หลังจากลงจากรถตู้ ทักทายมิตรรักแฟนเพลงเรียบร้อย ก็ได้รับคำชมอันบาดหู “แหม...กลมเชียวนะ” บั่นทอนกำลังใจมากค่ะ นี่ถ้ารถตู้ยังไม่ไปจะวิ่งกลับเข้าไป แล้วเหมากลับพิษณุโลกแล้ว จากนั้นก็พากันเข้าที่พัก ซึ่งเป็นบ้านของพี่จิ๋ม ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.แม่ปะ เป็นบ้านที่น่ารักมาก บรรยากาศรีสอร์ทเลย มีฉากหลังเป็นเขาและทะเลสาบ
พอเก็บกระเป๋าเสร็จ พรรคพวกบอกว่า ให้ไปกินข้าวเร็วๆ เพราะกำลังจะออกไปเที่ยวกัน ดิฉันก็ได้แต่นึกในใจว่า หยุดก่อนได้มั้ย จะตายอยู่แล้ว แต่ด้วยความอยากไปเที่ยวเลยบอกไปว่า “โอเค ค่ะ”
อาหารกลางวันมือแรกที่แม่สอดคือ ราดหน้าทะเล (เข้ากันเนอะ) จากร้านกาแฟที่น่ารักมากๆ หน้าบ้านพี่จิ๋ม ในระหว่างกินน้องบอย(เจ้าหน้าที่ของ SBA) ก็มาถึงจึงได้ปรึกษาว่าจะไปไหนดี ตกลงกันวุ่นวายมาก น้องบอยจึงสรุปว่า จะเที่ยวในเมืองแม่สอดก่อนแล้วค่อยไปน้ำตก มีน้องคนนึงในกลุ่มบอกว่าอยากไปเนินพิศวง ซึ่ง มีลักษณะเป็นทางขึ้นเนินที่แปลก คือเมื่อนำรถไปจอดไว้ตรงทางขึ้นเนินโดยไม่ได้ติดเครื่องรถจะไหลขึ้นเนินไปเอง มีนักวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์ถึงสาเหตุนี้พบว่า เกิดจากเป็นภาพลวงตา เนื่องจากได้มีการวัดระดับความสูงของเนินลูกนี้แล้วปรากฏว่า ช่วงที่มองเห็นเป็นที่สูงนั้น มีระดับความสูงต่ำกว่าช่วงที่เห็นเป็นทางลงเนิน ดังนั้นรถที่เรามองเห็นไหลขึ้นนั้นที่จริงไหลลงสู่ที่ต่ำกว่า แต่ก็ไม่มีผู้ใดสามารถบอกได้ว่าเหตุใดจึงมองเห็นเป็นภาพลวงตาเช่นนั้นได้ ต่อจากเนินพิศวงเราจะไปวัดกัน แต่ระหว่างทางที่ไป ทุกคนมัวแต่คุยๆๆๆๆๆ จนลืมเนินพิศวงซะแล้ว รู้ตัวอีกทีน้องบอยบอกว่า ถึงวัดแล้วครับ สรุปไม่ได้เห็นเนินพิศวงค่ะ
จุดแรกที่เราไปถึงเป็นวัดโพธิคุณ หรือชาวบ้านเรียกว่า วัดห้วยเตย พอไปถึงทุกคนตะลึงกับความสวยงามของวัด ภายในวัดออกแบบและจัดวางผัง สภาพภูมิทัศน์ตลอดจนสิ่งก่อสร้างที่งดงาม เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และบรรยากาศที่ล้อมรอบไปด้วยพันธุ์ไม้แปลกตามากมาย ซึ่งวัดนี้พี่จิ๋มไกด์จำเป็น (เพิ่งมาอยู่แม่สอดได้ 4 เดือน) เล่าให้ฟังว่า เป็นผลงานการออกแบบและก่อสร้างตกแต่งตลอดจนการปั้นพระพุทธรูป โดยคุณสมประสงค์ ชาวนาไร่ ศิลปบัณฑิตจากวิทยาลัยครูอุบลราชธานีและมหาบัณฑิตทางด้านโบราณคดีมหาวิทยลัยศิลปากร ท่านได้อุทิศชีวิตและจิตใจในการก่อสร้างนานกว่า 17 ปี เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาโดยไม่ขอรับค่าตอบแทนใดๆทั้งสิ้น
ชื่นชมความงดงามกันได้ซักพักก็เดินทางออกจากวัด น้องบอยแนะนำว่าอยากให้ไปดูวัดที่อยู่แถวบ้าน เพราะมีพระพุทธรูปแบบนอนองค์ใหญ่ เมื่อเจ้าถิ่นตัวจริงแนะนำเราจึงตกลงไปกันทันที
จุดหมายต่อไปของเราคือ วัดไทยวัฒนาราม ที่น้องบอยบอกว่าวัดแม่ตาว พอไปถึงน้องบอยนำรถไปจอดหน้าพระนอนองค์ใหญ่ ซึ่งพวกเราคิดว่าเป็นศิลปะแบบพม่า แต่บอยบอกว่านี่คือศิลปะแบบไทยใหญ่ บอยบอกเพิ่มเติมว่าวัดนี้เป็นวัดของเงี้ยว หรือพวกไทยใหญ่ เดินดูกันซักพักก็มีเด็กผู้ชายอายุประมาณ 9-10 ปี เดินมา สื่อสารกันครูใหญ่ก็ไม่รู้เรื่อง จนให้ล่ามบอยแปลได้ความว่า ให้รอตรงนี้ เดี๋ยวหลาวงพ่อจะมาเปิดประตูให้ชมพระ แล้วจากนั้นหลวงพ่อจะรดน้ำมนต์ให้ แล้วหลวงพ่อก็เดินถือกุญแจพวงใหญ่ มาเปิดประตูทำให้เราเห็น พระพุทธมหามุณี ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่จำลองมาจากพระพุทธมหามุณีอันศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวเมืองมัณฑเลย์ งดงามมากจริงๆ แล้วต่อมาก็มีเด็กผู้ชายอายุ 14-15 ปี เข้ามาพาเดินชมทั่วๆ วัดพร้อมกับอธิบายเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ให้ฟัง อยากบอกว่าเด็กทั้ง 2 คนนี้ทำหน้าที่เจ้าบ้านได้อย่างน่าชื่นชมมาก เราเดินกันอีกพักใหญ่ เจ้าเด็กตัวน้อยก็บอกว่าหลวงพ่อให้มาตามไปรดน้ำมนต์ ในขณะที่ท่านรดน้ำมนต์ให้ท่านก็สวดมนต์ไปด้วย แต่เป็นภาษาที่แปลกหู คณะที่ไปเถียงกันใหญ่ว่าเป็นภาษาพม่าหรือ กระเหรี่ยง น้องบอยทนไม่ได้จึงบอกว่า ภาษาเงี้ยวครับ
จุดหมายต่อไป เป็นรีเควส ของดิฉันเอง พอบอกว่าอยากไปตลาดริมเมย คนในรถโห่กันใหญ่บอกว่าไปมาแล้ว อ้าว..... ก็พวกตัวเองมากันหลายวันแล้วนี่ แต่ทุกคนก็ยอมไป พอไปถึงก็ซื้อของกันใหญ่ (ไหนว่าไม่อยากมา) จากนั้นก็ขับรถวนดูสะพานมิตรภาพไทย-พม่า ซึ่งวันนี้มีรถทหารจอดอยู่หลายคัน และรถทำข่าวของช่อง 9 จอดอยู่ปลายสะพาน เนื่องจากเวลาน้อยจึงไม่ได้ให้ความสนใจกับตรงนี้นัก เพราะจุดหมายต่อไปของเราคือ เมืองเพอะพะ
ลองเปลี่ยน Theme ดูนะคะ ตอนนี้คุณ ซูซาน
Little Jazz \(^o^)/ แจก Theme ใหม่อยู่พอดีคะ เข้าไปดูได้ที่นี่คะ Colorful" Theme