคะ..และยังมีอีกหลายเรื่องราว ณ โรงเรียนแห่งนี้ที่สอนให้ฉันได้เข้าใจและเรียนรู้อะไรมากขึ้น

หมายเลขบันทึก: 137539เขียนเมื่อ 11 ตุลาคม 2007 18:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 เมษายน 2012 23:17 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

               หน้าที่ครูไม่มีอะไรเร้นลับ ลำบาก ยุ่งยาก สำหรับผู้ที่ตั้งใจจริง เจตนาบริสุทธิ์ ต่อหน้าท่ ต่อศิษย์ สังคมและชาติบ้านเมือง 

               เด็กไทยตอนนี้เริ่มกล้าแสดงออก กล้าถามครูมากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นกับบรรยากาศภายในห้องเรียนที่ครูสอนด้วย แต่คงไม่ถึงขั้นเด็กต่างชาติหรอก คิดว่าหากครูเตรียมการสอนที่ดีเพื่อให้ผู้เรียนสามารถคิดและกล้าพูดกล้าถามมากขึ้นหรือที่ใครๆตอนนี้เรียนว่ากระบวนการคิดนั่นแหละ

               เด็กต่างชาติและเด็กไทยในมุมมองของท่านมีส่วนดีและส่วนที่ต้องปรับปรุงอย่างไรบ้าง

               

ก็ถ้าหากถามมากไปมันก็จะกลายเป็นว่าไม่ต้องคิดอะไร ขี้เกียจคิดไป ความสงสัยเป็นได้แค่เพียงความสงสัย แล้วจึงถามออกมา

แต่ว่าเมื่อถามแล้วอะไรคือสเตปต่อไปของการถาม ? การนำไปคิดต่อ หรือว่าเป็นการสิ้นสุดของความสงสัยเพียงเท่านั้น ?

สำหรับเด็กไทยแล้ว นอกจากไม่อยากถามแล้ว ยังคิดกันไม่เป็นอีกด้วย ถามในเรื่องที่ไม่ควรถาม คิดในเรื่องที่ไม่น่าคิดกันเสียมาก มันก็เลยกลายเป็นการออกนอกลู่นอกทางกันไปหมด

ถ้าหากเด็กไทยรู้จักคิด รู้จักถามกันแล้ว มันคงดีกว่านี้แน่นอน

สวัสดีครับ

แวะมาทักท้าย

ครูก็ครู ผู้เป็นครูของเหล่าเด็กน้อย ที่ล้อมตัวและรอค่อยความรู้ จากผู้ซึ่งมีนามว่า "ครู"

เป็นกำลังให้กับคนสุ่ชีวิต การปรับตัวของคุณก็น่าจะรับการยกย่องครับ

เป้นกำลังใจให้คนสู่งาน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท